ฉันหนีความร้อนระอุมาเรียนภาษาอังกฤษในดินแดนที่ห่างไกลจากเมืองไทย ด้วยระยะทางการบินสิบชั่วโมง.. ลัดฟ้าห่างเหินน้ำพริกปลาทูมาสู่ฟิชแอนด์ชิพ ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับความรู้กลับไปเขียน หนังสือเป็นภาษาอังกฤษ เพื่อเผยแพร่ธรรมะให้กว้างไกลไปทั่วโลก หวังสูง ฝันไกล และตั้งใจจะไปให้ถึงสักวัน...
เพราะธรรมะยิ่งเรียนรู้เรายิ่งเล็กลง แต่ขณะเดียวกันเราก็จะยิ่งใหญ่ขึ้น ตัวเราจะเหลือเล็กนิดเดียวเพราะไม่มีตัวเรา แต่จิตวิญญาณเราจะเติบโตขึ้น และพร้อมที่จะอยู่เพื่อผู้อื่นมากขึ้น
จะว่าแปลกก็แปลก จะว่าไม่แปลกก็ใช่...ก่อนเครื่องบินจะ ร่อนลงรันเวย์ที่สนามบินเมืองผู้ดี ฉันคิดในใจว่า มาก่อน กำหนดตั้งหลายวัน จะทำอะไร ไปไหนก่อนดี? แวบแรกของความคิดคือไปกราบพระพุทธรูปที่วัดไทยดีกว่า วัดไหนก็ได้ที่ใกล้ที่พักแห่งแรกที่สุด คิดได้ดังนั้นใจก็ตั้งมั่นไปที่วัดไทยทันที
ถึงที่พักวางกระเป๋าเข้าที่ได้ไม่กี่ชั่วโมง เกือบจะไม่ได้ไปซะ แล้ว เพราะพี่ผู้จัดการสนามบินฮีทโทรว์ผู้ใจดีที่ไปรับฉันจากสนามบิน มีงานรออยู่ แต่สุดท้ายเขาก็ตกลงใจขับรถพาฉันไปวัดไทยพุทธปทีป วิมเบิลดัน ทำให้ฉันได้ไปวัดสมใจ ไปแบบไม่ต้องอาบน้ำ เพราะอากาศไม่เป็นใจ
ถึงวัดในเวลาบ่ายแก่ๆ หลังจากได้พูดคุยกับพระครูปลัดสุทัศน์อมรสุทธิ หรือที่เราเรียกท่านสั้นๆ ว่าพระอาจารย์สุทัศน์ ท่านบอกว่าที่วัดเพิ่งเริ่มคอร์สปฏิบัติธรรมไปเมื่อวานนี้เอง โยมอณัญญามาวันนี้ก็ดีแล้ว สามารถเข้าร่วมปฏิบัติธรรมได้เลย ฉันรีบตกปากรับคำพระอาจารย์สุทัศน์ แล้วรุ่งขึ้นก็แจ้นไปหาซื้อชุดชาวเข้าวัดปฏิบัติธรรม ได้เข้าวัดทันทีสมดังตั้งใจ วางทุกเรื่อง ที่คิดว่าจะทำเอาไว้ก่อน เวลาล้างใจเรามีไม่มาก เพราะชีวิตมักจะถูกกลืนไปกับสิ่งเร้านอกตัวเสมอ
วัดไทยพุทธปทีป วิมเบิลดัน เป็นวัดไทยแห่งแรกในสหราชอาณาจักรและภาคพื้นยุโรป สวยงาม สะอาด สงบ ร่มรื่น แวด ล้อมไปด้วยต้นไม้ใหญ่ครึ้มไปหมด ทำให้อากาศที่หนาวเย็นอยู่แล้วยะเยือกขึ้นไปอีก ทะเลสาบที่ขุดไว้ให้เป็ดหัวเขียวมรกตได้แหวกว่าย เพิ่มความชื้นให้ชั้นบรรยากาศโดยรอบ ยามใดที่ลมพัดมาจะหวีดหวิวกรีด ผิวใต้เสื้อผ้าชนิดเย็นจัดได้ใจ
เมื่อเดินพ้นประตูบานใหญ่มหึมาเข้าไป ด้านซ้ายมือจะเป็นบ้านสไตล์อังกฤษโบราณสองชั้น ชั้นล่างเป็นห้องประดิษฐานพระพุทธรูป ใช้สำหรับเวลาญาติโยมมาทำ บุญถวายภัตตาหาร ห้องอาหารพร้อมโต๊ะตัวยาวใหญ่เป็นที่สำหรับฉันภัตตาหารแทนหอฉัน ห้องต่างๆ ถูกดัดแปลงเป็นห้องครัว ห้องสมุด ห้องดื่มน้ำปานะ ชั้นสองเป็นที่จำวัดของพระสงฆ์ จากบ้านโบราณนี้มีทางเดินหินทอดยาวไปสู่ตัวโบสถ์ สถาปัตยกรรมไทยสีขาวโดดเด่นเป็นสง่าอยู่กลางแมกไม้ ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปที่่งดงามหาที่ติไม่ได้ ประดิษฐานลดหลั่นกันอย่างสวยงามเข้มขรึมทรงพลัง ผนังทุกด้านและเพดานเป็นภาพวาดพุทธประวัติที่บอกเล่าเรื่องราวอันมีคุณค่า
ฉันหิ้วกระเป๋าเดินเข้าโบสถ์...อากาศข้างนอกสามองศา หนาวยะเยือก แต่ในโบถส์อุ่นจนไม่ต้องใส่เสื้อกันหนาว ฉันนั่งพับเพียบก้มกราบพระประธาน ก่่อนเดินลงบันไดไปชั้นล่างของตัวโบสถ์ ห้องโถงกว้างใหญ่ปูพรมแดงเป็นที่ปฏิบัติธรรมวิปัสสนากรรมฐานของผู้ที่ต้องการค้นหาความจริง
ฉันทรุดตัวลงกราบพระประธานในห้องปฏิบัติธรรม ก่อนกราบพระอาจารย์สุทัศน์ แล้วร่วมนั่งฟังธรรมบรรยายกับผู้มาถือศีลปฏิบัติธรรมท่านอื่นๆ ก่อนได้เวลาไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดขาว น้อมใจสมาทานศีลแปด... คืนแรกผ่านพ้นไปด้วยดี...
