ณ บ้านพระอาทิตย์
โดย : ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
สำหรับอาหารแล้วการจะทดสอบว่าอาหารหรือน้ำดื่มที่เรารับประทานอยู่นั้นเป็นกรดหรือด่างนั้นหลักการในการทำความเข้าใจที่ว่าจะตรวจวัดได้ด้วยค่า pH ซึ่งย่อมาจาก "Power of Hydrogen" ที่จะเป็นตัวกำหนดอาหารนั้นว่าอาหารนั้นมีความเป็นกรดหรือด่าง โดยทั่วไปมีค่าตั้งแต่ 1-14
ถ้าค่า pH ที่ตรวจได้มีค่าเท่ากับ 7 หมายถึงว่าเป็นกลาง
ถ้าค่า pH ที่ตรวจได้มีค่าต่ำกว่า 7 หมายถึงว่าเป็นกรด (Acid) ยิ่งน้อยลงมากก็ยิ่งเป็นกรดมาก
ถ้าค่า pH ที่ตรวจได้มีค่ามากกว่า 7 หมายถึงว่าเป็นด่าง (Alkaline) ยิ่งมีค่ามากกว่า 7 มากขึ้นเท่าใด ก็หมายถึงว่ามีสภาพความเป็นด่างมากขึ้นเท่านั้น
แต่สำหรับอาหารอาจจะไม่ตรงไปตรงมาอย่างนั้น อย่างเช่น ผลไม้หรือน้ำผลไม้จำนวนไม่น้อยที่วัดค่าภายนอกได้เป็นกรด แต่เมื่อย่อยสลายในกระเพาะอาหารแล้วให้ผลออกมาเป็นด่าง ดังนั้นการจะตรวจสอบอาหารนั้นเป็นกรดหรือด่างก็มักนิยมที่จะนำอาหารนั้นมาเผาจนเป็นขี้เถ้าเสียก่อน แล้วนำขี้เถ้าเหล่านั้นไปละลายน้ำแล้วหาค่า pH อีกครั้ง การที่นำอาหารไปเผาไหมจนเป็นขี้เถ้านั้นก็เป็นการจำลองกระบวนหลังจากการย่อยสลายเผาผลาญอาหารในร่างกายแล้วว่าจะให้ค่าเป็นกรดหรือด่าง
อาหารที่มีสภาพความเป็นด่างได้แก่ ผักทุกชนิด น้ำผักผลไม้สด เช่นมะละกอ แอปเปิ้ล สับปะรด มะเขือเทศ กล้วย มะพร้าว มะนาว ส้ม สตอรเบอรี่ ราสเบอรี่ ลูกเกด ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง และข้าวบาร์เลย์ ฯลฯ ในขณะที่อาหารที่มีความเป็นกรดได้แก่ เนื้อสัตว์ทุกชนิด ไขมัน แป้ง ชีส เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ชา กาแฟ ช็อกโกแลต น้ำตาลขัดสี อาหารสำเร็จรูป ผงชูรส ของหมักดอง น้ำส้มสายชู แป้งและเม็ดข้าวโดยเฉพาะพวกที่ขัดสีแล้ว น้ำมัน ไขมันทุกชนิด และอาหารทอดน้ำมัน และน้ำมันพืชที่ไม่ได้ผ่านกรรมวิธีบีบเย็น ฯลฯ
ร่างกายมนุษย์เราพยายามที่จะทำให้ค่า pH อยู่ที่ประมาณ 7.4 อยู่ตลอดเวลา การกินอาหารที่เป็นกรดมากเกินไป จะทำให้ร่างกายดึงภาวะความเป็นด่างจากร่างกายซึ่งก็คือแคลเซียมมาใช้เพื่อรักษาระดับค่าที่ร่างกายต้องการ ผลก็คือคนที่รับประทานอาหารเป็นกรดมากฟันก็จะกร่อนบางลง เป็นโรคกระดูกพรุนมากขึ้น และหากร่างกายไม่สามารถรักษาความสมดุลในร่างกายได้ สภาพเซลล์ในร่างกายก็จะทำงานหนักมากขึ้นโดยเฉพาะการฟอกเลือด เช่น ม้าม ตับ หัวใจ และนิ่วในไต รวมถึงระบบเผาผลาญอาหารให้เป็นพลังงานก็จะผิดเพี้ยนไป และทำให้เป็นหลายโรคได้ตามมาได้ด้วย เช่น โรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน ฯลฯ
