เพราะอะไร? ศาสดาของหลายศาสนา ถึงบัญญัติให้สาวกผู้ชายต้องขริบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศ การขริบจำเป็นอย่างไร พบกับผลวิจัยที่จะทำให้คุณไม่อยากเชื่อ แต่นี่คือความจริง!!
มีการค้นพบว่า เป็นเวลากว่าห้าพันปีมาแล้วที่การขริบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชาย ได้เกิดขึ้น สมัยอียิปต์เรืองอำนาจ หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่จะต้องขริบหนังหุ้มปลายจู๋ของตัวเองก่อน ถึงจะสามารถแต่งงานมีครอบครัวได้ สิ่งนี้ปรากฏหลักฐานเด่นชัดเป็นภาพวาดที่สลักไว้บนฝาผนังซึ่งสามารถหาดูได้ตามตำรา
ศ.นพ.ณรงค์ นิ่มสกุล นายกสมาคมกิตติมศักดิ์ สมาคมเลเซอร์ทางการแพทย์นานาชาติ ให้ข้อมูลว่า ปัจจุบันนี้ มีศาสนาอิสลาม มีศาสนายิว และหลายๆ นิกายในอินเดีย ซึ่งบัญญัติให้การขริบเป็นส่วนหนึ่งของศาสนา ซึ่งจริงๆ แล้วศาสนากับอวัยวะเพศ ไม่เกี่ยวกันเลยนะครับ ศาสนาทุกศาสนาสอนให้ทุกคนเป็นคนดี อวัยวะเพศมีไว้ให้ปัสสาวะและสืบพันธุ์ แต่ทำไม ศาสดาของบางศาสนาถึงบัญญัติให้เป็นส่วนหนึ่งของศาสนา เพราะว่ามันจะได้ไม่เป็นที่ถกถียงกัน เป็นระเบียบกันไปเลย ทุกคนต้องทำ มันเป็นเรื่องดีทั้งสำหรับผู้หญิงและผู้ชาย
ปกติ ธรรมชาติจะสร้างหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชายขึ้นมาตั้งแต่อยู่ในมดลูก ด้วยสองเหตุผล หนึ่งคือ ถ้าคุณแม่ไม่สบาย ความร้อนในร่างกายของคุณแม่จะสูงขึ้น และความร้อนบริเวณมดลูกจะสูงมาก สามารถส่งผลให้ปลายอวัยวะเพศของลูกมีปัญหาได้ ดังนั้น ต้องมีหนังหุ้มไว้ และสอง ถ้าความร้อนมากขึ้นๆ ก็อาจจะทำให้กลไกสร้างอสุจิของเด็กชายคนนั้นๆ ล้มเหลว นั่นก็คือเด็กทีเกิดมาจะเป็นหมัน
แต่ในวันที่คลอด หนังหุ้มปลายจะไม่มีประโยชน์อีกต่อไป ดังนั้น เด็กที่อยู่ในอเมริกาหรือยุโรป ถ้าคลอดตอนเช้า เขาจะถูกผ่าตัดหนังหุ้มปลายตอนบ่ายวันนั้นเลย ยิ่งไวยิ่งดี เพราะถ้ารีบทำภายใน 48 ชั่วโมง เส้นประสาทตรงปลายอวัยวะเพศจะยังไม่ทำงาน ขริบก็ไม่เจ็บ ไม่ต้องฉีดยาชา แต่มีการถกเถียงกันว่า เป็นการไปทรมานเด็ก ซึ่งอันที่จริง เด็กไม่รู้สึกเจ็บแต่อย่างใด
ข้อมูลที่น่าสนใจอีกอันหนึ่ง เป็นการวิจัยในแอฟริกา ชี้ว่าการขริบสามารถป้องกันโรคที่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ถึง 60 เปอร์เซ็นต์
