เบาหวานเป็นอีกหนึ่งโรคยอดฮิตที่ไม่มีใครอยากได้มาครอบครอง เพราะเป็นโรคเรื้อรังที่ไม่หายขาด และหากดูแลรักษาสุขภาพไม่ดี ก็จะเกิดโรคแทรกซ้อนอื่นๆตามมาได้อย่างง่ายดาย และถึงขนาดต้องตาบอด เช่น เบาหวานขึ้นตา หรือต้องตัดแขนตัดขา เป็นต้น
ทางที่ดีต้องหมั่นดูแลใส่ใจสุขภาพ เพื่อหนีให้ไกลโรคเบาหวาน ซึ่งสถาบันการแพทย์แผนไทยได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้ดังนี้
• กินสมุนไพร ห่างไกลเบาหวาน
ตามภูมิปัญญาดั้งเดิมของคนไทยได้มีการบันทึกไว้เกี่ยวกับการดูแลรักษาโรคเบาหวาน โดยเน้นพืชผักสมุนไพรพื้นบ้านที่หาง่ายในท้องถิ่น และส่วนใหญ่มักใช้มาประกอบเป็นอาหารกินเป็นประจำ
สมุนไพรที่สามารถลดระดับน้ำตาลในเลือดที่ใช้กิน ได้แก่ ตำลึง เตยหอม และ มะระ
1. ตำลึง
ตำลึงเป็นผักพื้นบ้านที่มีคุณค่าทางด้านอาหารสูง ประกอบด้วยแร่ธาตุแคลเซียม ฟอสฟอรัส และวิตามินอื่นๆ อีกมาก ยอดตำลึงใช้ปรุงอาหารได้หลายชนิด เช่นแกงจืด ผัดผัก ลวกจิ้มน้ำพริก แกงเลียง ใส่ก๋วยเตี๋ยว นอกจากจะมีประโยชน์และคุณค่าทางอาหารสูงแล้ว ในตำลึงยังพบกรดอะมิโนหลายชนิด
สรรพคุณทางยา
- ใบและเถาตำลึงมีฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือดได้โดยมีการทดลองใช้น้ำคั้นจากใบและเถาตำลึง น้ำคั้นจากผลดิบ และสารสกัดจากเถาตำลึงด้วยแอลกอฮอล์ พบว่ามีฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือดของกระต่ายที่เป็นเบาหวานได้
2. เตยหอม
ใบเตยมีสีเขียว น้ำคั้นจากใบเตย มีกลิ่นหอม นำมาใช้แต่งสีขนม แต่งกลิ่นอาหาร นอกจากนี้ยังนิยมนำมาเป็นเครื่องดื่ม น้ำที่ได้จากใบเตยมีสารสำคัญหลายชนิด เช่น ไลนาลิลอะซีเตท (Linalyl acetate), เบนซิลอะซีเตท (benzylacetate), ไลนาโลออล(Linalool), และเจอรานิออล (geraniol) และมีสารหอมคูมาริน(Coumarin) และเอททิลวานิลลิน(ethyl vanilin)
สรรพคุณทางยา
- ในตำรายาไทย ใช้ใบเตยสดเป็นยาบำรุงหัวใจ ให้ชุมชื่นช่วยลดอาการกระหายน้ำ รากใช้เป็นยาขับปัสสาวะ ใช้รักษาเบาหวาน น้ำต้มรากเตยสามารถลดน้ำตาลในเลือดของสัตว์ทดลองได้
3. มะระ
ส่วนใหญ่จะใช้มะระขี้นก โดยใช้ผลดิบแก่ที่ยังไม่สุก และยอดอ่อน ใช้เนื้อรับประทานเป็นผักจิ้ม ผลของมะระนำมาลวก รับประทานกับน้ำพริก ส่วนผลมะระจีนใช้ประกอบอาหาร เช่นแกงจืด ผัด
สรรพคุณทางยา
- ตามตำรายาไทย เป็นยารสขม ช่วยเจริญอาหาร น้ำคั้นจากผลช่วยแก้ไข้ และใช้อมแก้ปากเปื่อย
- ผลของมะระจีนที่โตเต็มที่แล้วนำมาหั่นตากแห้งชงกับน้ำร้อน ใช้ดื่มแทนน้ำชา แก้โรคเบาหวาน
- ใบสดของมะระขี้นก หั่นชงกับน้ำร้อนใช้ถ่ายพยาธิเข็มหมุด และนอกจากนั้นในผลและใบของมะระยังมีสารที่มีฤทธิ์ลดระดับน้ำตาลในเลือด ได้แก่ พี-อินซูลิน (p-insulin) ซึ่งเป็นสารโปรตีน และคาแรนติน (charantin) ซึ่งเป็นสารผสมของสเตียรอยด์ กลัยโคไซด์ 2 ชนิด การค้นพบสารที่มีฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือดจากผลมะระ จึงเป็นข้อมูลสนับสนุนภูมิปัญญาพื้นบ้านที่ได้นำผลมะระมาประกอบเป็นอาหาร และยังช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้
แต่อย่างไรก็ตาม การนำสมุนไพรมาใช้เพื่อลดระดับน้ำตาลในเลือดใน ผู้ป่วยโรคเบาหวาน ต้องไปตรวจร่างกายเป็นประจำและต่อเนื่อง เพื่อดูระดับน้ำตาลในเลือด และเพื่อความปลอดภัย เพราะบางครั้งอาจจะทำให้น้ำตาลในเลือดต่ำกว่าปกติจนเป็นอันตราย
• หลักการดูแลสุขภาพ
ผู้ป่วยโรคเบาหวาน และการป้องกัน
