xs
xsm
sm
md
lg

รอบรู้โรคภัย : ปวดเส้นประสาทใบหน้า โรคที่นำมาซึ่งความทุกข์ทรมาน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


โรคปวดเส้นประสาทใบหน้า เป็นโรคที่พบได้บ่อยโรคหนึ่ง ส่วนใหญ่มักจะพบในช่วงวัยผู้ใหญ่ถึงวัยสูงอายุ ผู้ป่วยจะมีอาการปวดที่ใบหน้าด้านใดด้านหนึ่ง รวมทั้งอาจจะปวดในบริเวณกระพุ้งแก้ม เหงือก และฟันได้อย่างรุนแรง อาการปวดจะเกิดขึ้นมาเองโดยฉับพลัน ผู้ป่วยจะมีความรู้สึกปวดเหมือนโดนเข็มแทง เหมือนไฟช็อต หรืออาจปวดแบบแสบร้อนที่บริเวณใบหน้ารวมทั้งเหงือก

บางรายอาจมีอาการปวดเหมือนกับปวดฟัน ทำให้เข้าใจผิดว่าเป็นโรคฟันผุและได้รับการถอนฟันออกโดยไม่จำเป็น

อาการปวดมักจะเกิดรุนแรงเป็นพักๆ ในช่วงเวลาสั้นๆ ไม่กี่นาที แต่สามารถเกิดขึ้นได้ซ้ำๆถี่ๆ ตลอดวัน และนำมาซึ่งความทุกข์ทรมานเป็นอย่างมาก ผู้ป่วยบางรายอาจมีตำแหน่งบนใบหน้า ที่เมื่อไปกระตุ้นสัมผัสถูก จะทำให้มีอาการปวด เกิดขึ้นมา ผู้ป่วยเหล่านี้อาจจะมีพฤติกรรมหลีกเลี่ยงการกระตุ้นตำแหน่งดังกล่าว เช่น ไม่ล้าง หน้าแปรงฟัน ไม่โกนหนวด หรือหลีกเลี่ยงการพูดคุย เป็นต้น

• สาเหตุ

โรคปวดเส้นประสาทใบ หน้าเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ แต่ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นจากที่มีเส้นเลือดสมองไปกดทับเส้นประสาทคู่ที่ห้า ซึ่งทำหน้าที่รับความรู้สึกจากบริเวณใบหน้า และช่องปากจึงทำให้มีอาการปวดเกิดขึ้นที่บริเวณดังกล่าว

ส่วนสาเหตุอื่นๆ จะพบได้ไม่บ่อยนัก เช่น มีเนื้องอกสมอง ปลอกประสาทเสื่อม (multiple sclerosis) หรือเป็นผลแทรกซ้อนจากติดไวรัสโรคงูสวัดที่บริเวณใบหน้า เป็นต้น

• การรักษาโดยยา

ในช่วงระยะแรกอาการปวดมักจะรักษาได้ผลดีมากโดยการกินยา แพทย์มักจะให้ยาแก้อาการปวดเส้นประสาท เช่น Tegretal, Trileptal, Dilantin, Neurontin หรือ Baclofen ยาดังกล่าวเพียงแต่ช่วยไม่ให้มีอาการปวด แต่ไม่ได้รักษาสาเหตุของโรคหรือทำให้หายขาดจากโรค

ดังนั้น เมื่อเลิกกินยาอาการปวดจะกลับมาเป็นซ้ำอีก หรือมีผู้ป่วยจำนวนหนึ่งเมื่อกินยาไประยะหนึ่งมักจะไม่ได้ผลดีเหมือนในช่วงแรกและจำเป็นต้องเปลี่ยนไปใช้วิธีรักษาโดยวิธีอื่น

• การรักษาโดยการ
ทำลายเส้นประสาท


เมื่อรักษาด้วยยาไม่ได้ผลอีกต่อไปการรักษาโดยการทำลายเส้นประสาทคู่ที่ห้า (บางส่วน) เป็นทางเลือกทางหนึ่งในการควบคุมอาการปวด ซึ่งในประเทศไทย มีวิธีการที่ใช้กันมากอยู่สองวิธีคือ

1. การทำลายเส้นประสาทโดยความร้อน (Percutaneous radiofrequency rhizotomy)

