กลุ่มพระต่างแคว้น คือ กลุ่มพระที่ออกบวชต่างแคว้นละ ๑ รูป (เฉพาะที่เป็นพระอสีติมหาสาวก) มี ๖ รูป คือ พระพาหิยะ พระปุณณะ พระทัพพะ พระรัฐบาล พระโสณโกฬิวิสะ พระมหากัปปินะ แต่ละรูปมีประวัติที่น่าศึกษาดังนี้
การออกบวช
พระปุณณะ เช้าวันที่ท่านไปถึงวัดเชตวันนั้นเป็นวันอุโบสถ ชาวเมืองสาวัตถี ที่เป็นพุทธศาสนิกชนต่างพากันอธิษฐานอุโบสถ (ถือศีล ๘) แล้วถือเครื่องสักการะ ไปเฝ้าพระพุทธเจ้า ท่านเห็นเหตุการณ์นั้น จึงสอบถาม ครั้นได้ทราบว่าไปเฝ้าพระพุทธเจ้า ก็เกิดศรัทธาปรารถนาจะเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าบ้าง จึงพร้อมด้วยบริวารจำนวนหนึ่ง เดินทางไปเฝ้าพร้อมกับพวกชาวเมืองสาวัตถี
พระพุทธเจ้าแสดงธรรมตามปกติ แต่ในพระทัยทรงมุ่งหมายที่จะโปรดท่านเป็นสำคัญ ด้วยทรงเห็นอุปนิสัยของท่านซึ่งน้อมไปในการออกบวช ครั้นพระพุทธเจ้าแสดงธรรมจบแล้ว ท่านก็เข้าไปทูลนิมนต์พระพุทธเจ้าให้เสด็จไปรับภัตตาหาร พร้อมด้วยพระสาวกที่กองเกวียนของตน ซึ่งจอดพักอยู่ในวันรุ่งขึ้น
และในวันรุ่งขึ้นนั้นเอง หลังจากพระพุทธเจ้าเสวยภัตตาหาร ตรัสอนุโมทนา และพาพระสาวกกลับวัดเชตวันแล้ว ท่านก็ตัดสินใจออกบวชทันที โดยมอบหมายทรัพย์สินให้บริวารช่วยกันดูแล และนำกองเกวียนกลับไปมอบให้แก่น้องชายคือจูฬปุณณะ ท่านได้ฝากลาน้องชายด้วย จากนั้นจึงได้เข้าไปเฝ้าพระพุทธเจ้าที่วัดเชตวันอีกครั้งหนึ่งแล้วทูลขอบวช พระพุทธเจ้าทรงบวชให้ท่านด้วยวิธีบวชแบบเอหิภิกขุอุปสัมปทา
พระทัพพะ ออกบวชเมื่อคราวที่พระพุทธเจ้าทรงพาพระสาวกไปประทับอยู่ป่าอนุปิยวันในอนุปิยนิคม แคว้นมัลละ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของท่าน ขณะท่านมีอายุ ๗ ขวบ พระอัยยิกาได้พาท่านเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า พร้อมกับพวกชาวเมือง ทันทีที่ได้เห็นพระพุทธเจ้า ท่านก็เกิดความเลื่อมใสคิดปรารถนาจะออกบวช จึงบอกให้พระอัยยิกาทราบ พระอัยยิกาคิดอยู่ตลอดเวลาว่าหลานเป็นคนมีบุญ เมื่อมาได้ยินเช่นนั้นเข้าจึงดีพระทัยมาก รีบพาท่านเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า แล้วทูลขอให้ทรงบวชให้ พระพุทธเจ้าทรงมอบให้พระรูปหนึ่งรับทำหน้าที่เป็นพระอุปัชฌาย์บวชให้ท่าน
พระรัฐบาล ออกบวชคราวที่พระพุทธเจ้า เสด็จไปยังถุลลโกฎฐิตนิคม แคว้นกุรุ อันเป็นบ้านเกิดของท่าน คราวนั้นชาวแคว้นกุรุได้พากันมาเฝ้าพระพุทธเจ้า เพื่อฟังธรรม พระรัฐบาลได้มาเฝ้าพระพุทธเจ้าด้วย และหลังจากฟังธรรมแล้วก็เกิดศรัทธาปรารถนาจะออกบวช จึงเข้าไปทูลขอบวชต่อพระพุทธเจ้า
พระพุทธเจ้าตรัสแนะให้ท่านไปขออนุญาตบิดามารดาก่อน ครั้งแรกบิดามารดาไม่อนุญาต เนื่องจากท่านเป็นลูกคนเดียวของตระกูล เพราะเกรงว่าเมื่อท่านบวชแล้ว สกุลวงศ์ก็จักขาดสูญ ท่านจึงทรมานตัวเองด้วยการนอนอดข้าวอยู่ในห้อง ข่าวคราวการทรมานตัวของท่านล่วงรู้ไปถึงเพื่อนฝูง จึงต่างพากันมาพูดเกลี้ยกล่อมให้ท่านเปลี่ยนใจ แต่ก็ไร้ผล ท่านยังยืนกรานขอออกบวชเพื่อรักษาชีวิตของท่านไว้ บิดามารดาเห็นว่าไม่สามารถจะเปลี่ยนใจลูกชายได้แน่ ประกอบกับเกรงว่าลูกชายจะตาย จึงจำใจยอมอนุญาตให้บวชได้
เมื่อได้รับอนุญาตเช่นนั้นแล้ว ท่านรีบลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวและทานข้าว แล้วเดินไปเฝ้าพระพุทธเจ้า พร้อมทั้งทูลขอบวชทันที พระพุทธเจ้าทรงมอบหมายให้พระเถระรูปหนึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์บวชให้ท่านตามปรารถนา
