xs
xsm
sm
md
lg

ความรู้สุขภาพ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


• วิจัยพบว่านหางจระเข้
ช่วยป้องกันโรคนิ่วในไต


คณะวิจัยมหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้ทำการวิจัยศึกษาเกี่ยวกับสารซิเตรตและสารทาร์เตรต ในว่านหางจระเข้ ซึ่งมีผลในการช่วยยับยั้งการเกิดนิ่วในไต โดยจากการศึกษาการเปลี่ยนแปลงขององค์ประกอบในปัสสาวะในเด็ก ด้วยการให้เด็กที่เป็นอาสาสมัคร รับประทานว่านหางจระเข้สด ครั้งละ 100 กรัม วันละ 2 ครั้ง ติดต่อกันเป็นเวลา 7 วัน และเก็บตัวอย่างปัสสาวะ เพื่อดูการเปลี่ยนแปลงเป็นระยะๆ ผลการวิจัยพบว่า ว่านหางจระเข้มีสารที่มีศักยภาพในการป้องกันการเกิดนิ่วในไตในเด็กได้เป็นอย่างดี และเมื่อขยายผลการศึกษาในผู้ใหญ่ ก็พบว่าได้ผลดีในการป้องกันการเกิดนิ่วในไตเช่นกัน

นอกจากว่านหางจระเข้จะช่วยยับยั้งการเกิดนิ่วแล้ว ยังช่วยยับยั้งนิ่วให้ไม่โตขึ้น และป้องกันการเกิดนิ่วในไตซ้ำได้ และเพื่อให้ได้ผลทางการแพทย์ในการป้องกันการเกิดนิ่วในไต สามารถทำได้ง่ายๆ โดยนำว่านหางจระเข้สดมาปอกเปลือก แล้วล้างยางสีเหลืองออกให้หมด นำเฉพาะส่วนที่เป็นวุ้นสดมารับประทานสดๆ

• ชาขาวช่วย
ป้องกันมะเร็งผิวหนัง


น้ำชาสีเหลืองทอง มีกลิ่นหอมและรสชาติหวานอ่อนๆ ของ “ชาขาว” มีผลดีต่อสุขภาพของคนเรามาก

ผลงานการวิจัยจากมหาวิทยาลัยคิงสตัน ประเทศอังกฤษ พบว่า สารประกอบในชาขาวจะช่วยป้องกันไม่ให้เอนไซม์เข้าไปทำลายชั้นอีลาสตินและคอลลาเจน ซึ่งช่วยสร้างความแข็งแรงและยืดหยุ่นให้กับผิวหนัง ส่งผลให้ผิวหนังไม่เหี่ยวย่น อีกทั้งยังช่วยหยุดยั้งไม่ให้เอนไซม์ทำลายข้อต่อกระดูกที่ทำให้เกิดโรคไขข้ออักเสบ

นอกจากนี้ สารแอนตี้ออกซิแดนท์ในชาขาว จะช่วยปกป้องผิวจากภายใน โดยป้องกันการสูญเสียโปรตีนในชั้นผิวจากกระบวนการออกซิเดชั่น อันเป็นสาเหตุของการเกิดริ้วรอยหรือจุดด่างดำ และยังช่วยยับยั้งอนุมูลอิสระที่มีสาเหตุมาจากรังสียูวี ถือเป็นส่วนช่วยในการป้องกันการเกิดโรคมะเร็งผิวหนัง และช่วยให้ต่อมน้ำเหลืองขจัดสารพิษออกจากผิว ทำให้ผิวไม่แห้งกร้าน

สรรพคุณของชาขาวอีกประการหนึ่ง คือช่วยลดน้ำหนัก จากการวิจัยยังพบด้วยว่า สารคาเฟอีนและสารคาเทชินในชาขาว ทำให้การเผาผลาญอาหารในร่างกายดีขึ้น เผาผลาญพลังงานได้มาก เป็นผลทำให้น้ำหนักตัวลดลง โดยที่ไม่มีผลกระทบต่ออัตราการเต้นของหัวใจ

• ไม่น่าเชื่อ!
สีเสื้อป้องกันรังสียูวี


ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อ เพราะทีมนักวิทยาศาสตร์จากประเทศสเปนได้เปิดเผยผลการวิจัยว่า เสื้อผ้าที่ทำจากใยฝ้ายช่วยกรองแสงแดดได้ดี โดยเฉพาะเมื่อผ่านการย้อมเป็นสีน้ำเงิน จะเพิ่มประสิทธิภาพการกรองรังสียูวีได้มากขึ้น

โดยในการทดลอง ทีมวิจัยได้ใช้เสื้อผ้าจากใยฝ้ายหลากหลายสีในโทนสีแดง ฟ้า และเหลือง ผลการทดลองปรากฏว่า โทนสีที่ป้องกันอันตรายจากรังสียูวีได้ดีที่สุดคือ ฟ้า แดง และเหลือง ตามลำดับ ส่วนสีที่กันแดดได้ดีที่สุด คือ สีน้ำเงิน

