ผ่าประเด็นร้อน
ได้ยินคำขู่และการเคลื่อนไหวแบบปลุกระดมทำลายศาลรัฐธรรมนูญของพวกเครือข่าย ทักษิณ ชินวัตร ไม่เว้นแต่ละวันทำนองว่าถ้าตัดสินคดีที่รับคำร้องว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 ออกมาไม่เป็นที่น่าพอใจอาจทำให้เกิดการลุกฮือขึ้นมา ยิ่งฟังก็ยิ่งทำให้สังคมเกิดความหงุดหงิด เกิดอารมณ์โมโหเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
จนอยากถามกลับไปว่า “พวกเอ็งเป็นใคร” ถึงบังอาจเพียงนี้ กล้าบังอาจกระทำย่ำยีศาลรัฐธรรมนูญอยู่ทุกวัน คิดขู่เข็ญบังคับให้ตัดสินคดีไปตามความชอบของตัวเอง ไม่ถูกใจก็กล่าวหาทำลายว่าไม่ยุติธรรม ไม่ชอบธรรม หรือมีการตั้งธงเอาไว้ล่วงหน้า สารพัดที่ยกขึ้นมา
แน่นอนว่าถ้าเป็นแบบนี้ลองไปถามนักโทษในคุกดูก็ได้ว่าพอใจกับการตัดสินของศาลหรือไม่ รับรองว่าหลายคนไม่พอใจ เพราะตัวเองต้องติดคุกติดตะราง แต่ก็ต้องก้มหน้ายอมรับ จะทำอย่างไรได้ในเมื่อที่ผ่านมาก็เปิดโอกาสให้มีการต่อสู้กันตามกระบวนการ มีกติกาแบบนี้ แต่นี่กลายเป็นว่าเมื่อตัวเองไม่ถูกใจ หรือกลัวว่าถ้าผลการตัดสินออกมาตรงกันข้าม เป็นผลลบทำให้ตัวเองเสียหายก็ต้องเตรียมหาทางป่วนเอาไว้ก่อน
ล่าสุด นพดล ปัทมะ ทนายความที่ติดตามรับใช้ ทักษิณ ชินวัตร ก็ออกมาขู่ว่าถ้าศาลรัฐธรรมนูญตัดสินออกมาไม่เป็นที่น่าพอใจอาจทำให้คนเสื้อแดงลุกฮือขึ้นมาได้ หรือใครต่อใครที่เป็นลูกน้องเครือข่ายของ ทักษิณ และรัฐบาลชุดนี้ออกมาพูด ออกมาปลุกระดมในทำนองเดียวกัน
คำถามก็คือพวกเอ็งเป็นใคร ถึงต้องได้รับความพอใจอยู่เสมอ รวมทั้งมีสิทธิ์ทำอะไรก็ได้โดยอยู่เหนือคนอื่น ถ้าตัวเองทำผิดกฎหมายก็แก้กฎหมายเข้ามาหาตัวเอง ให้พ้นจากความผิด ถูกจำคุกก็ต้องปล่อยตัวไป ไม่เช่นนั้นก็บอกว่า “สองมาตรฐาน” เป็นผลงานของ “อำมาตย์” ที่คอยกลั่นแกล้งทำลาย
ทำไมคนเสื้อแดง และทักษิณ กับครอบครัวถึงได้ถูกกระทำย่ำยีถึงเพียงนี้!!
