xs
xsm
sm
md
lg

บทความพิเศษ : กายวิภาคศาสตร์ที่เกื้อหนุนต่อการปฏิบัติกัมมัฏฐาน ตอนที่ 2 อาการ ๓๒ ที่แท้จริง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เรามักจะได้ยินคำว่า “เกิดมามีอวัยวะครบ ๓๒ ก็ดีแล้ว” คำว่า “อวัยวะครบ ๓๒” นั้นหมายถึงอวัยวะใดบ้าง

โดยทั่วไปก็คงเข้าใจว่าอวัยวะครบ ๓๒ ส่วนที่ว่านี้ จะนับเอาแต่อวัยวะของร่างกายที่เห็นเด่นชัดกันภายนอกเท่านั้น ได้แก่ ตา ๒ ใบหู ๒ จมูก ๑ ปาก ๑ แขน ๒ ขา ๒ มือ ๒ นิ้วมือ ๑๐ และนิ้วเท้า ๑๐ รวมเป็น ๓๒ ส่วน

หากท่านใดขาดอวัยวะตามที่แสดงไว้ข้างต้นนี้ ผู้คนทั่วไปก็จะเรียกว่า “ร่างกายไม่ครบ ๓๒” บางท่านอาจจะเรียกว่ามีความพิการ ผิดปกติ หรือความบกพร่องทางร่างกาย

แต่ในความเป็นจริงแล้ว ทางพระพุทธศาสนาไม่ได้ให้ความเห็นในเรื่องนี้เหมือนกันสักเท่าไหร่ เพราะไม่ได้หมายเอาเฉพาะอวัยวะที่อยู่ภายนอก หรือที่ปรากฏเห็นด้วยตาเท่านั้น แต่รวมไปถึงอวัยวะภายในด้วย รวมเรียกว่า “อาการ ๓๒”

ในร่างกายที่กว้างศอก ยาววา หนาคืบนี้ ได้มีการอธิบายถึงชิ้นส่วนต่างๆ ของร่างกายไว้ในพระไตรปิฎกหลายพระสูตร ตัวอย่างเช่น มหาสติปัฏฐานสูตร พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๐, ๑๒ มหาหัตถิปโทปมสูตร พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๒ มหาราหุโลวาทสูตร พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๓ และกายคตาสติสูตร พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๔ เป็นต้น

มีพระบาลีเป็นบทสวดมนต์ที่คุ้นเคยว่า “อตฺถิ อิมสฺมึ กาเย เกสา โลมา นขา ทนฺตา ตโจ มํสํ นหารู อฏฺฐี อฏฺฐิิมิญฺชํ วกฺกํ หทยํ ยกนํ กิโลมกํ ปิหกํ ปปฺผาสํ อนฺตํ อนฺตคุณํ อุทริยํ กรีสํ ปิตฺตํ เสมฺหํ ปุพฺโพ โลหิตํ เสโท เมโท อสฺสุ วสา เขโฬ สิงฺฆาณิกา ลสิกา มุตฺตนฺติ”

แปลว่า “ในร่างกายนี้ มีผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เนื้อ เอ็น กระดูก เยื่อในกระดูก ไต หัวใจ ตับ พังผืด ม้าม ปอด ไส้ใหญ่ ไส้น้อย อาหารใหม่ อาหารเก่า ดี เสลด หนอง เลือด เหงื่อ มันข้น น้ำตา เปลวมัน น้ำลาย น้ำมูก ไขข้อ มูตร (ปัสสาวะ)”

สรุปว่า ร่างกายมนุษย์ประกอบไปด้วยของที่ไม่สะอาดทั้งสิ้น มีทั้งอวัยวะที่อยู่ภายใน และภายนอกร่างกาย

หากสังเกตให้ดีจะเห็นว่า มีอวัยวะที่อยู่ภายนอกร่างกายเพียง ๕ ส่วนเท่านั้น คือ ผม ขน เล็บ ฟัน และหนัง อวัยวะส่วนที่เหลือนั้น อยู่ภายในร่างกายเป็นส่วนใหญ่

เช่นเดียวกับวิทยาศาสตร์ทางการแพทย์ที่ระบุว่า “อวัยวะ” มีทั้งที่เป็นภายในและภายนอกร่างกาย มิใช่ตัดสินกันจากที่เห็นภายนอกร่างกายแต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น