การแพทย์แผนไทยเป็นการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม เป็นการปรับพฤติกรรม เป็นการปรับสมดุลของธาตุเจ้าเรือนในร่างกาย หลักเลี่ยงพฤติกรรมก่อโรค 8 ประการคือ การกินอาหารที่ไม่ถูกกับธาตุอาหาร บูด,เน่า,หมักดอง, การเปลี่ยนอิริยาบถ, การกระทบความร้อนและความเย็น, การนอน อดข้าว อดน้ำ, การกลั้นอุจจาระปัสสาวะ, การทำงานเกินกำลัง, ความเศร้าใจเสียใจ ความโกรธ พฤติกรรมดังกล่าวเหล่านี้เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดความเจ็บปวด
นอกจากนี้การปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหารโดยเน้น
กินข้าวที่อุดมด้วยวิตามิน ได้แก่ข้าวกล้อง ข้าวซ้อมมือ เพราะได้คาร์โบไฮเดรทช่วยย่อยสลายอย่างช้าๆ ให้เวลาตับอ่อนขับอินซูลิน วิตามินบีในข้าวกล้อง ช่วยเผาผลาญน้ำตาลให้หมด ในข้าวกล้องยังมีเส้นใยมากกว่าข้าวขาว 9 เท่า ช่วยให้อิ่มง่าย เป็นผลให้รับประทานแป้งน้อยลง น้ำตาลในเลือดไม่สูง
หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารประเภทไขมันอิ่มตัว เช่น ไขมันจากสัตว์ เนย หลีกเลี่ยงอาหารทอด
รับประทานเนื้อสัตว์ลดลง ถ้ากินเป็นพวกปลา หรือถั่วต่างๆ ได้ก็จะทำให้ได้รับโปรตีนที่เพียงพอ และไม่ทำให้น้ำตาลในเลือดสูง
กินผักสด และผลไม้ที่ไม่มีรสหวาน เพราะในผักมีการต้านอนุมูลอิสระ อุดมด้วยวิตามิน
ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอตามอัตภาพ เช่น เดิน กายบริหารท่าฤาษีดัดตน
ใช้หลักธรรมานามัย คือจิตตานามัย จิตรวมมีสมาธิ ชีวิตตานามัย ใช้ชีวิตโดยการดำเนินตามทางสายกลาง และกายนามัย คือ ทำร่างกายให้แข็งแรง รักษาสมดุลของร่างกาย
สำหรับผักพื้นบ้านที่มีคุณค่าทางอาหารสูง คือ มีวิตามินเอ และเบต้าแคโรทีน มากกว่าผักอื่นที่ควรรับประทาน เพื่อป้องกันการเกิดโรคต่างๆ เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ และโรคมะเร็ง ได้แก่ มะระ กระชาย กระเทียม ยอดแค ใบกะเพรา ใบขี้เหล็ก ผักเชียงดา ผักติ้ว ผักกะเฉด แครอท ใบยอ ใบย่านาง ใบชะพลู ตำลึง ผักกูด ผักแพง ผักชีลาว ผักแว่น ใบบัวบก ใบกระเจี๊ยบ ใบแมงลัก ใบเหมียว ผักหวาน ผักไผ่ เป็นต้น
เส้นใยในผักพื้นบ้านทำให้อิ่มง่าย แคลอรีที่รับประทานเข้าสู่ร่างกายน้อย จึงช่วยป้องกันและรักษาโรคเบาหวานได้ เส้นใยยังช่วยดูดซับไขมันส่วนเกินในอาหารมื้อนั้นที่เรากินเข้าไป และช่วยขับไขมันมาพร้อมกับกรดน้ำดี ไม่ได้ดูดซึมกลับเข้าสู่ร่างกาย
อาหารที่มีเส้นใยสูงจึงช่วยป้องกันรักษาโรคเบาหวาน โรคไขมันในหลอดเลือดสูง เป็นผลในการรักษาระดับความดันโลหิต ป้องกันการเกิดโรคหัวใจในระยะยาวได้
ผู้ที่ยังไม่เจ็บป่วย ก็สามารถกินเพื่อป้องกัน ส่วนคนที่ป่วยก็ช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือด แม้จะไม่ช่วยรักษาแทนยาแผนปัจจุบัน แต่ถ้าเราควบคุมอาหาร กินอาหารที่มีประโยชน์ดังกล่าว ใช้ควบคู่ไปกับยาแผนปัจจุบัน ก็จะช่วยให้เรามีชีวิตที่ยืนยาว มีสุขภาพแข็งแรง และไม่มีโรคแทรกซ้อน
(ข้อมูลจากสถาบันการแพทย์แผนไทย)
เมื่อไรจึงจะถือว่าเป็นโรคเบาหวาน
ระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือดในเวลาเช้าหลังอดอาหารข้ามคืนมาอย่างน้อย 8 ชั่วโมง จะเป็นตัวบอกว่าท่านเป็นโรคเบาหวานแล้วหรือยัง
ระดับน้ำตาลในเลือด (FPG) มิลลิกรัม/เดซิลิตร
คนปกติ 70 – 99 / ผู้ที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวาน 100 – 125 / ผู้ที่เป็นเบาหวาน มากกว่าหรือเท่ากับ 126
หมายเหตุ - ถ้าไม่มีอาการของโรคเบาหวานได้แก่ ปัสสาวะบ่อย ดื่มน้ำมาก หิวบ่อย เป็นต้น ควรได้รับการตรวจเลือดอีกหนึ่งครั้งในวันอื่น หากพบค่าผิดปกติ 2 ค่า จึงจะวินิจฉัยว่าเป็นโรคเบาหวาน
(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 145 มกราคม 2556 โดย กองบรรณาธิการ)