โลกเทคโนโลยีสมัยใหม่ช่วยให้ผู้คนจัดการทุกเรื่องได้สะดวกง่ายดาย เพียงแค่กดปุ่ม
ทว่าการใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและประสบความสำเร็จ ซึ่งเป็นสุดยอดปรารถนาของมนุษย์ทุกคนนั้น ไม่มีปุ่มกดให้เดินเครื่องทำงาน
แต่ต้องอาศัยการปฏิบัติด้วยความตั้งใจจริงในชีวิตประจำวัน จึงจะเห็นผล
12 เทคนิคต่อไปนี้ อาจจะเป็นแนวทางช่วยนำไปสู่ความสุขและความสำเร็จตามที่ปรารถนา
1. ใช้ชีวิตเรียบง่าย
คนส่วนใหญ่มัวแต่เสียเวลาวิเคราะห์ หาหนทางที่ยุ่งยากสลับซับซ้อนที่สุดมาใช้ในชีวิตเสมอๆ โดยลืมไปว่า บางครั้งชีวิตเป็นเรื่องง่ายๆ แค่การเดินเล่นในสวนสาธารณะ หรือใช้เวลากับครอบครัวในตอนเย็น ก็เป็นสุขได้เหมือนกัน
ดังนั้น อย่าพยายามทำชีวิตของคุณให้สับสนวุ่นวาย และยุ่งยากเกินจะเข้าใจโดยไม่จำเป็น
2. ปฏิบัติตามแนวพระราชดำริ “เศรษฐกิจพอเพียง”
มีคนจำนวนมากที่ไม่รู้จักพอใจกับสิ่งที่มีในชีวิต เพราะมัวเมาอยู่กับความโลภ ต้องการมีมากขึ้น ใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายเกินความจำเป็นและเกินฐานะของตัวเอง เราจึงมักได้ยินคำพูดเหล่านี้เสมอๆว่า “ถ้าฉันมีเงินมากกว่านี้ ฉันจะ...”
แนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นแนวทางการใช้ชีวิตที่เน้นเรื่องความพอประมาณ คือ ความพอดีที่ไม่น้อยและไม่มากเกินไป โดยไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น ความมีเหตุผล คือ การตัดสินใจเกี่ยวกับระดับความพอเพียง ต้องเป็นไปอย่างมีเหตุผลและมีภูมิคุ้มกัน คือ เตรียมพร้อมรับผลกระทบและการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น
ดังนั้น ควรน้อมนำแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียง มาใช้ในการดำเนินชีวิตเพื่อความสุขที่ยั่งยืนสืบไป
3. กล้าตัดสินใจ
แม้ชีวิตจะดูเป็นเรื่องง่ายๆก็ตามที แต่มีหลายครั้งที่ต้อง “ตัดสินใจลำบาก” ในบางเรื่องราว เพราะความ “ไม่กล้า” ทำให้คุณผัดผ่อนไปก่อน
แต่การลังเลและเลื่อนการตัดสินใจ ที่สามารถทำได้ในวันนี้ออกไป ทำให้คุณพลาดโอกาสที่ดีที่สุดในชีวิตก็เป็นได้
ลองดูคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตเป็นตัวอย่าง พวกเขาจะไม่มีทางมาถึงจุดนี้ได้ หากมัวแต่ยืดเวลาออกไป โดยไม่กล้าตัดสินใจอย่างเด็ดขาด
4. ส่งรอยยิ้ม
การยิ้มทำได้ง่ายๆด้วยกล้ามเนื้อใบหน้าเพียงสองมัด แต่ผลลัพธ์ที่ได้นั้น มีมากจนต้องประหลาดใจ เพราะนอกจากจะทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลาย อารมณ์แจ่มใส และมีสุขภาพดีแล้ว การยิ้มยังช่วยสร้างมิตรภาพและอารมณ์เบิกบาน แก่ผู้รับและบุคคลที่ได้พบเห็นอีกด้วย
แม้สภาพสังคมทุกวันนี้จะวุ่นวายเร่งรีบขนาดไหน จงอย่าละเลยที่จะส่งยิ้มให้กันในชีวิตประจำวัน อันจะนำมาซึ่งความสุขสดชื่น
5. เปิดใจให้กว้าง
การเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับผู้อื่นด้วยความสงบสุขนั้น คุณจำเป็นต้องเปิดใจให้กว้าง รับฟังความคิดเห็นของคนที่คิดแตกต่าง แม้ว่าจะไม่เห็นด้วยกับทุกเรื่องที่เขาคิดหรือทำก็ตาม
รวมทั้งเปิดใจพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ ในโลกปัจจุบัน และอยู่กับมันอย่างมีความสุข โดยไม่คร่ำครวญหรือถวิลหาอดีตที่ผ่านเลยไปแล้ว ซึ่งจะทำให้คุณทุกข์ใจไม่จบสิ้น
6. อย่าบงการชีวิตคนอื่น
ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะเลือกใช้ชีวิตของตัวเอง เพราะฉะนั้นอย่ามัวยุ่งเรื่องของคนอื่นว่าเขาจะทำอย่างไรกับชีวิต แต่ควรเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตของตัวเองให้เต็มศักยภาพจะดีกว่า และปล่อยให้ผู้อื่นจัดการชีวิตของเขาเองอย่างเต็มที่