(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 138 มิถุนายน 2555 โดย ผศ.ร.ท.ดร.บรรจบ บรรณรุจิ)
การออกบวช
พระปุณณะ เช้าวันที่ท่านไปถึงวัดเชตวันนั้นเป็นวันอุโบสถ ชาวเมืองสาวัตถี ที่เป็นพุทธศาสนิกชนต่างพากันอธิษฐานอุโบสถ (ถือศีล ๘) แล้วถือเครื่องสักการะ ไปเฝ้าพระพุทธเจ้า ท่านเห็นเหตุการณ์นั้น จึงสอบถาม ครั้นได้ทราบว่าไปเฝ้าพระพุทธเจ้า ก็เกิดศรัทธาปรารถนาจะเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าบ้าง จึงพร้อมด้วยบริวารจำนวนหนึ่ง เดินทางไปเฝ้าพร้อมกับพวกชาวเมืองสาวัตถี
พระพุทธเจ้าแสดงธรรมตามปกติ แต่ในพระทัยทรงมุ่งหมายที่จะโปรดท่านเป็นสำคัญ ด้วยทรงเห็นอุปนิสัยของท่านซึ่งน้อมไปในการออกบวช ครั้นพระพุทธเจ้าแสดงธรรมจบแล้ว ท่านก็เข้าไปทูลนิมนต์พระพุทธเจ้าให้เสด็จไปรับภัตตาหาร พร้อมด้วยพระสาวกที่กองเกวียนของตน ซึ่งจอดพักอยู่ในวันรุ่งขึ้น
และในวันรุ่งขึ้นนั้นเอง หลังจากพระพุทธเจ้าเสวยภัตตาหาร ตรัสอนุโมทนา และพาพระสาวกกลับวัดเชตวันแล้ว ท่านก็ตัดสินใจออกบวชทันที โดยมอบหมายทรัพย์สินให้บริวารช่วยกันดูแล และนำกองเกวียนกลับไปมอบให้แก่น้องชายคือจูฬปุณณะ ท่านได้ฝากลาน้องชายด้วย จากนั้นจึงได้เข้าไปเฝ้าพระพุทธเจ้าที่วัดเชตวันอีกครั้งหนึ่งแล้วทูลขอบวช พระพุทธเจ้าทรงบวชให้ท่านด้วยวิธีบวชแบบเอหิภิกขุอุปสัมปทา
พระทัพพะ ออกบวชเมื่อคราวที่พระพุทธเจ้าทรงพาพระสาวกไปประทับอยู่ป่าอนุปิยวันในอนุปิยนิคม แคว้นมัลละ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของท่าน ขณะท่านมีอายุ ๗ ขวบ พระอัยยิกาได้พาท่านเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า พร้อมกับพวกชาวเมือง ทันทีที่ได้เห็นพระพุทธเจ้า ท่านก็เกิดความเลื่อมใสคิดปรารถนาจะออกบวช จึงบอกให้พระอัยยิกาทราบ พระอัยยิกาคิดอยู่ตลอดเวลาว่าหลานเป็นคนมีบุญ เมื่อมาได้ยินเช่นนั้นเข้าจึงดีพระทัยมาก รีบพาท่านเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า แล้วทูลขอให้ทรงบวชให้ พระพุทธเจ้าทรงมอบให้พระรูปหนึ่งรับทำหน้าที่เป็นพระอุปัชฌาย์บวชให้ท่าน
พระรัฐบาล ออกบวชคราวที่พระพุทธเจ้า เสด็จไปยังถุลลโกฎฐิตนิคม แคว้นกุรุ อันเป็นบ้านเกิดของท่าน คราวนั้นชาวแคว้นกุรุได้พากันมาเฝ้าพระพุทธเจ้า เพื่อฟังธรรม พระรัฐบาลได้มาเฝ้าพระพุทธเจ้าด้วย และหลังจากฟังธรรมแล้วก็เกิดศรัทธาปรารถนาจะออกบวช จึงเข้าไปทูลขอบวชต่อพระพุทธเจ้า
พระพุทธเจ้าตรัสแนะให้ท่านไปขออนุญาตบิดามารดาก่อน ครั้งแรกบิดามารดาไม่อนุญาต เนื่องจากท่านเป็นลูกคนเดียวของตระกูล เพราะเกรงว่าเมื่อท่านบวชแล้ว สกุลวงศ์ก็จักขาดสูญ ท่านจึงทรมานตัวเองด้วยการนอนอดข้าวอยู่ในห้อง ข่าวคราวการทรมานตัวของท่านล่วงรู้ไปถึงเพื่อนฝูง จึงต่างพากันมาพูดเกลี้ยกล่อมให้ท่านเปลี่ยนใจ แต่ก็ไร้ผล ท่านยังยืนกรานขอออกบวชเพื่อรักษาชีวิตของท่านไว้ บิดามารดาเห็นว่าไม่สามารถจะเปลี่ยนใจลูกชายได้แน่ ประกอบกับเกรงว่าลูกชายจะตาย จึงจำใจยอมอนุญาตให้บวชได้
เมื่อได้รับอนุญาตเช่นนั้นแล้ว ท่านรีบลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวและทานข้าว แล้วเดินไปเฝ้าพระพุทธเจ้า พร้อมทั้งทูลขอบวชทันที พระพุทธเจ้าทรงมอบหมายให้พระเถระรูปหนึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์บวชให้ท่านตามปรารถนา
(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 138 มิถุนายน 2555 โดย ผศ.ร.ท.ดร.บรรจบ บรรณรุจิ)