xs
xsm
sm
md
lg

บทความพิเศษ : คิดทุกข์ คิดสุข

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


คนเราส่วนมากเป็นทุกข์เพราะความคิด บางคนยิ่งคิดก็ยิ่งทุกข์ เพราะคิดวนเวียนอยู่กับเรื่องที่ทำให้ตัวเองทุกข์ได้ตลอดเวลา จริงๆแล้วถ้ารู้จักคิดให้เป็น มองให้เป็น ก็จะเกิดเป็นความสุขขึ้นมาได้เช่นเดียวกัน

รศ.กนกรัตน์ สุขะตุงคะ ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ได้เขียนเรื่อง “สุขภาพจิตดีด้วยการปรับวิธีคิดให้เหมาะสม” ไว้ดังนี้

คิดทุกข์

1. ฉันไม่มีคุณค่าพอที่จะรัก เพราะไม่เคยมีใครแสดงท่าทีว่ารักฉัน

คิดสุข


วิธีแสดงออกของความรักความห่วงใย ของคนมีหลากหลายวิธีทั้งทางตรงและทางอ้อม ลองพิจารณาดูใหม่ อาจจะเห็นอะไรที่ต่างไปจากเดิมก็ได้ อีกประการหนึ่ง แค่เป็นคนดี ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ใคร ก็ถือว่ามีคุณค่าระดับหนึ่งแล้ว จงภูมิใจในตัวเองและทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี ใครๆก็ต้องชื่นชม

คิดทุกข์

2. เป็นหน้าที่ของฉันเท่านั้นที่จะต้องแก้ปัญหาทั้งหลาย

คิดสุข


ปัญหาในชีวิตประจำวันของคนเรา มักเกี่ยวข้องกับคนอื่นๆด้วย อย่าคิดแทนคนอื่นว่าเขาทำไม่ได้ ทำให้เราต้องรับผิดชอบทุกเรื่อง การหันหน้าเข้าหากัน ร่วมกันปรึกษาหาทางออก จึงเป็นสิ่งที่ควรทำ ไม่ใช่เป็นหน้าที่คนใดคนหนึ่ง หรือคิดว่าเป็นเรื่องเสียหน้าหรือต้องเกรง ่จะขอความช่วยเหลือคนอื่น เพราะถ้าคิดอย่างนั้น นอกจากจะแก้ปัญหาไม่ได้หรือทำได้อย่างยากเย็นแล้ว ยังทำให้เหนื่อยหน่าย หมดกำลังใจ รู้สึกท้อแท้กับชีวิต

คิดทุกข์

3. ใครๆทุกคนต้องชอบฉัน

คิดสุข


ไม่มีใครในโลกนี้ไม่เคยถูกนินทา ธรรมชาติของสิ่งต่างๆย่อมมีคู่กัน มีมืด มีสว่าง มีดี มีเลว มีคนชอบชมคนอื่น มีคนชอบติเตียนคนอื่น ฯลฯ การคิดอะไรที่ฝืนธรรมชาติ นอกจากจะไม่ถูกต้องแล้ว ยังทำให้ไม่สบายใจด้วย ทำตัวเองให้เป็นคนดีและมั่นใจตัวเองโดยไม่ต้องให้คนอื่นมาบอก จะมีความสุขกว่าอะไรทั้งหมด เพราะไม่ต้องเหนื่อยที่ต้องเที่ยวเอาใจคนอื่นเพื่อให้เขามาชม

คิดทุกข์

4. ฉันต้องทำสิ่งต่างๆได้ดีที่สุด และต้องไม่มีการล้มเหลวเรื่องใดๆทั้งสิ้น

คิดสุข


การคิดอะไรแบบสุดโต่ง นอกจากจะต้องเครียดตลอดเวลาแล้ว โอกาสสำเร็จ ก็เป็นไปได้ยาก เพราะการงาน การดำเนินชีวิตของคนเราไม่เป็นอิสระในตัวเอง จะต้องเกี่ยวกับคนอื่น หรือแม้แต่สิ่งแวดล้อมทางกายภาพ ข้อจำกัดเหล่านี้อาจทำให้สิ่งที่คิดไว้ดีแล้วไม่เป็นไปตามแผนก็ได้

คิดทุกข์

5.ในชีวิตนี้ฉันสามารถมีความรักได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น

