• ล้างผัก ผลไม้ ให้ปลอดภัยจากยาฆ่าแมลง
การล้างผัก ผลไม้โดยปกติทั่วไป วิธีที่นิยมปฏิบัติกัน อาจใช้วิธีการล้างผ่านน้ำไหล ล้างด้วยน้ำยาล้างผัก ผลไม้ ล้างด้วยด่างทับทิม น้ำส้มสายชู เกลือ ผสมน้ำแช่ทิ้งไว้ การลวกด้วยน้ำร้อนหรือวิธีอื่นๆ เท่าที่สามารถจะทำได้ ซึ่งวิธีดังกล่าวก็ยังลดปริมาณยาฆ่าแมลงออกได้ไม่มากเท่าไร
สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค(สคบ.) อยากให้ผู้บริโภคได้รับประทานผักผลไม้ ที่ปลอดภัยจากยาฆ่าแมลงที่ตกค้างในผักและผลไม้สด จึงแนะนำวิธีการล้างผักและผลไม้ด้วย “โซเดียมไบคาร์บอเนต” หรือผงฟู โดยการนำโซเดียมไบคาร์บอเนต 1/2 ช้อนโต๊ะผสมกับน้ำอุ่น 10 ลิตร แช่ผักและผลไม้ไว้ 15 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาดอีกครั้ง เพราะจากผลการทดสอบโดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ พบว่าการล้างด้วยโซเดียมไบคาร์บอเนตสามารถล้างยาฆ่าแมลงที่ตกค้างได้มากกว่า 90 เปอร์เซ็นต์
• ผู้หญิงเครียดกับงาน เสี่ยงหัวใจวาย
ความเครียดจากงานเพิ่มความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือดหัวใจ 40% ผู้หญิงที่อยู่ในตำแหน่งที่ถูกเรียกร้องต้องการสูงยังเสี่ยงมากขึ้นถึง 88% ที่จะมีอาการหัวใจวาย รวมถึงมีโอกาสมากขึ้น 43% ในการเข้ารับการผ่าตัดทำบายพาสหลอดเลือดหัวใจ
นักวิจัยจากคณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดในบอสตัน ได้ศึกษาและติดตามผลผู้หญิงสุขภาพดี 17,415 คน อายุระหว่าง 50-70 ปี เป็นเวลากว่า 10 ปี พบว่า ความไม่มั่นคงในงานเชื่อมโยงกับปัจจัยเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือดหัวใจ อื่นๆ เช่น ความดันโลหิตสูง โคเลสเตอรอลสูง และโรคอ้วน
ทั้งนี้ ความเครียดกระตุ้นสมองผลิตฮอร์โมน อาทิ อะดรีนาลีน และคอร์ติซอล ซึ่งหากมีปริมาณสูงและเวลานาน สามารถสร้างความเสียหายให้กับระบบหัวใจและหลอดเลือดหัวใจ
นอกจากนี้ ยังทำให้อาการอักเสบรุนแรงขึ้น ซึ่งเชื่อว่าส่งผลให้ไขมันที่สะสมในเส้นเลือดสร้างปัญหาในระบบหมุนเวียนโลหิต
ดร.มิเชลล์ อัลเบิร์ต ผู้นำการวิจัย กล่าวว่ารายงานฉบับนี้บ่งชี้ว่า ความเครียดจากงานส่งผลต่อสุขภาพหัวใจและหลอดเลือดหัวใจทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
• เช็ดตัวลดไข้ด้วยนำแบบไหนดี
เวลามีไข้ นอกจากการรับประทานยาลดไข้แล้ว การเช็ดตัวยังช่วยลดอุณหภูมิของร่างกายด้วย โดยใช้หลักการนำความร้อนออกจากร่างกาย น้ำที่นำมาใช้เช็ดตัวแบ่งเป็น 4 ชนิดคือ
1. น้ำธรรมดา อุณหภูมิ 30-37 องศาเซลเซียส ใช้ในการเช็ดตัวลดไข้ทั่วไปและไม่มีอาการ หนาวสั่น
2. น้ำเย็น อุณหภูมิประมาณ 5 องศาเซลเซียส มักใช้เช็ดตัวลดไข้ในกรณีที่มีไข้สูงๆ
3. น้ำผสมแอลกอฮอล์ โดยใช้แอลกอฮอล์ 70% 1 ส่วน ผสมกับน้ำธรรมดาหรือน้ำแข็ง 3 ส่วน ใช้เช็ดตัวลดไข้ในกรณีที่มีไข้สูงมากๆ และอาจเกิดอาการชักได้ง่าย
4. น้ำอุ่น อุณหภูมิประมาณ 40 องศาเซลเซียส ใช้เช็ดตัวลดไข้ในกรณีที่เป็นเด็ก หรือผู้ที่มีไข้ร่วมกับอาการหนาวสั่น
• สธ. ฉีดวัคซีนไข้หวัดฟรี
นพ.โ สภณ เมฆธน รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ในปี 2555 นี้ สธ.ร่วมมือกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และองค์การเภสัชกรรม (อภ.) จัดโครงการรณรงค์ฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ประจำปี 2555 โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ให้แก่ประชากรกลุ่มเสี่ยงในทุกสิทธิการรักษา ได้แก่ 1. ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง คือ โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง หอบหืด โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคไตวายเรื้อรัง มะเร็งที่กำลังรับเคมีบำบัด เบาหวาน ธาลัสซีเมีย และภูมิคุ้มกันบกพร่อง รวมทั้งผู้ติดเชื้อเอชไอวีที่มีอาการ 2. ผู้มีอายุ 65 ปีขึ้นไป 3. ผู้มีน้ำหนักตัวมากกว่า 100 กิโลกรัม 4. ผู้พิการทางสมองช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ 5. เด็กอายุ 6 เดือน-2 ปี 6. หญิงตั้งครรภ์อายุครรภ์ 4 เดือนขึ้นไป และ 7. บุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการกำจัดสัตว์ปีก
วัคซีนที่นำมาใช้ในการฉีดเป็นวัคซีนรวม 3 สายพันธุ์ คือ ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 ชนิด เอ เอช 3 เอ็น 2 และชนิดบี ซึ่งเป็นเชื้อไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลที่พบบ่อยในไทยและทั่วโลก และวัคซีนยังใช้ได้ผลดี เพราะเชื้อไม่มีปัญหากลายพันธุ์ จะเริ่มฉีดพร้อมกันทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน - 30 กันยายน 2555 ในสถานพยาบาลของรัฐทุกแห่งและโรงพยาบาลเอกชนที่เข้าร่วมโครงการ
• กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทย
แนะสร้างสุขภาพดี ด้วย 8 อ.
กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทย และแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข แนะนำหลัก 8 อ.เพื่อการเสริมสร้างสุขภาพที่ดี ดังนี้ 1. อิริยาบถ คือ การปรับอิริยาบถ เพื่อปรับสมดุลโครงสร้างร่างกาย ด้วยการบริหารแบบไทย เช่น ฤๅษีดัดตน 2. อาหาร ต้องเป็นอาหารสะอาดปลอดภัยมีคุณภาพ 3. อากาศ คือ ไม่เบียดเบียนธรรมชาติ ดูแลสิ่งแวดล้อม เมื่ออากาศดีสุขภาพก็ดีไปด้วย 4. อโรคยา ไม่ใช้ชีวิตแบบประมาทเพลิดเพลินจนเกินเหตุ อย่าอดข้าว อดน้ำ อดนอน
5. อาจิณ คือ ต้องใส่ใจตัวเอง ไม่กลั้นอุจจาระหรือปัสสาวะ 6. อุเบกขา ด้วยการควบคุมอารมณ์อย่าเศร้าเสียใจ หรือดีใจจนเกินพอดี รู้จักมีความสุขกับตัวเองด้วยการภูมิใจในชีวิตที่เป็นอยู่ 7. อุดมปัญญา ไม่มีโทสะ รู้จักเลือกรับข้อมูลข่าวสาร คิดเป็น แก้ปัญหาเป็น และ 8. คือ อาชีพ ต้องทำงานสุจริต แต่ไม่โหมงานมากเกินพอดี และมีวินัยในการดำรงชีวิต
ถ้าทำได้อย่างนี้ธาตุทั้ง 4 ก็สมดุล ร่างกายแข็งแรงจิตใจเข้มแข็ง เมื่อเจอปัญหาใดก็พร้อมแก้ไขให้ผ่านไปได้ด้วยดี
• กาแฟลดน้ำหนักได้จริงหรือ?
ผลิตภัณฑ์กาแฟเป็นจำนวนมากมักอ้างว่าได้เพิ่มเติมสารอาหารบางอย่างที่ช่วยให้ลดน้ำหนักได้ เช่น ไฟเบอร์ (ช่วยเพิ่มกากอาหารในอุจจาระ) คอลลาเจน (พบได้ในเนื้อสัตว์ และจะถูกย่อยเป็นโปรตีนขนาดเล็กก่อนถูกดูดซึมเหมือนโปรตีนทั่วไป) รวมทั้งแอลคาร์นิทีนและโครเมียม เป็นต้น
ทั้งนี้ ทางการแพทย์มีการยืนยันว่าสรรพคุณต่างๆของสารอาหาร ที่ผู้ผลิตได้เติมลงไปในกาแฟและอ้างนั้น ไม่ได้เป็นความจริงทั้งหมด ถึงแม้ว่ากาแฟจะมีส่วนช่วยในการเผาผลาญของร่างกาย แต่หากดื่มในปริมาณมาก โดยหวังว่าจะให้ร่างกายผอมเพรียวลม และหุ่นดีนั้นอาจเกิดอันตรายกับร่างกายได้ เพราะคาเฟอีนจะทำให้ระบบไหลเวียนโลหิตในร่างกายทำงานมากจนเกินไป อาจทำให้หัวใจเต้นผิดปกติ นอกจากนี้อาจทำให้อ้วนขึ้นได้เช่นกัน เพราะในผลิตภัณฑ์กาแฟนั้นจะมีครีมเทียมและน้ำตาลผสมอยู่ จึงทำให้ได้รับพลังงานหลายกิโลแคลอรี่ แล้วจะผอมได้อย่างไร?
สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคขอเตือนผู้บริโภคอย่าหลงเชื่อโฆษณาในการเลือกผลิตภัณฑ์กาแฟ ต้องอ่านฉลากให้ถี่ถ้วน ทั้งนี้ ขอแนะนำให้ผู้บริโภคควบคุมน้ำหนัก โดยการหมั่นออกกำลังกาย กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ พักผ่อนให้เพียงพอ และทำจิตใจให้แจ่มใส
(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 139 กรกฎาคม 2555 โดย ธาราทิพย์)