มิพักต้องพูดถึงว่าความเป็นกรดสูงจนเกินสมดุลนั้น ยังจะทำให้เป็นการเสริมศักยภาพให้สภาพอนุมูลอิสระให้ขยายตัวเพิ่มขึ้นได้ด้วย นั่นหมายความว่ากรดจะทำให้ผู้บริโภคมีสุขภาพและร่างกายที่เสื่อมลงจากอนุมูลอิสระแล้ว ยังอาจหมายรวมถึงการทำให้สภาพมะเร็งเติบโตขึ้นได้ด้วย
โดยเฉพาะในวันนี้พบว่าการเสียชีวิตของคนไทยจากโรคร้ายอันดับหนึ่งในวันนี้คือโรคมะเร็ง ซึ่งสะท้อนความล้มเหลวของรัฐบาลไทยทุกยุค ที่ปล่อยปละละเลยให้อาหารบ้านเราเป็นพิษเกิดขึ้นโดยทั่วไป ทั้งจากการใช้น้ำยาอาบศพในสัตว์ทะเลตามตลาดสดเพื่อให้ดูสดตลอดเวลา น้ำยาฟอร์มารีนอบก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่เพื่อให้มีอายุการใช้งาน มากขึ้น การใช้สารเร่งเนื้อแดงในหมูเพื่อให้เนื้อหมูดูสดและแดงตลอดเวลา การพ่นยาฆ่าแมลงและสารพิษในพืชและผัก การใช้น้ำมันซ้ำในอาหารทอดตามร้านอาหารต่างๆ ฯลฯ ด้วยเหตุผลเหล่านี้คนไทยจึงมีสภาพป่วยเป็นโรคมะเร็งเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
การให้ข้อมูลกับผู้บริโภคคนไทยในวันนี้ จึงเป็นเรื่องที่มีความสำคัญ และควรจะเป็นสิทธิ์ขั้นพื้นฐานในการที่จะได้รู้ข้อมูลให้เลือกได้ว่าประชาชนควรจะบริโภคอย่างไร ด้วยข้อมูลที่ครบถ้วน
ด้วยเหตุผลนี้ผมจึงได้ตัดสินใจนำน้ำดื่มและน้ำอัดลม ที่ซื้อมาจากร้านสะดวกซื้อตรงข้ามบ้านพระอาทิตย์มา 21 ยี่ห้อ เพื่อวัดคุณภาพน้ำด้วย 2 ค่า เมื่อวันอังคารที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2555 ดังนี้
1. ค่า pH ว่าน้ำแต่ละยี่ห้อมีความเป็นกรด-ด่างมากน้อยเพียงใด ค่า pH ต่ำกว่า 7 เป็นกรด และยิ่งเป็นกรดมากเมื่อมีค่า pH ต่ำ เป็นด่างเมื่อค่า pH สูงกว่า 7 และยิ่งเป็นด่างมากมื่อค่า ph สูงขึ้น
2. วัดค่า Oxidation Reduction Potential หรือที่เรียกในตัวย่อว่า "ORP" เพื่อวัดว่าน้ำดื่มเหล่านั้นมีค่าความต่างศักย์ไฟฟ้าสุทธิแล้วน้ำเหล่านั้นมีค่าประจุบวกหรือลบอย่างไร และมากแค่ไหน มีหน่วยวัดเป็นมิลลิโวลต์ โดยถ้ามีประจุบวกมากเท่าไหร่ก็เท่ากับว่าเป็นน้ำที่ส่งเสริมการทำงานของการทำปฏิกิริยาออกซิเดชั่น (Oxidation) มากขึ้น ซึ่งย่อมส่งผลทำให้การทำงานของอนุมูลอิสระเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้เพราะจะทำให้เกิดการช่วงชิงอิเล็กตรอนจากเซลล์ต่างๆภายในร่างกาย ในขณะที่น้ำที่มีประจุบวกน้อยกว่าก็จะทำให้ส่งเสริมอนุมูลอิสระที่น้อยกว่า ยกเว้นว่าหากมีค่าประจุไฟฟ้าสุทธิติดลบก็จะกลายเป็นน้ำที่เข้าข่ายในการทำปฏิกิริยา "ต้านอนุมูลอิสระ" หรือที่เรียกว่า Anti Oxidant ได้