คิดสุข


การจำกัดขอบเขตตัวเองในเรื่องต่างๆ หรือยึดติดกับความคิดที่ขาดความ ยืดหยุ่นจะทำให้เครียด และหวั่นไหวมาก เมื่ออะไรไม่เป็นไปอย่างที่คิด ฉะนั้นควรเปิดใจให้กว้างสำหรับเรื่องต่างๆที่ผ่านเข้ามาในชีวิต จะทำให้มีความสุขขึ้น

ความรักก็มีหลายแบบ ทั้งความรักของพ่อแม่เพื่อนฝูง และความรักแบบชู้ สาว ทุกอย่างไม่ได้ขึ้นอยู่กับเราเท่านั้น แต่มีอีกฝ่ายอยู่ด้วย เราไม่สามารถบังคับให้คนอื่นทำตามที่เราต้องการได้เสมอ และชีวิตของคนเรายังมีเรื่องอื่นอีกมากมาย ไม่ได้มีแต่เรื่องนี้เรื่องเดียว อย่าเอาตัวเองไปผูกติดอยู่กับอะไรแน่นเกินไป เพราะอาจพลาดโอกาสดีๆอย่างอื่นก็ได้

คิดทุกข์

6. ถ้าฉันเล่าปัญหาของฉันให้คนอื่นฟังเขาต้องหัวเราะเยาะฉันแน่ๆ

คิดสุข


ไม่มีใครในโลกที่ไม่มีปัญหา และแต่ละคนก็รับรู้หรือรู้สึกต่อปัญหาที่เกิดนั้นในระดับที่ต่างกัน แม้ว่าจะเป็นเรื่องเดียวกันก็ตาม ไม่มีใครผิดใครถูกทุกอย่างขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ทั้งจากตัวเองและพื้นฐานการที่ถูกเลี้ยงดูมา ร่วมกับมาตรฐานสังคมของตนเอง

การคิดว่าเรื่องของเราเหลวไหลไร้สาระในสายตาคนอื่น เป็นสิ่งที่เราไปคิดแทนคนอื่น ซึ่งความจริงเขาอาจจะไม่ได้คิดอย่างนั้นก็ได้ หรือถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ก็เป็นเรื่องธรรมดา ใครๆก็มีปัญหาได้ ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายที่จะต้องเกรงกลัวใครหรือน่าอับอาย ตรงกันข้ามการเล่าปัญหาให้คนคุ้นเคยหรือคนไว้วางใจ ฟัง นอกจากจะได้ระบายความทุกข์ใจแล้ว ยังอาจจะได้คำแนะนำดีๆแถมมาด้วย

คิดทุกข์

7. บางครั้งฉันมีความรู้สึกเศร้า หดหู่ ฉันต้องเป็นโรคจิตแน่ๆ

คิดสุข


คนที่จะบอกว่าใครเป็นโรคจิตต้องเป็น ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตเวชศาสตร์ ไม่ใช่ใครๆ ก็บอกได้ คำพูดเล่นๆติดปากเวลาเห็นใคร มีท่าทางที่ไม่ปกติว่าเป็นโรคจิต ไม่ใช่ว่าจะถูกเสมอไป เช่นเดียวกับอารมณ์เศร้าหดหู่ ก็เป็นสิ่งที่อาจจะเกิดได้ในคนปกติที่มีเรื่องทุกข์ใจหรือเจ็บป่วยเรื้อรัง

เมื่อสถานการณ์ไม่ดีผ่านไปก็จะรู้สึกดีขึ้น แต่ถ้ามีอาการคงอยู่นานหรือมีอาการ มากจนรบกวนการดำรงชีวิตประจำวัน ตามปกติ ก็ควรไปพบนักจิตวิทยาหรือจิตแพทย์ เพื่อรับการประเมิน หรือตรวจให้ชัดเจน ถ้าเป็นจริงก็จะได้รับการบำบัดที่ถูกต้อง ไม่ควรคิดสรุปเอาเองจนป่วยจริงๆไปในที่สุด

คิดทุกข์

8. อารมณ์เศร้าที่เกิดขึ้น ไม่มีทางดีขึ้นหรือหายได้เลย

คิดสุข


อย่าคิดเอาเอง ควรพบผู้เชี่ยวชาญ เพื่อตรวจดูในแน่ชัดว่าเป็นอะไร แล้วรับคำแนะนำการปฏิบัติตัวหรือการรักษา ที่เหมาะสม ปัจจุบันการรักษาโรคหรือภาวะซึมเศร้ามีทั้งวิธีจิตบำบัดและยาที่มีประสิทธิภาพมาก