ไม่ว่าคุณจะเป็นปู่ย่าตายาย หรือพ่อแม่ หรือสามีภรรยา คุณก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะบงการชีวิตลูกหลานหรือคนรัก ให้ทำตามความต้องการของคุณ เพราะหากไม่มีใครสนใจทำตามที่คุณสั่ง ในที่สุด คนที่จะมีแต่ความทุกข์ก็คือคุณนั่นแหละ
ทางที่ดี เปลี่ยนจากการบงการชีวิต เป็นการชี้แนะการดำเนินชีวิตที่ดีงาม ก็จะทำให้ผู้รับคำแนะนำมีความสุข และคุณเองก็จะมีความสุขด้วย
7. มองว่าความทุกข์คือครู
อย่ามัวนั่งจมอยู่กับทุกข์ และมองว่าความทุกข์เป็นเรื่องเลวร้ายไปซะทั้งหมด แต่จงมองว่าความทุกข์คือครูที่ให้บทเรียนแก่ชีวิต ความทุกข์จะทำให้คุณได้เรียนรู้ความผิดพลาดที่เกิดขึ้น รวมทั้งให้พลังแฝงในการเอาชนะความยากลำบากต่างๆ เพื่อก้าวข้ามเรื่องทุกข์ร้อนทั้งหลาย
ดังนั้น หากคุณเรียนรู้ที่จะจัดการกับความทุกข์ และพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส ชีวิตของคุณก็จะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีและมีความสุข
8. อย่าซีเรียสกับตัวเองจนเกินไป
หากคุณใช้ชีวิตในแต่ละวันด้วยความเคร่งเครียด ซีเรียสกับตัวเองมากเกินไป ชนิดที่ว่าต้องทำตัวตามตารางที่วางไว้เป๊ะๆ เพราะเมื่อคุณทำไม่ได้ตามที่กำหนดไว้ ก็จะยิ่งเกิดความเครียดทวีคูณ อาจทำให้โรคภัยไข้เจ็บมาเยือนได้ง่ายๆ
ควรรู้จักผ่อนสั้นผ่อนยาว ไม่ให้ชีวิตตึงหรือหย่อนเกินไป เรียกว่า ใช้ชีวิตตามทางสายกลางที่พระพุทธเจ้าทรงสอนไว้
9. มีอารมณ์ขัน
มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์พิสูจน์แล้วว่า อารมณ์ขันและการหัวเราะคือโอสถชั้นดีที่ช่วยลดความดันโลหิต คลายความเจ็บปวด ทำให้หายใจดีขึ้น รวมถึงกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
ฉะนั้น ขอให้มีเวลาสนุกสนานและมี ชีวิตที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ เพราะสิ่งนี้นอกจากจะช่วยให้คุณมีความสุขแล้ว ยังช่วยให้อายุยืนด้วย ที่สำคัญ.. เสียงหัวเราะถือเป็นเสียงสวรรค์ที่เชื่อมโยงคนทั่วโลกได้อย่างน่าอัศจรรย์
10. ยึดถือข้อเท็จจริง
ในการตัดสินใจและยอมรับความเสี่ยงทุกครั้ง ควรตั้งอยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริง มีความยุติธรรม หลีกเลี่ยงอคติ ดังจะเห็นได้จากบรรดาผู้นำที่ปฏิบัติภารกิจได้สำเร็จงดงามด้วยข้อเท็จจริงที่มีอยู่ในมือ ไม่ใช่ด้วยอารมณ์และความมีอคติ
ดังนั้น คราใดที่ต้องตัดสินใจ ควรยึดถือข้อเท็จจริง โดยปราศจากอคติใดๆ
11. ยอมรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น
มนุษย์ทุกคนล้วนเคยทำความผิดมาแล้วทั้งนั้น ไม่มากก็น้อย ไม่มีใครในโลกที่ไม่เคยทำผิดมาก่อน แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือ เมื่อทำผิด เราได้เรียนรู้อะไรจากมันบ้าง และจะแก้ไขอย่างไรที่จะไม่ให้เกิดความผิดพลาดซ้ำอีก
โปรดอย่าเสียเวลาทั้งชีวิตไปกับการขุดคุ้ยความผิดที่คุณเคยกระทำเมื่อหลายปีก่อน แต่จงเรียนรู้จากมันและเดินหน้าใช้ชีวิตต่อไป โลกใบนี้หมุนเร็วเกินกว่าที่จะรอคอยคนที่ยังจมปลักอยู่ในอดีต
12. ให้อภัยตัวเอง
หยุดตีอกชกหัวตัวเองและฟูมฟายกับ เรื่องเก่าๆที่คุณทำลงไปหรือน่าจะทำแต่ไม่ได้ทำรวมทั้งความผิดพลาดที่คุณเคยทำกับคนอื่นๆ
การให้อภัยตัวเองเป็นทักษะที่น้อยคนนักจะทำได้สำเร็จ จึงเป็นเรื่องน่าเศร้าที่หลายคนมัวแต่ใช้เวลาทั้งชีวิตฝังอยู่ในอดีต และไม่เคยคิดจะดำเนินชีวิตในปัจจุบันให้เต็มศักยภาพ
หากคุณยังให้อภัยตัวเองไม่ได้ ก็อย่าหวังว่าจะอภัยให้ผู้อื่นได้เลย ฉะนั้น สิ่งที่ควรทำก็คือจงให้อภัยตัวเองเสียแต่วันนี้ แล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่สดใสงดงาม
(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 139 กรกฎาคม 2555 โดย ประกายรุ้ง)