“การประชุมโรคเอดส์นานาชาติเมื่อสองปีก่อน เขาไปสำรวจผู้ชายสองประเภท คือผู้ชายที่ขริบกับไม่ขริบ ปรากฏว่าคนที่ไม่ขริบจะมีความอ่อนแอ เกิดการอักเสบง่าย และเป็นโรคเอดส์มากกว่าคนที่ขริบแล้วประมาณสามเท่าตัว นอกจากโรคเอดส์แล้ว โรคทางเพศสัมพันธ์ต่างๆ ก็เป็นกันง่ายมาก เพราะความที่ไม่แข็งแรง ไม่ได้ขริบ” ศ.นพ.ณรงค์ กล่าว
มีสถิติของสถาบันมะเร็งทั่วโลก ว่า ผู้หญิงที่แต่งงานกับผู้ชายที่ไม่ได้รับการขริบหนังหุ้มปลาย แล้วเวลามีเพศสัมพันธ์กัน พวกความสกปรกทั้งหลายที่ติดอยู่ตรงหนังหุ้มจะไปก่อให้เกิดมะเร็งมดลูกในผู้หญิงได้ แม้จะล้างทำความสะอาดแล้ว แต่ก็ยังมีการขับออกมาเรื่อยๆ และอาจตกค้างอยู่ที่คอคอด ซึ่งมองไม่เห็น มันเหมือนกับขับเหงื่อ ขับไขมันออกมา
ดังนั้น อย่าได้ลังเลที่จะไปขริบ ศ.นพ.ณรงค์ บอกว่า อายุเท่าไหร่ก็ขริบได้ ปลอดภัย หลายคนกังวลว่าขริบแล้วจะทำให้สัมผัสกับเชื้อโรคได้ง่าย จริงๆ แล้วไม่ใช่เลย เพราะจากปากคำของนายแพทย์ณรงค์ บอกว่านอกจากปลอดภัยหายห่วงแล้ว ยังจะทำให้อวัยวะเพศแข็งแรงขึ้นอีกด้วย
ล้อมกรอบ
ขอบคุณข้อมูล : รายการ “Health Line สายตรงสุขภาพ” รายการที่สร้างภูมิคุ้มกันโรคภัยไข้เจ็บ ออกอากาศทุกวันอาทิตย์ เวลา 07.00-08.00 น.ทางสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี
มีการค้นพบว่า เป็นเวลากว่าห้าพันปีมาแล้วที่การขริบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชาย ได้เกิดขึ้น สมัยอียิปต์เรืองอำนาจ หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่จะต้องขริบหนังหุ้มปลายจู๋ของตัวเองก่อน ถึงจะสามารถแต่งงานมีครอบครัวได้ สิ่งนี้ปรากฏหลักฐานเด่นชัดเป็นภาพวาดที่สลักไว้บนฝาผนังซึ่งสามารถหาดูได้ตามตำรา
ศ.นพ.ณรงค์ นิ่มสกุล นายกสมาคมกิตติมศักดิ์ สมาคมเลเซอร์ทางการแพทย์นานาชาติ ให้ข้อมูลว่า ปัจจุบันนี้ มีศาสนาอิสลาม มีศาสนายิว และหลายๆ นิกายในอินเดีย ซึ่งบัญญัติให้การขริบเป็นส่วนหนึ่งของศาสนา ซึ่งจริงๆ แล้วศาสนากับอวัยวะเพศ ไม่เกี่ยวกันเลยนะครับ ศาสนาทุกศาสนาสอนให้ทุกคนเป็นคนดี อวัยวะเพศมีไว้ให้ปัสสาวะและสืบพันธุ์ แต่ทำไม ศาสดาของบางศาสนาถึงบัญญัติให้เป็นส่วนหนึ่งของศาสนา เพราะว่ามันจะได้ไม่เป็นที่ถกถียงกัน เป็นระเบียบกันไปเลย ทุกคนต้องทำ มันเป็นเรื่องดีทั้งสำหรับผู้หญิงและผู้ชาย