2. การทำลายเส้นประสาทโดยรังสี (Radiosurgery)


นอกเหนือจากสองวิธีดังกล่าวแล้ว ยังมีวิธีอื่นๆ ในการทำลายเส้นประสาทคู่ที่ห้า เช่น การใช้บอลลูนกดทำลายเส้นประสาท หรือการฉีดสารกรีเซอรอลทำลายปลอกประสาท เป็นต้น

การรักษาโดยการทำลายเส้นประสาทไม่ว่าจะโดยวิธีใดก็ตาม จะมีข้อดีและข้อเสียคล้ายๆ กันคือ เป็นวิธีที่ไม่ต้องได้รับการดมยาสลบหรือผ่าตัด ไม่มีบาดแผล ไม่จำเป็นต้องพักฟื้นในโรงพยาบาล มีความเสี่ยงต่ำ สามารถทำได้ในผู้ที่สุขภาพไม่แข็งแรง เช่น มีอายุมากหรือมีโรคประจำตัว รวมทั้งเป็นวิธีการรักษาที่มีประสิทธิภาพสูง ผู้ป่วยส่วนใหญ่หายทุกข์ทรมานจากอาการปวด

แต่เนื่องจากบางส่วนของเส้นประสาทคู่ที่ห้าถูกทำลายจากการรักษา ดังนั้น จะมีผลข้างเคียงคือ จะมีอาการชาที่ใบหน้าเหมือนได้รับการฉีดยาชา และอาจจะเป็นปัญหาชวนรำคาญได้อย่างมากในผู้ป่วยบางราย

• การรักษา
โดยการผ่าตัด


เนื่องจากโรคปวดเส้นประสาทใบหน้า ส่วนใหญ่เกิดขึ้นจากการที่มีเส้นเลือดสมองไปกดเบียดเส้นประสาทจึงมีการรักษาโดยการผ่าตัดสมองเข้าไปโยก เปลี่ยนตำแหน่งของเส้นเลือด

การรักษาโดยวิธีนี้เป็นการแก้ไขที่สาเหตุโดยตรง ดังนั้น จึงมีอัตราการหายขาดจากโรคสูง อีกทั้งผู้ป่วยจะไม่มีปัญหาเรื่องใบหน้าชาภายหลังการรักษาเนื่องจากไม่มีการทำลายใดๆ ต่อเส้นประสาท

ด้วยความก้าวหน้าของเทคนิคประสาทจุลศัลยกรรมในปัจจุบัน ถึงแม้ ว่าจะเป็นการรักษาที่ต้องทำการผ่าตัดสมอง แต่ก็จัดว่ามีความเสี่ยงต่ำมาก โดยทั่วไปผู้ป่วยพักฟื้นอยู่ในโรงพยาบาลเพียงไม่กี่วันเท่านั้น

• 10 เคล็ดลับ
ขยับหน้า ชะลอแก่


การขยับส่วนต่างๆ บนใบหน้านั้น สามารถช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยได้ โดยใช้ 10 เคล็ดลับง่ายๆต่อไปนี้
1. เลิกหรือยกหน้าผากขึ้น ค้างไว้สักครู่แล้วแล้ว แล้วลดลงตามเดิม
2. ขมวดคิ้ว แน่นพอประมาณ
3. หลับตาให้แน่น ทำพร้อมกันทั้งสองข้าง
4. ลืมตาเบิกกว้าง ทำพร้อมกันทั้งสองข้าง
5. ย่นจมูก ค้างไว้สักครู่
6. ฉีกยิ้ม ราวกับมีความสุขแบบสุดๆ
7. ยิงฟัน หรือแยกเขี้ยว ให้เห็นฟันหน้าทุกซี่อย่างชัดเจน
8. อ้าปากให้กว้าง เท่าที่ทำได้
9. ห่อปาก ให้เล็กแคบมากที่สุด แล้วผ่อนคลาย
10. บิดปากพร้อมกับจมูก ไปด้านซ้ายและขวา สลับกัน

(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 134 กุมภาพันธ์ 2555 โดย อ.ดร.นพ.ศรัณย์ นันทอารี ภาควิชาศัลยศาสตร์ คณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล)






กำลังโหลดความคิดเห็น