กระรอกสีน้ำตาลอ่อนกระโดดมาทักทายแต่เช้าตรู่ หกโมงเช้าทุกคนต้องตื่นไปรอรับประทานอาหาร แปดโมงเช้าสวดมนต์ทำวัตร แล้วเริ่มปฏิบัติด้วยการนั่งสมาธิ เพื่อให้เห็นทุกขเวทนาที่เกิดกับจิตและกาย รู้ถึงความเบื่อหน่ายในการนั่งอันยาวนาน รู้ถึงความเจ็บ ความปวด นั่งสักพักก็ลุกเดินจงกรม พอลุกเดินจงกรม อาการปวดจากการนั่งก็หายไป เปลี่ยนเป็นความเมื่อย จากการเดินแทน พอเดินเสร็จก็ลงนั่ง อาการเมื่อยขาก็หายไป กลายเป็นอาการปวดเข่าจากการนั่งแทน ไม่มีอะไรคงที่สักอย่าง
ส่วนจิตที่พยายามจับอยู่กับลมหายใจเข้าออก เข้าก็รู้ออกก็รู้ แต่จิตนั้นไม่นิ่ง คิดไปได้เรื่อยเปื่อยสารพันเรื่อง พอรู้ว่าจิตไม่นิ่งก็ดึงกลับมาอยู่กับลมหายใจอีก ไม่มีอะไรคงทนสักอย่าง
ฉันคิดว่าหัวใจของการวิปัสสนากรรมฐาน ฝึกจิตฝึกกาย ก็เพื่อให้เข้าใจไตรลักษณ์ คือเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป โดยใช้ตัวเรา นี่เองเป็นแหล่งเรียนรู้ เมื่ออาการต่างๆ ที่เกิดกับเรายังไม่คงที่ แล้วอืี่นๆ ที่เหลือรอบตัวเราจะคงที่ได้อย่างไร ถ้าเข้าใจแล้วเรา ก็จะไม่ทุกข์ ที่ไม่ทุกข์เพราะไม่ยึด ไม่ยึดเพราะรู้ว่ามันไม่คงที่
ฉันเองก็ยังไม่ได้หลุดพ้น ยังคงอยู่ในวัฏของอารมณ์ เบื่อ สุข เศร้า เหงา ทุกข์ เหมือนปุถุชนทั่วไป เพียงแต่เมื่อเปิดใจรับธรรมะเข้ามาเป็นหลักในการดำเนินชีีวิตแล้ว ทุกข์น้อยลงเพราะเข้าใจมากขึ้น รับมือกับความจริงในชีวิตได้มากขึ้น มีสติรอบ คอบขึ้น สลัดปัญหาออกไปได้เร็วขึ้น น้อมรับความแตกต่างของผู้คนและเหตุการณ์ที่ผ่านเข้ามาได้ง่ายขึ้น
...เหมืือนที่ฉันกำลังเผชิญกับความหนาวเหน็บอยู่ในตอนนี้ อากาศที่ลอนดอนไม่ได้หนาวธรรมดา แต่ความหนาวมาพร้อมความยะเยือกของสายฝนที่ตกไม่เป็นเวล่ำเวลา และถ้ามาพร้อมลมด้วยละก็ ถือเป็นเวรเป็นกรรมอย่างหนึ่งของฉันเลยทีเดียว
แต่ฉันเลือกแล้วที่จะมา ทำใจก่อนมาแล้วว่าต้องเจอสภาพอากาศแบบนี้ และเป็นเรื่องที่ควบคุมไม่ได้ หนาวก็ต้องทน เซ็งก็ต้องทำใจ อยู่กับวันนี้วันที่ฝนตก อยู่กับความหนาวที่ต้องใส่เสื้อผ้าสามสี่ชั้่น ฉันก็ต้องอยู่กับมัน เพราะพรุ่งนี้ทุกอย่างก็จะไม่เหมือนเดิม
แต่ในท่ามกลางความหนาวเหน็บ ฉันได้พบความอบอุ่นที่แผ่ซ่านเข้าไปในใจ แม้ภายนอกอากาศจะทรมานแค่ไหน แต่ภายในใจกลับสงบและอบอุ่นด้วยพลังแห่งความเมตตาของพระพุทธองค์ หากโลกนี้ไม่มีธรรมะ เราคงเหน็บหนาว ด้วยไร้ซึี่งแสงสว่างนำทางชีวิต
ขอบคุณคืนวันอันเหน็บหนาวที่ทำให้ฉันได้ค้นพบว่า แท้ จริงแล้วความอบอุ่นที่เราแสวงหา ไม่ได้อยู่ไกลเหมือนที่เราคิดเลย...
(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 138 มิถุนายน 2555 โดย อนัญญา เที่ยงแท้)