เมื่อเป็นเช่นนี้ หากท่านใดลองนับดูอวัยวะส่วนต่างๆตามเนื้อความข้างต้นที่ยกมานี้ จะเห็นว่ามีอยู่เพียง ๓๑ ส่วนเท่านั้น ขาดไป ๑ ส่วน จึงจะครบตามอาการ ๓๒ ส่วนที่ขาดไปก็คือ “มันสมอง” หรือที่พระบาลีว่า “มตฺถเก มตฺถลุงฺคํ”

ทั้งนี้ก็เพราะว่าตามพระบาลีเดิม ท่านนับรวมมันสมองเข้าไว้เป็นอันเดียวกันกับเยื่อในกระดูก โดยถือว่ามันสมองก็เป็นเนื้อในกระดูก หรืออยู่ในกะโหลกศีรษะนั่นเอง

แม้กระทั่งในอรรถกถา ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ ก็ได้ระบุว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงสงเคราะห์มันสมองไว้ด้วยเยื่อในกระดูก หรือในคัมภีร์วิสุทธิมรรค ก็ได้ระบุว่า รวมมันสมองเข้าในเยื่อกระดูกด้วย

ดังนั้น ในพระไตรปิฎกส่วนใหญ่จึงพบเห็นเพียงแค่อาการ ๓๑ เท่านั้น จะมีก็แต่เพียงพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๕ ได้อธิบายถึง “ทวัตติงสาการ หรืออาการ ๓๒” ไว้อย่างครบถ้วน โดยเพิ่ม “มันสมอง” ไว้ตอนท้ายต่อจากคำว่า “มูตร”

ทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ก็ได้ระบุว่า ไขกระดูก (Bone Marrow) หมายเอาเนื้อที่อยู่ในกระดูกยาว เช่น กระดูกแขน หรือขา เป็นต้น มีหน้าที่สร้างเม็ดเลือด และแม้แต่ในกะโหลกศีรษะช่วงวัยเด็กก็จะมีไขกระดูกชนิดเดียวกันนั้นอยู่ด้วย

แต่เมื่อเติบโตขึ้น ไขกระดูกในกะโหลกดังกล่าวจะฝ่อไป ไม่ได้ทำการสร้างเม็ดเลือดอีก จึงสามารถแยกได้อย่างชัดเจนว่า ไขกระดูกเป็นคนละส่วนกับมันสมอง เนื่องจากมันสมองมิได้มีหน้าที่สร้างเม็ดเลือด

สรุปได้ว่า อวัยวะครบ ๓๒ ตามที่ผู้คนทั่วไปเข้าใจ เป็นคนละอย่างกับคำว่า “อาการ ๓๒” ของทางพระพุทธศาสนา

และกายวิภาคศาสตร์ก็ได้ให้ความเห็นไว้เช่นเดียวกันกับทางพระพุทธศาสนาที่ว่า อวัยวะที่ครบถ้วนจะต้องมีทั้งภายในและภายนอกร่างกายจึงจะเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์

เพราะว่าการเกิดเป็นมนุษย์ไม่ใช่เรื่องง่าย ดังพระพุทธพจน์ที่ว่า “กิจฺโฉ มนุสฺสปฏิลาโภ” แปลว่า การได้เกิดมาเป็นมนุษย์ก็นับว่ายาก ยิ่งถ้าได้มีอวัยวะครบ ๓๒ ด้วยยิ่งยากเข้าไปใหญ่

ดังนั้น ผู้ที่มีอวัยวะครบถ้วนจึงควรเร่งประกอบกิจทำความดีให้มากทั้งต่อตนเองและผู้อื่น ให้สมกับที่ได้เกิดมามีอวัยวะครบถ้วนสมบูรณ์ อันเป็นที่ปรารถนาของผู้คนอีกเป็นจำนวนมาก ที่มีความบกพร่องผิดปกติทางร่างกาย และอยากมีอวัยวะที่ครบถ้วนสมบูรณ์ ซึ่งไม่สามารถหาซื้อได้ด้วยเงินตราจากที่ไหน

(อ่านต่อฉบับหน้า)

(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 142 ตุลาคม 2555 โดย พระมหาอดิเดช สติวโร (สุขวัฒนวดี) วัดเกตุมดีศรีวราราม จ.สมุทรสาคร)

กำลังโหลดความคิดเห็น