สตีเบล เอลทรอน เผยยอดขายต้นปี 2555 ดีเกินคาด เติบโต 32% มั่นใจทั้งปีนี้โกยรายได้ 60 ล้านบาท เติบโต 6% แม้เป็นเพียงเจ้าเดียวที่ประสบเหตุการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ มิถุนายนนี้เปิดตัวโฆษณาใหม่ทั่ว กทม. คาดผู้บริโภคจดจำความเป็นสินค้าคุณภาพเยี่ยมจากเยอรมนีเจ้าแห่งเทคโนโลยีล้ำหน้า ยันใช้เป็นฐานผลิตหลัก แย้มถ้ารัฐบาลจัดการเรื่องน้ำท่วมไม่ได้อาจโยกย้ายหนี
นายโรลันด์ เฮิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท สตีเบล เอลทรอน เอเซีย จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องทำน้ำอุ่น กล่าวถึงธุรกิจในประเทศไทยว่า ถึงแม้โรงงานและสำนักงานใหญ่ของสตีเบล เอลทรอน ณ นิคมอุตสาหกรรมบางปะอินจะเป็นองค์กรเดียวในวงการอุตสาหกรรมเครื่องทำน้ำอุ่น-น้ำร้อนที่โดนน้ำท่วมอย่างหนักเมื่อปลายปี 2554 ส่งผลให้ผลประกอบการของทั้งปี 2554 โตขึ้นเพียง 6% เมื่อเทียบกับปี 2553
อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการในไตรมาสแรกของปี 2555 นี้สามารถเติบโตขึ้นกว่า 32% โดยแบ่งออกเป็นผลประกอบการภายในประเทศไทยโต 19% และส่งออกโต 89% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2554 อันเป็นผลมาจากการที่ลูกค้าผู้ประสบเหตุการณ์น้ำท่วมจำนวนมากต้องจับจ่ายใช้สอยสินค้าเกี่ยวกับบ้าน เช่น เครื่องทำน้ำอุ่น-น้ำร้อน เป็นต้น สำหรับสินค้าที่ขายดีเป็นพิเศษหลังน้ำท่วมคือ เครื่องกรองน้ำ โดยทั้งปี 2555 นี้คาดหวังยอดขายโต 6.50% หรือคิดเป็นมูลค่า 620 ล้านบาท
นายเฮินกล่าวถึงยอดการส่งออกสินค้าในแถบเอเชียแปซิฟิกของปี 2554 ว่าต่ำกว่าที่คาดไว้ เนื่องจากโรงงานถูกน้ำท่วม จึงไม่สามารถผลิตสินค้าเพื่อส่งออกในไตรมาสสุดท้ายของปี 2554 อย่างไรก็ตาม สตีเบล เอลทรอน พร้อมเร่งผลักดันยอดส่งออกในปี 2555 นี้อย่างเต็มที่ โดยตลาดหลักในเอเชียแปซิฟิก คือ ฮ่องกง จีน และฟิลิปปินส์ ส่วนประเทศอื่นที่มีแนวโน้มจะเติบโตขึ้นเรื่อยๆ คือ พม่า นอกจากนี้ อินเดียก็ถือเป็นตลาดที่น่าสนใจเช่นเดียวกัน แต่ยังติดอุปสรรคในเรื่องของภาษีนำเข้า และระบบระเบียบราชการ
ปัจจุบันจำนวนบริษัทลูกของสตีเบล เอลทรอนในแถบเอเชียมีทั้งหมด 4 แห่ง ได้แก่ ประเทศไทย ญี่ปุ่น จีน และล่าสุดคือออสเตรเลีย ซึ่งจากเดิมมีเพียงตัวแทนจำหน่าย บริษัทลูกเหล่านี้ขายสินค้าที่ผลิตจากสำนักงานใหญ่ ณ ประเทศเยอรมนี และบางส่วนจะมาจากโรงงานผลิตที่ไทย
ทางด้านแผนการตลาดสำหรับครึ่งหลังปี 2555 จะเน้นการทำตลาดแบบผสมผสานเช่นเดียวกับปีที่แล้ว โดยในส่วนของการซื้อสื่อจะเน้นที่สื่อวิทยุ เนื่องจากสามารถเข้าถึงประชาชนได้ทั่วประเทศมากกว่า รองลงมาคือนิตยสาร และสื่อโฆษณาบนจอ เช่น จอแอลอีดี ทั่วกรุงเทพฯ ซึ่งจะเริ่มในเดือนมิถุนายนเป็นต้นไป นอกจากนี้ การทำการประชาสัมพันธ์ การทำกิจกรรมร่วมกันกับผู้จัดจำหน่ายทุกช่องทาง ทั้งโมเดิร์นเทรด และดีลเลอร์ การทำโปรโมชัน การอบรม และทดสอบพนักงาน ณ จุดขายอย่างสม่ำเสมอก็ยังเป็นสิ่งที่สตีเบล เอลทรอนให้ความสำคัญเช่นกัน
“ในปีนี้เราอยากให้ลูกค้า และประชาชนทั่วไปจดจำแบรนด์ สตีเบล เอลทรอน ได้ผ่านแนวคิด “Originally German” ซึ่งหมายถึงความเป็นสินค้าคุณภาพเยี่ยมที่มีเทคโนโลยีจากประเทศผู้นำแห่งความก้าวหน้าอย่างเยอรมนี พูดให้เข้าใจได้ง่ายมากขึ้นก็คือ เป็นเยอรมันทุกอย่าง ส่วนแผนการออกสินค้าใหม่สู่ตลาดในปี 2555 เราจะออกเครื่องทำน้ำอุ่น-น้ำร้อน 2 รุ่น ซึ่งเราจะมีงานเปิดตัวรุ่น “XG” 1 ใน 5 รุ่นนี้ในเดือนกรกฎาคม โดยรุ่น XG นอกจากจะมีจุดเด่นที่เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่สตีเบล เอลทรอน จดลิขสิทธิ์เพียงเจ้าเดียวแล้ว ยังมีเรื่องของการดีไซน์ตัวเครื่องที่ได้รับรางวัลระดับโลกอย่าง IF Design Award อีกด้วย โดยงบประมาณการตลาดสำหรับปีนี้ทั้งหมดอยู่ที่ 72 ล้านบาท จากปีที่แล้ว 60 ล้านบาท”
ในส่วนของการย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศเพื่อนบ้าน นายโรลันด์ยังคงยืนยันที่จะให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิต และส่งออกของเอเชียแปซิฟิกต่อไป เนื่องจากเชื่อมั่นในศักยภาพของประเทศไทย และได้เตรียมแผนรองรับไว้แล้ว เช่น สร้างชั้น 2 เพิ่มในส่วนของโรงงาน เช่าสำนักงานและโรงงานผลิตชั่วคราวในพื้นที่ปลอดภัย ทางด้านการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ กนอ.เอง ก็ได้ทำการสร้างพนังและกำแพงเพื่อป้องกันน้ำท่วมด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม หากรัฐบาลยังไม่สามารถหามาตรการป้องกัน และแก้ไขน้ำท่วมได้ สำนักงานใหญ่ของสตีเบล เอลทรอนที่ประเทศเยอรมนี อาจพิจารณาให้มีการย้ายฐานในที่สุด