ปกติ ธรรมชาติจะสร้างหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชายขึ้นมาตั้งแต่อยู่ในมดลูก ด้วยสองเหตุผล หนึ่งคือ ถ้าคุณแม่ไม่สบาย ความร้อนในร่างกายของคุณแม่จะสูงขึ้น และความร้อนบริเวณมดลูกจะสูงมาก สามารถส่งผลให้ปลายอวัยวะเพศของลูกมีปัญหาได้ ดังนั้น ต้องมีหนังหุ้มไว้ และสอง ถ้าความร้อนมากขึ้นๆ ก็อาจจะทำให้กลไกสร้างอสุจิของเด็กชายคนนั้นๆ ล้มเหลว นั่นก็คือเด็กทีเกิดมาจะเป็นหมัน
แต่ในวันที่คลอด หนังหุ้มปลายจะไม่มีประโยชน์อีกต่อไป ดังนั้น เด็กที่อยู่ในอเมริกาหรือยุโรป ถ้าคลอดตอนเช้า เขาจะถูกผ่าตัดหนังหุ้มปลายตอนบ่ายวันนั้นเลย ยิ่งไวยิ่งดี เพราะถ้ารีบทำภายใน 48 ชั่วโมง เส้นประสาทตรงปลายอวัยวะเพศจะยังไม่ทำงาน ขริบก็ไม่เจ็บ ไม่ต้องฉีดยาชา แต่มีการถกเถียงกันว่า เป็นการไปทรมานเด็ก ซึ่งอันที่จริง เด็กไม่รู้สึกเจ็บแต่อย่างใด
ข้อมูลที่น่าสนใจอีกอันหนึ่ง เป็นการวิจัยในแอฟริกา ชี้ว่าการขริบสามารถป้องกันโรคที่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ถึง 60 เปอร์เซ็นต์
“การประชุมโรคเอดส์นานาชาติเมื่อสองปีก่อน เขาไปสำรวจผู้ชายสองประเภท คือผู้ชายที่ขริบกับไม่ขริบ ปรากฏว่าคนที่ไม่ขริบจะมีความอ่อนแอ เกิดการอักเสบง่าย และเป็นโรคเอดส์มากกว่าคนที่ขริบแล้วประมาณสามเท่าตัว นอกจากโรคเอดส์แล้ว โรคทางเพศสัมพันธ์ต่างๆ ก็เป็นกันง่ายมาก เพราะความที่ไม่แข็งแรง ไม่ได้ขริบ” ศ.นพ.ณรงค์ กล่าว
มีสถิติของสถาบันมะเร็งทั่วโลก ว่า ผู้หญิงที่แต่งงานกับผู้ชายที่ไม่ได้รับการขริบหนังหุ้มปลาย แล้วเวลามีเพศสัมพันธ์กัน พวกความสกปรกทั้งหลายที่ติดอยู่ตรงหนังหุ้มจะไปก่อให้เกิดมะเร็งมดลูกในผู้หญิงได้ แม้จะล้างทำความสะอาดแล้ว แต่ก็ยังมีการขับออกมาเรื่อยๆ และอาจตกค้างอยู่ที่คอคอด ซึ่งมองไม่เห็น มันเหมือนกับขับเหงื่อ ขับไขมันออกมา
ดังนั้น อย่าได้ลังเลที่จะไปขริบ ศ.นพ.ณรงค์ บอกว่า อายุเท่าไหร่ก็ขริบได้ ปลอดภัย หลายคนกังวลว่าขริบแล้วจะทำให้สัมผัสกับเชื้อโรคได้ง่าย จริงๆ แล้วไม่ใช่เลย เพราะจากปากคำของนายแพทย์ณรงค์ บอกว่านอกจากปลอดภัยหายห่วงแล้ว ยังจะทำให้อวัยวะเพศแข็งแรงขึ้นอีกด้วย
ล้อมกรอบ
ขอบคุณข้อมูล : รายการ “Health Line สายตรงสุขภาพ” รายการที่สร้างภูมิคุ้มกันโรคภัยไข้เจ็บ ออกอากาศทุกวันอาทิตย์ เวลา 07.00-08.00 น.ทางสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี