xs
xsm
sm
md
lg

กฎแห่งกรรม : ทุกข์ของแม่ ทุกข์ของเจ๊หงส์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เพราะไม่เคยประสบกับตัวเอง แต่แล้วก็ต้องเชื่อแม้ว่าเรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นกับตัวเองก็ตาม

เรื่องนี้เกิดขึ้นกับพี่สาวคนโตของดิฉัน เธอชื่อ “หงส์” เจ๊หงส์แต่งงานมีครอบครัวแล้ว มีลูก 2 คน เป็นชายหนึ่งหญิงหนึ่ง

ช่วงที่เจ๊หงส์ใกล้เรียนจบมหาวิทยาลัยนั้น เธอได้ชอบพอกับ “วิทย์” ชายหนุ่มต่างคณะ และเมื่อเรียนจบก็ได้แต่งงานกัน ขณะที่พ่อแม่ไม่ค่อยเห็นด้วย เพราะเป็นห่วงลูกสาว กลัวจะลำบาก

เนื่องจากว่าที่ลูกเขยไม่ได้ร่ำรวยอะไร ประกอบกับในเวลานั้นมีเสี่ยร้านเพชรมาติดพันเจ๊หงส์ด้วย แต่ด้วยความรักบังตา ทำให้เจ๊หงส์ไม่สนใจคำเตือนของพ่อแม่

ทุกวันหยุดเจ๊หงส์ไม่เคยสนใจที่จะช่วยงานการของที่บ้าน แต่กลับออกไปช่วยวิทย์ทำงานเล็กๆ น้อย เพื่อเก็บเงินแต่งงาน จนแม่มักจะบ่นให้ลูกคนอื่นๆฟังว่า “ดูซิ..อาหงส์ไม่สนใจเลย ว่าที่บ้านจะเป็นยังไง เป็นลูกสาวคนโตแท้ๆ มีน้องอีกหลายคนที่ต้องช่วยดูแล” แม่ได้แต่บ่นเช่นนี้ทุกวัน แต่เจ๊หงส์ก็ไม่สนใจ

ในที่สุดเธอก็แต่งงานกับชายคนรักจนได้ หลังแต่งงานเจ๊หงส์กับสามีทำงานบริษัทเอกชนคนละแห่ง ทำได้ไม่นานสามีของเธอก็ออกมาทำธุรกิจส่วนตัว แต่ความที่ไม่ชำนาญในงานนั้นๆ ทำให้ธุรกิจไปไม่ได้ดีอย่างที่คิด “วิทย์” จึงกลุ้มใจมาก ตกเย็นจึงตั้งวงก๊งสุรากับลูกน้อง แล้วจึงค่อยกลับบ้าน

เมื่อแม่รู้ ก็ยิ่งไม่ชอบลูกเขยคนนี้มากขึ้น ประกอบกับลูกเขยเป็นคนปากเสีย ชอบพูดแขวะแม่ยายว่ารักแต่ลูกชาย ไม่รักลูกสาว ทำให้แม่ยายกับลูกเขยเป็นไม้เบื่อไม้เมา ส่งผลให้เจ๊หงส์ซึ่งเป็นคนกลาง ทำใจลำบาก เมื่อแม่ไม่ชอบลูกเขย เธอก็ไม่อยากมาหาแม่ที่บ้าน เพราะเธอรักสามีมากและจะไปไหนต่อไหนด้วยกันทุกครั้ง

และตั้งแต่ทำงานจนแต่งงานมีครอบครัวไป เจ๊หงส์ไม่เคยหยิบยื่นเงินทองให้แม่เลยแม้แต่ครั้งเดียว!! แต่แม่ก็ไม่ว่าอะไร เพราะไม่อยากได้เงินของลูกอยู่แล้ว มีนานๆ ครั้งในช่วงเทศกาล ที่เธอจะซื้อของกินมาให้แม่บ้างเท่านั้น

หรือในยามที่แม่ฝากเธอช่วยซื้อของบางอย่าง เจ๊หงส์ก็รับปาก แต่ไม่เคยทำให้สักครั้ง แม่ทวงถามหลายรอบจนอ่อนใจ เมื่อเป็นเช่นนี้บ่อยเข้า แม่ก็ไม่คิดที่จะอาศัยไหว้วานเธออีกเลย

ยิ่งนานวันแม่กับเจ๊หงส์ก็ยิ่งห่างเหิน ความสัมพันธ์แม่ลูกน้อยลงไปเรื่อยๆ นานๆ ครั้งเจ๊หงส์จะไปเยี่ยมแม่ แต่เมื่อทั้งคู่เจอกันทีไร ก็มักมีเรื่องขุ่นเคืองใจเสมอ และคำพูดของเจ๊หงส์มักจะทำให้แม่เสียใจจนร้องไห้

แม่เล่าให้ดิฉันฟังว่า “อาหงส์บอกแม่ว่า แม่ลำเอียง รักแต่อาเพ้ง(พี่ชายคนโต) แม่ก็บอกว่า แม่รักลูกเหมือนๆกัน แต่อาหงส์ไม่เชื่อ เอาแต่ว่าแม่ ว่ารักลูกชายคนโต ไม่รักลูกสาวเลย มีอะไรก็ให้แต่อาเพ้ง แม่ก็ไม่รู้จะทำยังไง ลื้อก็รู้นี่นาว่าอาเพ้งมันลำบาก ลูกคนไหนลำบาก แม่ก็ต้องช่วย”

เมื่อเจ๊หงส์คิดว่าแม่ไม่รักเธอ เธอก็คิดว่าเธอจะไม่เป็นเหมือนแม่ที่รักลูกลำเอียง ดังนั้น เธอจึงทุ่มเทความรักให้ลูกทั้งสองอย่างหมดใจ อะไรที่เธอสามารถทำให้ลูกได้ เธอไม่รีรอ ไม่ว่าจะเป็นการหุงหาอาหาร ซักรีดเสื้อผ้า ทำความสะอาดบ้าน โดยที่ลูกๆ ไม่ต้องทำอะไรเลย พูดง่ายๆ ว่าเธอเป็นขี้ข้าของลูก

“โจ” ลูกชายคนโตเรียนจบแค่มัธยมปลาย เพราะหัวไม่ดี จึงช่วยพ่อทำงานเล็กๆ น้อยๆ ที่ร้าน ขณะที่ “จูน” ลูกสาวจบมหาวิทยาลัย ทำงานบริษัทเอกชนใหญ่โต

แม้จะโตเป็นหนุ่มสาวแล้ว แต่ทั้งคู่ยังชอบทะเลาะกัน วิทย์จะเข้าข้างลูกสาว และเจ๊หงส์เข้าข้างลูกชาย เธอจึงมักถูกจูนต่อว่าแรงๆ ว่า “แม่รักแต่ลูกชาย อะไรๆ ก็ให้ลูกชาย แถมยังเข้าข้างลูกชายด้วย ลูกชายคนโปรดของแม่เรียนก็ไม่จบมหา’ลัย วันๆ ไม่ยอมช่วยทำงาน เอาแต่แบมือขอตังค์แม่ หนูไม่ให้เงินแม่หรอก เดี๋ยวแม่เอาไปให้โจหมด”

คำพูดของลูกสาวแปล๊บเข้าไปถึงหัวใจของผู้เป็นแม่อย่างเธอ เพราะตั้งแต่ลูกสาวทำงานหาเงินได้ เธอก็ไม่เคยได้เงินของลูกสักบาทเดียว!!

บ่อยครั้งที่จูนมักพูดแรงๆ ทำนองนี้ ด้วยคิดว่าแม่รักโจมากกว่า ทำให้เจ๊หงส์เสียใจมาก บางครั้งถึงกับน้ำตาซึม
เธออดคิดไม่ได้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอทำให้ลูกนั้น สิ่งที่ลูกตอบแทนเธอ กลับเป็นคำพูดเช่นนี้หรือ

ยิ่งนานวัน จูนยิ่งมีพฤติกรรมก้าวร้าวกับแม่ของตัวเองมากยิ่งขึ้น ในวันหยุดแทนที่จะช่วยงานบ้าน เพื่อผ่อนแรงผู้เป็นแม่บ้าง แต่จูนก็ตื่นสายและหมกตัวอยู่แต่ในห้อง แรกๆ เจ๊หงส์ก็ไม่ว่าอะไร แต่เรี่ยวแรงที่ถดถอยไปตามวัยทำให้เจ๊หงส์เหนื่อยล้ามากขึ้นกว่าเดิม เธอจึงเรียกจูนให้มาช่วยบ้าง แต่ไม่ว่าเธอจะพูดหรือบ่นอย่างไร จูนก็ไม่สนใจอ้างแต่ว่า “ทีโจ.. แม่ทำให้ได้ ไม่เห็นบ่นอะไรเลย ทีกับหนู..แม่มานั่งว่าอยู่นั่นแหละ แม่น่ะลำเอียง รักลูกชายมากกว่าลูกสาว” เจ๊หงส์ฟังคำพูดของลูกสาวด้วยความรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าว...

หลังเกษียณจากงาน เจ๊หงส์ได้เงินมาก้อนหนึ่ง ซึ่งไม่มากมายอะไร เธอพยายามจัดสรรปันส่วน หาทางทำให้เงินงอกเงยขึ้น เพราะเธอเป็นห่วงลูก โดยเฉพาะลูกชายที่ไม่มีงานการทำ ไม่มีเงินเดือนเลี้ยงตัวเองเหมือนลูกสาว ขณะที่กิจการของสามีก็แย่ลงทุกวัน คงไม่สามารถให้ลูกชายทำเป็นอาชีพสืบต่อไปได้

แต่..ไม่ว่าจะทำดีกับลูกสาวแค่ไหน ก็ยังไม่วายถูกลูกสาวที่เอาแต่ใจ พูดจาให้เจ็บช้ำน้ำใจอยู่เสมอ อย่างเช่น เธอเห็นคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะของลูกสาว ไม่ได้ใช้งานแล้ว เธอก็บอกลูกว่าจะเอามาใช้ จูนจึงพูดว่า “ฮาร์ดดิสค์มันเสีย คีย์บอร์ดก็ไม่ค่อยดี แม่ต้องเอาไปซ่อมเอง”

“เอาไปซ่อมให้แม่หน่อยนะลูก แม่ไม่ค่อยรู้เรื่องพวกนี้”
เจ๊หงส์บอกลูก

แต่จูนก็ปฏิเสธ “โอ๊ย..แม่เอาไปเองเถอะ ร้านไหนก็ซ่อมได้ มีเยอะแยะไป”

ในที่สุดเจ๊หงส์ก็ต้องหอบหิ้วคอมพิวเตอร์ไปซ่อมเองด้วยความรู้สึกน้อยใจยังมีเรื่องอีกมากมายที่เจ๊หงส์โทรมาปรับทุกข์กับดิฉันบ่อยๆ โดยเฉพาะเรื่องลูก ที่ทำให้เธอทุกข์ใจมาก ดิฉันเองในฐานะน้องสาว ก็ได้แต่รับฟังและให้กำลังใจ

และเมื่อมาคิดทบทวนเรื่องที่เจ๊หงส์เล่า ดิฉันก็ได้เห็นสิ่งที่พี่สาวเคยทำไว้กับแม่ กำลังย้อนกลับมาหาเธอ และนี่คงเป็นกฎแห่งกรรม ที่เธอได้รับในชาตินี้ ไม่ว่าเธอจะต้องการหรือไม่ก็ตาม

ขอเชิญชวนท่านผู้อ่านที่มีประสบการณ์จริงเกี่ยวกับเรื่องกฎแห่งกรรม เขียนเล่ามาเป็นธรรมทานในการเตือนสติแก่เพื่อนร่วมโลกให้ตระหนักถึงบาปบุญคุณโทษ และตั้งอยู่ในความดีงามตลอดไป

(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 140 สิงหาคม 2555 โดย อำพร)
กำลังโหลดความคิดเห็น