• ตากแดดรับวิตามิน
ลดเสี่ยงกระดูกพรุน


การดื่มนม หรือรับประทานอาหารทีมีแคลเซียมและโปรตีน ถือเป็นการสะสมแคลเซียมให้ร่างกายไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะกระดูกพรุนเมื่อเข้าสู่วัยทอง

ที่สำคัญ ควรให้ผิวผนังได้ถูกแสงแดดเพื่อรับวิตามินดี ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายสามารถดูดซึมแคลเซียม และรักษาระดับแคลเซียมในกระแสเลือด เสริมการทำงานของกล้ามเนื้อ และควบคุมการทรงตัว

ช่วงที่เหมาะสมในการรับแสดงแดด คือ เวลา 8.30 - 09.00 น. และ 16.00 - 16.30 น. และไม่ควรทาครีมกันแดดที่มีค่าเอสพีเอฟเกิน 35 เนื่องจากสารเคมีในครีมกันแดด จะเป็นตัวต้านไม่ให้ผิวหนังได้รับรังสียูวี ที่เป็นประโยชน์กับการสังเคราะห์ให้ได้วิตามินดี

นอกจากนี้ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่จะช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคกระดูกพรุนด้วย

• ภัยเงียบ
จาก“ปาท่องโก๋”


ปาท่องโก๋มีภัยเงียบจากไขมันอิ่มตัวที่ซ่อนเร้นอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะไขมันชนิดทรานส์ ที่ก่อให้เกิดอันตรายกับผู้บริโภคได้อย่างคาดไม่ถึง

ไขมันชนิดทรานส์ หรือ Trans Fat คือไขมันอิ่มตัว แต่เมื่อผ่านกระบวนการผลิตที่มีการเติมไฮโดรเจนเพิ่มลงไปเพื่อให้มีคุณสมบัติที่ไม่เป็นไข และไม่เหม็นหืนจากออกซิเจนในอากาศได้โดยง่าย รวมทั้งเหมาะแก่การนำมาใช้เป็นส่วนผสมในอาหาร โดยเฉพาะพวกขนมอบ เบเกอรี่ หรืออาหารจำพวกแป้งที่ต้องผ่านการทอดด้วยน้ำมัน เช่น ปาท่องโก๋ จะพบไขมันชนิดทรานส์มากเป็นพิเศษ

อันตรายที่น่ากลัวของไขมันชนิดทรานส์ ไม่เพียงแต่ทำลายไขมันชนิดดี หรือเอชดีแอล (HDL) ที่มีประโยชน์ในร่างกายเท่านั้น แต่ยังไปเพิ่มไขมันชนิดร้าย (LDL) ให้มากขึ้นซึ่งไขมันชนิดร้ายนี้ มีความสัมพันธ์กับการเกิดโรคเรื้อรังต่างๆ มากมาย เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน โรคอ้วน โรคมะเร็ง และโรคระบบภูมิต้านทานให้ทำงานผิดปกติอีกด้วย

• กินไป...เม้าท์ไป
อาจถึงตาย!


พญ.วราภรณ์ ภูมิสวัสดิ์ ผู้อำนวยการสถาบันเวชศาสตร์ ผู้สูงอายุ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า คนไทยโบราณมีความชาญฉลาด ห้ามพูดคุยระหว่างกินอาหาร เพราะทางเดินอาหารกับหลอดลมซึ่งเป็นทางเดินหายใจอยู่ติดกัน

เวลาหายใจกับการพูดคุยขณะกิน ทำให้ลิ้นเปิด-ปิดทางเดินอาหารกับหลอดลมที่ใช้หายใจ เกิดความสับสน ปิดไม่สนิท และเมื่ออาหารตกลงไปในหลอดลม กลไกร่างกายจะทำให้เกิดการสำลัก หากเป็นชิ้นเล็กๆ จะสำลักออกมาได้ แต่หากเป็นชิ้นใหญ่ตกไป จะอุดกั้นหลอดลมถึงขั้นเสียชีวิต หรือขาดอากาศหายใจเป็นเวลานาน ทำให้เป็นเจ้าชายหรือเจ้าหญิงนิทราได้เช่นกัน

วิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้น หากเกิดการสำลักอาหารคือ ให้ยืนด้านหลังคนที่สำลัก ใช้มือโอบด้านหน้า กดลงบริเวณลิ้นปี่ ส่งผลให้เกิดแรงดันจากกระเพาะอาหาร ผลักดันเศษอาหารที่ติดอยู่ในหลอดลม ให้หลุดออกมาทางปาก

(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 140 สิงหาคม 2555 โดย ธาราทิพย์)





กำลังโหลดความคิดเห็น