แม้จะมีข้อมูลอีกหลายอย่างที่ต้องทำการสำรวจและทดลอง แต่เอาเฉพาะ 2 หัวข้อนี้ ก็น่าจะเป็นประโยชน์กับผู้บริโภคไม่น้อย
ผมจึงใช้เครื่องวัดค่า ORP และค่า pH และวัดอุณหภูมิในตัวเดียวกันยี่ห้อ HANA รุ่น HI 98121 เป็นตัววัดค่าดังกล่าว โดยการถ่ายรูปเป็นหลักฐานเอาไว้ในทุกการทดลองในการตรวจวัดผลิตภัณฑ์ ได้ผลที่น่าสนใจให้เป็นข้อมูลส่วนหนึ่งสำหรับผู้บริโภคได้ดังนี้
เริ่มต้นจากน้ำดื่มในภาชนะบรรจุปิดสนิท ได้หยิบมาทั้งหมด 10 ยี่ห้อ อันได้แก่ เนสท์เล่, สิงห์, ช้าง, คูลลี่ เฟรช, เค.แอล, และรวมถึงน้ำดื่มประเภทน้ำแร่ ได้แก่ มิเนเร่, ออร่า, มอง เฟลอร์, และเพอร์ร่า ผลการสำรวจพบว่าหากเรียงจากน้ำที่มีความเป็นด่างสูงสุด ไปหาน้ำที่มีสภาวะความเป็นด่างสูงสุดไปหากกรดมากที่สุดดังนี้
1.น้ำดื่ม ตรามิเนเร่ เป็นน้ำแร่ ที่มี ค่า pH อยู่ที่ 8.17 ค่า ORP อยู่ที่ +165 มิลลิโวลต์
2.น้ำดื่ม ตราเนสท์เล่ ค่า pH อยู่ที่ 7.90 ค่า ORP อยู่ที่ +137 มิลลิโวลต์
3.น้ำดื่ม ตราสิงห์ ค่า pH อยู่ที่ 7.90 ค่า ORP อยู่ที่ +141 มิลลิโวลต์
4.น้ำดื่ม ตราเพอร์ร่า เป็นน้ำแร่ ค่า pH อยู่ที่ 7.81 ค่า ORP อยู่ที่ +183 มิลลิโวลต์
5.น้ำดื่ม ตราช้าง ค่า pH อยู่ที่ 7.54 ค่า ORP อยู่ที่ +158 มิลลิโวลต์
6. น้ำดื่ม ตราออร่า เป็นน้ำแร่ ค่า pH อยู่ที่ 7.10 ค่า ORP อยู่ที่ +191 มิลลิโวลต์
7.น้ำดื่ม ตรามองเฟลอร์ เป็นน้ำแร่ ค่า pH อยู่ที่ 7.09 ค่า ORP อยู่ที่ +195 มิลลิโวลต์
8. น้ำดื่ม ตราคริสตัล ค่า pH อยู่ที่ 6.96 ค่า ORP อยู่ที่ +175 มิลลิโวลต์
9.น้ำดื่ม ตราคูลลี่ เฟรช ค่า pH อยู่ที่ 6.71 ค่า ORP อยู่ที่ +207 มิลลิโวลต์
10.น้ำดื่ม ตราเค.แอล. ค่า pH อยู่ที่ 6.17 ค่า ORP อยู่ที่ +243 มิลลิโวลต์
จากการสำรวจพบว่าน้ำดื่มบรรจุในภาชนะปิดสนิทที่มีค่าความเป็นด่างสูงสุด 3 อันดับแรกคือ 1.น้ำดื่มตรามิเนเร่ 2. และ 3. เท่ากันคือ น้ำดื่มตราเนสท์เล่ . น้ำดื่มตราสิงห์ ในขณะที่น้ำดื่มที่มีค่า ORP ต่ำที่สุด 3 อันดับแรกคือ 1.น้ำดื่มตราเนสท์เล่ 2.น้ำดื่มตราสิงห์ และ 3 น้ำดื่มตราช้าง
ทั้งนี้ เมื่อทดสอบกับน้ำประปาที่บ้านพระอาทิตย์พบว่ามีค่า pH 7.18 และค่า ORP อยู่ที่ +192 มิลลิโวลต์ ซึ่งมีความเป็นด่างมากกว่าน้ำดื่มบรรจุในภาชนะปิดบางยี่ห้อ และมีค่าประจุบวกน้อยกว่าน้ำดื่มบรรจุในภาชนะปิดบางยี่ห้อด้วย