คิดทุกข์

9. ถ้าฉันแก้ปัญหาไม่สำเร็จ ฉันก็ไม่คิดจะลองใหม่เพราะรู้ว่ายังไงก็ไม่มีทางสำเร็จอยู่ดี

คิดสุข


การคิดอะไรในด้านเดียวและเป็นด้านร้าย มีแต่จะทำให้ล้มเหลว เพราะมันล้มเหลวตั้งแต่คิดไม่สู้แล้ว ควรปรับวิธีคิดใหม่ เช่น ถ้าไม่ลองแก้ไข ผลก็คือลบ แต่ถ้าลองแก้ดู ผลอาจจะออกมาลบหรือบวกก็ได้ ฉะนั้นลองแก้ดู อย่างน้อยก็เสมอตัว ไม่ได้มีอะไรเสียมากขึ้น

คิดทุกข์

10. ฉันไม่สามารถกำหนดวิถีชีวิตของ ตนเองได้

คิดสุข


วิถีชีวิตของคนเราเกิดจากปัจจัยหลายๆ อย่าง ทั้งจากตัวเอง เช่นบุคลิกภาพ ความฉลาด การศึกษาและโอกาส และจากคนและสิ่งแวดล้อมที่กำหนดความเป็นไปได้ ปัจจัยเหล่านี้ต้องเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันอยู่เสมอ ไม่มีปัจจัยใดปัจจัยหนึ่งที่กำหนดทุกสิ่งทุกอย่างได้

แต่เรากำหนดวิถีชีวิตตัวเองได้ โดยใช้คุณลักษณะดีๆที่มีอยู่ให้เต็มที่ โอกาสจากสิ่งแวดล้อมก็น่าจะดีได้ระดับหนึ่งการที่คิดว่าไม่สามารถกำหนดตัวเองได้ เป็นการยอมรับชะตากรรมโดยดุษฎี หรืออาจเป็นข้อแก้ตัวที่จริงๆ ไม่กล้าสู้ กลัวล้มเหลว ซึ่งการคิดอย่างนี้ไม่เป็นผลดีกับตัวเองเลย

คิดทุกข์

11. การหนีไปให้พ้นจากปัญหา เป็นเรื่องที่ฉันจะทำมากกว่าเข้าไปเผชิญหน้ากับมัน

คิดสุข


การคิดอย่างนี้เท่ากับยอมแพ้ต่อเรื่องต่างๆ ตั้งแต่ต้น และไม่มีทางที่จะช่วยแก้ปัญหาได้ นอกจากนั้นก็จะทำให้เกิดปมปัญหาเพิ่มขึ้นทุกวัน คนเราไม่มีทางที่จะหนีปัญหาได้ทุกเรื่องหรือตลอดเวลา การค่อยๆพิจารณาสิ่งที่เกิดขึ้น มองหาสิ่งที่จะช่วยการแก้ปัญหาได้ แล้วขอความช่วยเหลือหรือขอความร่วมมือ ดีกว่าที่จะต้องหนีไปตลอดชีวิต ซึ่งอาจจะยากและเหนื่อยกว่าเสียอีก

คิดทุกข์

12. ชีวิตของฉันไม่มีความหวังและไม่มีทางที่จะดีขึ้นไปกว่านี้ได้เลย

คิดสุข


คนเราบอกตัวเองอย่างไรก็จะเป็นอย่างนั้น เพราะคำพูดนั้นจะลงไปอยู่ที่จิต ใต้สำนึก และจะไปผลักดันให้เกิดพฤติกรรมตามที่พูด คำพูดด้านลบต่อตัวเองที่ทำให้หมดหวัง ตัวเองไร้คุณค่า ไม่มีความสามารถ จะทำให้หมดกำลังใจที่จะสู้ ทั้งๆที่อาจจะมีศักยภาพอยู่

ฉะนั้น เราควรพูดกับตัวเองในลักษณะ ที่จะเป็นทางสร้างสรรค์ดีกว่า อย่างน้อยก็มีความหวังกำลังใจที่จะพัฒนาปรับแก้ เพื่อที่จะมีชีวิตอยู่หรือดำเนินชีวิตได้อย่างปกติสุข

(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 135 มีนาคม 2555 โดย กองบรรณาธิการ)


กำลังโหลดความคิดเห็น