อย่างไรก็ดี เมื่อหันไปพิจารณาผลงานของรัฐบาล รวมทั้งผลงานในสภาที่พรรคเพื่อไทยและคนของ ทักษิณ ได้รับโอกาสเข้ามาบริหารจัดการบ้าง ลองไปถามใครสิว่ามีความรู้สึกอย่างไรกันบ้างผ่านมาเกือบปีแล้ว ชาวบ้านทั่วไปอยู่ดีมีสุขขึ้นหรือเปล่า ปัญหาค่าครองชีพเป็นอย่างไร ราคาสินค้าเกษตรหลักๆ ประเภทข้าว ยางพารา มันสำปะหลัง สับปะรด ฯลฯ การส่งออกปีนี้เป็นอย่างไร คำตอบก็คือห่วยแตก
ส่วนผลงานในสภาทั้งที่มีเสียงข้างมากเด็ดขาด แต่ถามหน่อยสิว่าที่ผ่านมารัฐบาลและพรรคเพื่อไทยได้เสนอร่างพระราชบัญญัติที่เป็นประโยชน์กับคนส่วนใหญ่รวมแล้วก็ฉบับ ที่เห็นก็มีแต่เรื่องกฎหมายเพื่อประโยชน์ของ ทักษิณ และครอบครัวกับพวกนักการเมืองขี้ฉ้อเพียงไม่กี่คนเท่านั้น
ถามย้ำอีกครั้งว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญจนนำไปสู่การร้องเรียนว่ามีเจตนาล้มล้างการปกครองฯนั้นมีความจำเป็นเร่งด่วนแค่ไหน รวมไปถึงร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการปรองดองแห่งชาติซึ่งแท้ที่จริงก็เป็นแค่เครื่องมือลบล้างความผิดให้กับทักษิณกับพวกเท่านั้น ชาวบ้านส่วนใหญ่ หรือแม้แต่คนเสื้อแดงที่ถูกปลุกระดมออกมานั้นไม่เห็นได้ประโยชน์ใดๆเลยแม้แต่น้อย เพราะรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการบริหารราชการแผ่นดิน ผลของการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ไม่เห็นมีผลทำให้ราคาข้าวของถูกลงเลยแม้แต่น้อย
กลายเป็นว่าสิ่งที่ชาวบ้านตั้งใจอยากให้เป็น ตั้งความหวังเอาไว้เต็มเปี่ยมเมื่อให้โอกาสเข้ามาบริหารบ้านเมืองแล้วจะทำงานเพื่อชาวบ้านทั้งปวงไม่เลือกเขาเลือกเรา เคยคุยโม้เอาไว้อย่างโน้นอย่างนี้ ว่ามีฝีมือประดุจเทพเทวดาจะ “กระชากค่าครองชีพ” ลงมา เคยด่าว่าเสียดสีฝ่ายตรงข้ามว่าดีแต่โม้ ดีแต่พูด มาวันนี้เป็นไง ไม่เห็นแตกต่างกันตรงไหน มิหนำซ้ำยังเลวร้ายกว่าเดิมหลายเท่านัก
ชาวบ้านเขาอยากให้เข้ามาตั้งใจทำงานเพื่อคนส่วนใหญ่ ไม่ใช่ต้องการให้มาทำงานให้ ทักษิณ ชินวัตร เมื่อผลงานออกมาอย่างที่เห็นมันก็ช่วยไม่ได้ที่สังคมเริ่มหงุดหงิด ผลสำรวจที่เพิ่งออกมาก็บ่งชี้ให้เห็นแล้วว่า ถ้าอยากให้รัฐบาลอายุสั้นก็ต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญและผลักดันร่างพระราชบัญญัติปรองดองต่อไป โดยเสียงส่วนใหญ่อยากให้ถอนออกไป
ดังนั้น คำพูดที่ออกมาข่มขู่ว่าถ้าศาลรัฐธรรมนูญตัดสินออกมาไม่น่าพอใจแล้วจะเกิดการลุกฮือขึ้นมาของคนเสื้อแดงนั้น ในทางตรงกันข้ามก็ให้สังวรเอาไว้ด้วยว่าสังคมก็มีขีดจำกัดเหมือนกัน คงไม่มีใครอดทนกับพฤติกรรมถ่อยเถื่อน เห็นแก่ตัวเอาแต่ได้ฝ่ายเดียวเสมอไปหรอก คงมีสักวันที่ต้องสั่งสอนให้หลาบจำ
การข่มขู่คุกคามศาลรัฐธรรมนูญ รวมทั้งระบบศาลที่ผ่านมาได้กระทำการอย่างออกนอกหน้าอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เพราะความเหิมเกริมย่ามใจรุกคืบเข้ามา คิดว่ามีทุกอย่างอยู่ในมือ แต่อีกด้านหนึ่งถ้าไม่รู้จักใช้โอกาสที่มี คิดว่าคนอื่นเขาสยบยอมตลอดเวลา ถึงตอนนั้นจะมาฟูมฟายโทษคนอื่นคงไม่ได้แล้ว