ด้วยเครื่องตรวจวัดเดียวกันนี้จึงได้ไปทดสอบกับน้ำอัดลมอีก 11 ชนิดได้แก่ เป๊บซี่ แมกซ์, เป๊บซี่, โคคา โคล่า, โคคาโคล่า ซีโร่, โคคาโคล่า ไลท์, สไปรท์, แฟนต้าน้ำส้ม, แฟนต้า สตรอเบอร์รี่, อาเจบิ๊ก ส้ม, และ อาเจ บิ๊ก โคล่า ได้ผลการทดสอบพบว่าหากเรียงจากน้ำที่มีความเป็นด่างสูงสุด ไปหาน้ำที่มีสภาวะความเป็นด่างสูงสุดไปหากกรดมากที่สุดดังนี้
1.น้ำอัดลม สไปรท์ ค่า pH อยู่ที่ 3.05 ค่า ORP อยู่ที่ +331 มิลลิโวลต์
2.น้ำอัดลม แฟนต้า สตรอเบอร์รี่ ค่า pH อยู่ที่ 2.79 ค่า ORP อยู่ที่ +352 มิลลิโวลต์
3.น้ำอัดลม อาเจ บิ๊ก สตรอเบอร์รี่ค่า pH อยู่ที่ 2.78 ค่า ORP อยู่ที่ +351 มิลลิโวลต์
4.น้ำอัดลม แฟนต้า ส้ม ค่า pH อยู่ที่ 2.75 ค่า ORPอยู่ที่ +353 มิลลิโวลต์
5.น้ำอัดลม อาเจบิ๊ก ส้ม ค่า pH อยู่ที่ 2.61 ค่า ORP อยู่ที่ +351 มิลลิโวลต์
6.น้ำอัดลม โคคาโคล่า ซีโร่ ค่า pH อยู่ที่ 2.56 ค่า ORP อยู่ที่ +340 มิลลิโวลต์
7.น้ำอัดลม โคคาโคล่า ไลท์ ค่า pH อยู่ที่ 2.55 ค่า ORP อยู่ที่ +333 มิลลิโวลต์
8.น้ำอัดลม เป๊บซี่ แมกซ์ ค่า pH อยู่ที่ 2.46 ค่า ORP อยู่ที่ +333 มิลลิโวลต์
9. น้ำอัดลม อาเจบิ๊ก โคล่า ค่า pH อยู่ที่ 2.23 ค่า ORP อยู่ที่ +379 มิลลิโวลต์
10. น้ำอัดลม โคคาโคล่า ค่า pH อยู่ที่ 2.13 ค่า ORP อยู่ที่ +342 มิลลิโวลต์
11.น้ำอัดลม เป๊บซี่ ค่า pH อยู่ที่ 2.13 ค่า ORP อยู่ที่ +347 มิลลิโวลต์
จึงสรุปได้ว่าน้ำอัดลมทั้งหมดเท่าที่สำรวจมานี้ มีสภาพความเป็นกรดสูงมาก และ มีเป็นประจุไฟฟ้าบวกสุทธิอยู่ในระดับสูงกว่าน้ำดื่มมากถึง 2-3 เท่าตัว อีกทั้งมีความเป็นไปได้ที่จะทำให้เกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่น (Oxidation) หรือ ไปทำให้อนุมูลอิสระเติบโตมากกว่าหมวดน้ำดื่มทั่วไปอย่างมาก
ความจริงแล้วผู้บริโภคควรจะมีสิทธิ์ที่จะรู้ข้อมูลเหล่านี้ในการเปรียบเทียบเพื่อประกอบการตัดสินใจ และจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งหากกระทรวงสาธารณสุขจะเป็นเจ้าภาพทำเรื่องคุณภาพอาหารและน้ำดื่มให้ประชาชนได้มีข้อมูลเพิ่มมากขึ้น ทั้งเป็นการช่วยทำให้ประชาชนมีการป้องกันตัวเองด้วยสุขภาพที่ดี และช่วยทำให้ผู้ประกอบการได้พัฒนาคุณภาพของตัวเองให้ดีเพื่อสุขภาพของคนไทยด้วย
อย่างน้อยก็เพื่อทำให้อัตราการเจ็บป่วยในโรคร้ายได้ลดลง ด้วยพฤติกรรมการบริโภคที่เปี่ยมด้วยข้อมูลที่จะช่วยในการเลือกบริโภค ช่วยป้องกันจากอาหารที่ไม่เหมาะสมเพื่อให้สุขภาพแข็งแรงได้
โดย : ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
สำหรับอาหารแล้วการจะทดสอบว่าอาหารหรือน้ำดื่มที่เรารับประทานอยู่นั้นเป็นกรดหรือด่างนั้นหลักการในการทำความเข้าใจที่ว่าจะตรวจวัดได้ด้วยค่า pH ซึ่งย่อมาจาก "Power of Hydrogen" ที่จะเป็นตัวกำหนดอาหารนั้นว่าอาหารนั้นมีความเป็นกรดหรือด่าง โดยทั่วไปมีค่าตั้งแต่ 1-14
ถ้าค่า pH ที่ตรวจได้มีค่าเท่ากับ 7 หมายถึงว่าเป็นกลาง
ถ้าค่า pH ที่ตรวจได้มีค่าต่ำกว่า 7 หมายถึงว่าเป็นกรด (Acid) ยิ่งน้อยลงมากก็ยิ่งเป็นกรดมาก
ถ้าค่า pH ที่ตรวจได้มีค่ามากกว่า 7 หมายถึงว่าเป็นด่าง (Alkaline) ยิ่งมีค่ามากกว่า 7 มากขึ้นเท่าใด ก็หมายถึงว่ามีสภาพความเป็นด่างมากขึ้นเท่านั้น
แต่สำหรับอาหารอาจจะไม่ตรงไปตรงมาอย่างนั้น อย่างเช่น ผลไม้หรือน้ำผลไม้จำนวนไม่น้อยที่วัดค่าภายนอกได้เป็นกรด แต่เมื่อย่อยสลายในกระเพาะอาหารแล้วให้ผลออกมาเป็นด่าง ดังนั้นการจะตรวจสอบอาหารนั้นเป็นกรดหรือด่างก็มักนิยมที่จะนำอาหารนั้นมาเผาจนเป็นขี้เถ้าเสียก่อน แล้วนำขี้เถ้าเหล่านั้นไปละลายน้ำแล้วหาค่า pH อีกครั้ง การที่นำอาหารไปเผาไหมจนเป็นขี้เถ้านั้นก็เป็นการจำลองกระบวนหลังจากการย่อยสลายเผาผลาญอาหารในร่างกายแล้วว่าจะให้ค่าเป็นกรดหรือด่าง
อาหารที่มีสภาพความเป็นด่างได้แก่ ผักทุกชนิด น้ำผักผลไม้สด เช่นมะละกอ แอปเปิ้ล สับปะรด มะเขือเทศ กล้วย มะพร้าว มะนาว ส้ม สตอรเบอรี่ ราสเบอรี่ ลูกเกด ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง และข้าวบาร์เลย์ ฯลฯ ในขณะที่อาหารที่มีความเป็นกรดได้แก่ เนื้อสัตว์ทุกชนิด ไขมัน แป้ง ชีส เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ชา กาแฟ ช็อกโกแลต น้ำตาลขัดสี อาหารสำเร็จรูป ผงชูรส ของหมักดอง น้ำส้มสายชู แป้งและเม็ดข้าวโดยเฉพาะพวกที่ขัดสีแล้ว น้ำมัน ไขมันทุกชนิด และอาหารทอดน้ำมัน และน้ำมันพืชที่ไม่ได้ผ่านกรรมวิธีบีบเย็น ฯลฯ
ร่างกายมนุษย์เราพยายามที่จะทำให้ค่า pH อยู่ที่ประมาณ 7.4 อยู่ตลอดเวลา การกินอาหารที่เป็นกรดมากเกินไป จะทำให้ร่างกายดึงภาวะความเป็นด่างจากร่างกายซึ่งก็คือแคลเซียมมาใช้เพื่อรักษาระดับค่าที่ร่างกายต้องการ ผลก็คือคนที่รับประทานอาหารเป็นกรดมากฟันก็จะกร่อนบางลง เป็นโรคกระดูกพรุนมากขึ้น และหากร่างกายไม่สามารถรักษาความสมดุลในร่างกายได้ สภาพเซลล์ในร่างกายก็จะทำงานหนักมากขึ้นโดยเฉพาะการฟอกเลือด เช่น ม้าม ตับ หัวใจ และนิ่วในไต รวมถึงระบบเผาผลาญอาหารให้เป็นพลังงานก็จะผิดเพี้ยนไป และทำให้เป็นหลายโรคได้ตามมาได้ด้วย เช่น โรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน ฯลฯ
มิพักต้องพูดถึงว่าความเป็นกรดสูงจนเกินสมดุลนั้น ยังจะทำให้เป็นการเสริมศักยภาพให้สภาพอนุมูลอิสระให้ขยายตัวเพิ่มขึ้นได้ด้วย นั่นหมายความว่ากรดจะทำให้ผู้บริโภคมีสุขภาพและร่างกายที่เสื่อมลงจากอนุมูลอิสระแล้ว ยังอาจหมายรวมถึงการทำให้สภาพมะเร็งเติบโตขึ้นได้ด้วย
โดยเฉพาะในวันนี้พบว่าการเสียชีวิตของคนไทยจากโรคร้ายอันดับหนึ่งในวันนี้คือโรคมะเร็ง ซึ่งสะท้อนความล้มเหลวของรัฐบาลไทยทุกยุค ที่ปล่อยปละละเลยให้อาหารบ้านเราเป็นพิษเกิดขึ้นโดยทั่วไป ทั้งจากการใช้น้ำยาอาบศพในสัตว์ทะเลตามตลาดสดเพื่อให้ดูสดตลอดเวลา น้ำยาฟอร์มารีนอบก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่เพื่อให้มีอายุการใช้งาน มากขึ้น การใช้สารเร่งเนื้อแดงในหมูเพื่อให้เนื้อหมูดูสดและแดงตลอดเวลา การพ่นยาฆ่าแมลงและสารพิษในพืชและผัก การใช้น้ำมันซ้ำในอาหารทอดตามร้านอาหารต่างๆ ฯลฯ ด้วยเหตุผลเหล่านี้คนไทยจึงมีสภาพป่วยเป็นโรคมะเร็งเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
การให้ข้อมูลกับผู้บริโภคคนไทยในวันนี้ จึงเป็นเรื่องที่มีความสำคัญ และควรจะเป็นสิทธิ์ขั้นพื้นฐานในการที่จะได้รู้ข้อมูลให้เลือกได้ว่าประชาชนควรจะบริโภคอย่างไร ด้วยข้อมูลที่ครบถ้วน
ด้วยเหตุผลนี้ผมจึงได้ตัดสินใจนำน้ำดื่มและน้ำอัดลม ที่ซื้อมาจากร้านสะดวกซื้อตรงข้ามบ้านพระอาทิตย์มา 21 ยี่ห้อ เพื่อวัดคุณภาพน้ำด้วย 2 ค่า เมื่อวันอังคารที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2555 ดังนี้
1. ค่า pH ว่าน้ำแต่ละยี่ห้อมีความเป็นกรด-ด่างมากน้อยเพียงใด ค่า pH ต่ำกว่า 7 เป็นกรด และยิ่งเป็นกรดมากเมื่อมีค่า pH ต่ำ เป็นด่างเมื่อค่า pH สูงกว่า 7 และยิ่งเป็นด่างมากมื่อค่า ph สูงขึ้น
2. วัดค่า Oxidation Reduction Potential หรือที่เรียกในตัวย่อว่า "ORP" เพื่อวัดว่าน้ำดื่มเหล่านั้นมีค่าความต่างศักย์ไฟฟ้าสุทธิแล้วน้ำเหล่านั้นมีค่าประจุบวกหรือลบอย่างไร และมากแค่ไหน มีหน่วยวัดเป็นมิลลิโวลต์ โดยถ้ามีประจุบวกมากเท่าไหร่ก็เท่ากับว่าเป็นน้ำที่ส่งเสริมการทำงานของการทำปฏิกิริยาออกซิเดชั่น (Oxidation) มากขึ้น ซึ่งย่อมส่งผลทำให้การทำงานของอนุมูลอิสระเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้เพราะจะทำให้เกิดการช่วงชิงอิเล็กตรอนจากเซลล์ต่างๆภายในร่างกาย ในขณะที่น้ำที่มีประจุบวกน้อยกว่าก็จะทำให้ส่งเสริมอนุมูลอิสระที่น้อยกว่า ยกเว้นว่าหากมีค่าประจุไฟฟ้าสุทธิติดลบก็จะกลายเป็นน้ำที่เข้าข่ายในการทำปฏิกิริยา "ต้านอนุมูลอิสระ" หรือที่เรียกว่า Anti Oxidant ได้
แม้จะมีข้อมูลอีกหลายอย่างที่ต้องทำการสำรวจและทดลอง แต่เอาเฉพาะ 2 หัวข้อนี้ ก็น่าจะเป็นประโยชน์กับผู้บริโภคไม่น้อย
ผมจึงใช้เครื่องวัดค่า ORP และค่า pH และวัดอุณหภูมิในตัวเดียวกันยี่ห้อ HANA รุ่น HI 98121 เป็นตัววัดค่าดังกล่าว โดยการถ่ายรูปเป็นหลักฐานเอาไว้ในทุกการทดลองในการตรวจวัดผลิตภัณฑ์ ได้ผลที่น่าสนใจให้เป็นข้อมูลส่วนหนึ่งสำหรับผู้บริโภคได้ดังนี้
เริ่มต้นจากน้ำดื่มในภาชนะบรรจุปิดสนิท ได้หยิบมาทั้งหมด 10 ยี่ห้อ อันได้แก่ เนสท์เล่, สิงห์, ช้าง, คูลลี่ เฟรช, เค.แอล, และรวมถึงน้ำดื่มประเภทน้ำแร่ ได้แก่ มิเนเร่, ออร่า, มอง เฟลอร์, และเพอร์ร่า ผลการสำรวจพบว่าหากเรียงจากน้ำที่มีความเป็นด่างสูงสุด ไปหาน้ำที่มีสภาวะความเป็นด่างสูงสุดไปหากกรดมากที่สุดดังนี้
1.น้ำดื่ม ตรามิเนเร่ เป็นน้ำแร่ ที่มี ค่า pH อยู่ที่ 8.17 ค่า ORP อยู่ที่ +165 มิลลิโวลต์
2.น้ำดื่ม ตราเนสท์เล่ ค่า pH อยู่ที่ 7.90 ค่า ORP อยู่ที่ +137 มิลลิโวลต์
3.น้ำดื่ม ตราสิงห์ ค่า pH อยู่ที่ 7.90 ค่า ORP อยู่ที่ +141 มิลลิโวลต์
4.น้ำดื่ม ตราเพอร์ร่า เป็นน้ำแร่ ค่า pH อยู่ที่ 7.81 ค่า ORP อยู่ที่ +183 มิลลิโวลต์
5.น้ำดื่ม ตราช้าง ค่า pH อยู่ที่ 7.54 ค่า ORP อยู่ที่ +158 มิลลิโวลต์
6. น้ำดื่ม ตราออร่า เป็นน้ำแร่ ค่า pH อยู่ที่ 7.10 ค่า ORP อยู่ที่ +191 มิลลิโวลต์
7.น้ำดื่ม ตรามองเฟลอร์ เป็นน้ำแร่ ค่า pH อยู่ที่ 7.09 ค่า ORP อยู่ที่ +195 มิลลิโวลต์
8. น้ำดื่ม ตราคริสตัล ค่า pH อยู่ที่ 6.96 ค่า ORP อยู่ที่ +175 มิลลิโวลต์
9.น้ำดื่ม ตราคูลลี่ เฟรช ค่า pH อยู่ที่ 6.71 ค่า ORP อยู่ที่ +207 มิลลิโวลต์
10.น้ำดื่ม ตราเค.แอล. ค่า pH อยู่ที่ 6.17 ค่า ORP อยู่ที่ +243 มิลลิโวลต์
จากการสำรวจพบว่าน้ำดื่มบรรจุในภาชนะปิดสนิทที่มีค่าความเป็นด่างสูงสุด 3 อันดับแรกคือ 1.น้ำดื่มตรามิเนเร่ 2. และ 3. เท่ากันคือ น้ำดื่มตราเนสท์เล่ . น้ำดื่มตราสิงห์ ในขณะที่น้ำดื่มที่มีค่า ORP ต่ำที่สุด 3 อันดับแรกคือ 1.น้ำดื่มตราเนสท์เล่ 2.น้ำดื่มตราสิงห์ และ 3 น้ำดื่มตราช้าง
ทั้งนี้ เมื่อทดสอบกับน้ำประปาที่บ้านพระอาทิตย์พบว่ามีค่า pH 7.18 และค่า ORP อยู่ที่ +192 มิลลิโวลต์ ซึ่งมีความเป็นด่างมากกว่าน้ำดื่มบรรจุในภาชนะปิดบางยี่ห้อ และมีค่าประจุบวกน้อยกว่าน้ำดื่มบรรจุในภาชนะปิดบางยี่ห้อด้วย
ด้วยเครื่องตรวจวัดเดียวกันนี้จึงได้ไปทดสอบกับน้ำอัดลมอีก 11 ชนิดได้แก่ เป๊บซี่ แมกซ์, เป๊บซี่, โคคา โคล่า, โคคาโคล่า ซีโร่, โคคาโคล่า ไลท์, สไปรท์, แฟนต้าน้ำส้ม, แฟนต้า สตรอเบอร์รี่, อาเจบิ๊ก ส้ม, และ อาเจ บิ๊ก โคล่า ได้ผลการทดสอบพบว่าหากเรียงจากน้ำที่มีความเป็นด่างสูงสุด ไปหาน้ำที่มีสภาวะความเป็นด่างสูงสุดไปหากกรดมากที่สุดดังนี้
1.น้ำอัดลม สไปรท์ ค่า pH อยู่ที่ 3.05 ค่า ORP อยู่ที่ +331 มิลลิโวลต์
2.น้ำอัดลม แฟนต้า สตรอเบอร์รี่ ค่า pH อยู่ที่ 2.79 ค่า ORP อยู่ที่ +352 มิลลิโวลต์
3.น้ำอัดลม อาเจ บิ๊ก สตรอเบอร์รี่ค่า pH อยู่ที่ 2.78 ค่า ORP อยู่ที่ +351 มิลลิโวลต์
4.น้ำอัดลม แฟนต้า ส้ม ค่า pH อยู่ที่ 2.75 ค่า ORPอยู่ที่ +353 มิลลิโวลต์
5.น้ำอัดลม อาเจบิ๊ก ส้ม ค่า pH อยู่ที่ 2.61 ค่า ORP อยู่ที่ +351 มิลลิโวลต์
6.น้ำอัดลม โคคาโคล่า ซีโร่ ค่า pH อยู่ที่ 2.56 ค่า ORP อยู่ที่ +340 มิลลิโวลต์
7.น้ำอัดลม โคคาโคล่า ไลท์ ค่า pH อยู่ที่ 2.55 ค่า ORP อยู่ที่ +333 มิลลิโวลต์
8.น้ำอัดลม เป๊บซี่ แมกซ์ ค่า pH อยู่ที่ 2.46 ค่า ORP อยู่ที่ +333 มิลลิโวลต์
9. น้ำอัดลม อาเจบิ๊ก โคล่า ค่า pH อยู่ที่ 2.23 ค่า ORP อยู่ที่ +379 มิลลิโวลต์
10. น้ำอัดลม โคคาโคล่า ค่า pH อยู่ที่ 2.13 ค่า ORP อยู่ที่ +342 มิลลิโวลต์
11.น้ำอัดลม เป๊บซี่ ค่า pH อยู่ที่ 2.13 ค่า ORP อยู่ที่ +347 มิลลิโวลต์
จึงสรุปได้ว่าน้ำอัดลมทั้งหมดเท่าที่สำรวจมานี้ มีสภาพความเป็นกรดสูงมาก และ มีเป็นประจุไฟฟ้าบวกสุทธิอยู่ในระดับสูงกว่าน้ำดื่มมากถึง 2-3 เท่าตัว อีกทั้งมีความเป็นไปได้ที่จะทำให้เกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่น (Oxidation) หรือ ไปทำให้อนุมูลอิสระเติบโตมากกว่าหมวดน้ำดื่มทั่วไปอย่างมาก
ความจริงแล้วผู้บริโภคควรจะมีสิทธิ์ที่จะรู้ข้อมูลเหล่านี้ในการเปรียบเทียบเพื่อประกอบการตัดสินใจ และจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งหากกระทรวงสาธารณสุขจะเป็นเจ้าภาพทำเรื่องคุณภาพอาหารและน้ำดื่มให้ประชาชนได้มีข้อมูลเพิ่มมากขึ้น ทั้งเป็นการช่วยทำให้ประชาชนมีการป้องกันตัวเองด้วยสุขภาพที่ดี และช่วยทำให้ผู้ประกอบการได้พัฒนาคุณภาพของตัวเองให้ดีเพื่อสุขภาพของคนไทยด้วย
อย่างน้อยก็เพื่อทำให้อัตราการเจ็บป่วยในโรคร้ายได้ลดลง ด้วยพฤติกรรมการบริโภคที่เปี่ยมด้วยข้อมูลที่จะช่วยในการเลือกบริโภค ช่วยป้องกันจากอาหารที่ไม่เหมาะสมเพื่อให้สุขภาพแข็งแรงได้