• วิธีคิดแบบตรรกะกับชีวิต
ปุจฉา : กราบนมัสการหลวงปู่ ที่เคารพ
กระผมมีความทุกข์ใจเป็นอย่างมากเกี่ยวกับการคิดนึกของตนเอง รู้สึกว่าติดคิดนึกฟุ้งซ่านมากและสับสน ทั้งสงสัยในเรื่องการคิดแบบโยนิโสมนสิการ เป็นอย่างมาก เดิมทีกระผมพยายามฝึกตนให้เป็นคนรู้จักคิด เรียนมาทางวิทยาศาสตร์ และใช้การคิดตรรกะก็ประสบผลสำเร็จในทางการเรียน จึงชื่นชมและหลงใหลในการคิดตรรกะแบบวิทยาศาสตร์ว่าเป็นระบบการคิดที่ดี แก้ปัญหาได้ทุกปัญหาและน่าจะนำมาใช้ศึกษาธรรมะ และแก้ปัญหาชีวิตด้วยตนเองได้
แต่กลับพบปัญหาและความล้มเหลวในการงานและชีวิตมากขึ้นทุกทีๆ (เป็นคนเชื่อมั่นในตนเอง ชอบคิดแก้ปัญหาด้วยตนเอง) ยิ่งเจอปัญหาไม่ว่าทางโลกหรือทางธรรม ก็ยิ่งคิดหาทางสู้กับมัน แต่กลับยิ่งเครียดและต้องพ่ายแพ้ต่อปัญหาในที่สุด สูญเสียทั้งแรงกายแรงใจที่ทุ่มเทเป็นที่สุด แต่กลับรู้สึกไม่ได้ผลดังที่ทุ่มเท หรือพยายามสร้างเหตุปัจจัยให้กับปัญหานั้นเลย
ทุกวันนี้ กระผมรู้สึกท้อใจ และสับสนเป็นอย่างมาก ว่าคนเราควรใช้ความคิดหรือไม่ ในเมื่อการเข้าถึงธรรมะในระดับต่างๆ ก็ต้องอาศัยการคิด มิใช่หรือครับ หรือว่าผมคิดไม่เป็น แล้วจะฝึกฝนตนให้คิดใหม่ได้ถูกวิธีตามหลักธรรมได้อย่างไร และหากคิดผิดวิธีมานานนับ 20 ปี หลงยึดมั่น เชื่อมั่นในการคิดของตนเองแบบนี้ จะพอมีทางแก้ไขเฉพาะหน้าได้อย่างไร
วิสัชนา : ระบบคิดแบบตรรกวิทยาเป็นระบบคิดตั้งคำถาม และค้นหาคำตอบ ซึ่งทั้งคำถามและคำตอบก็มีผู้สร้างขึ้นเป็นแนวทางปรากฏมีอยู่แล้ว แต่ชีวิตไม่ใช่เป็นสิ่งที่ใครจะคิดคาดเดาได้เสมอไป โดยเฉพาะส่วนที่ข้องเกี่ยวกับอารมณ์ จิตใจ มันอยู่เหนือ ความคิดแบบตรรกวิทยาเสมอ ซึ่งก็มักจะมีผู้ผิดหวัง ท้อแท้ ว้าเหว่ เมื่อเอาอารมณ์ จิต ชีวิต เข้ามาสู่กระบวนการความคิดของคณิตตรรกวิทยา
คุณมิใช่คนเดียวหรอกที่เป็นปัญหา ยังมีผู้คนที่อวดอ้างถึงความฉลาดของตนเองอีกมาก แต่ไม่สามารถพึ่งพาความฉลาดของตนเองได้ เมื่อตนเครียด นอนไม่หลับ กังวล ว้าวุ่น กลัดกลุ้ม และทุกข์ทรมานในอารมณ์จิตวิญญาณ
คุณต้องยอมรับความจริงเสียทีว่า ชีวิตไม่ใช่สูตรที่ใช้ท่องจำและคาดเดา ชีวิตมันคือเรื่องราว ที่เราต้องทำความเข้าใจ และศึกษาลงไม้ลงมือกระทำ
ฉันอยากจะบอกคุณว่า ลองแกล้งเป็นคนไร้เดียงสาต่อชีวิตและอารมณ์ของคุณเสียบ้าง แล้วค่อยๆ เริ่มต้นการเรียนรู้จากเรื่องเล็กๆน้อยๆ อย่างนุ่มนวลพิถีพิถัน ระมัดระวัง แล้วจึงขยายการเรียนรู้ รับรู้ ไปสู่เรื่องใหญ่ๆ อย่างเต็มพร้อมที่จะเผชิญความเปลี่ยนแปลง ไม่แน่นอน
คราใดที่ความเปลี่ยนแปลงปรากฏขึ้น คุณต้องพยายามรักษาสมดุลของอารมณ์ และชีวิตคุณ อย่าให้กระเพื่อมตามการเปลี่ยนแปลงนั้นๆ
และถ้าการเปลี่ยนแปลงนั้นๆ มันมิได้เกี่ยวข้องกับคุณหรือคนรอบข้างของคุณ คุณยิ่งต้องจำเป็นที่จะต้องใส่ใจต่อมัน เหมือนดังมันกำลังเกิดแก่คุณ ที่ต้องทำเช่นนี้ก็เพื่อเพิ่มพูนความกล้าแข็งให้แก่สมดุลของชีวิตคุณ อีกทั้งยังเพิ่มพูนประสบการณ์ในการรับรู้ให้คุณได้เปิดกว้าง สัมผัสต่อความจริงแท้ของชีวิตคุณได้มากขึ้น
ในที่สุดคุณจะทราบด้วยตัวคุณเองว่า ชีวิตไม่ใช่สูตรที่ใช้คิดและคาดเดา เมื่อคุณเข้าใจชีวิตได้มากขึ้น ก็ถือว่าคุณเข้าใจหลักธรรมชาติได้เท่านั้น
สิ่งที่คุณเป็นอยู่มิใช่ความผิดพลาดของคุณหรอก ถ้าจะผิดมันก็คงจะผิดตรงที่สิ่งที่คุณเรียนรู้มา มันไกลห่างจากชีวิตคุณมากไป คุณเลยมิเข้าใจว่า อะไรคือองค์ประกอบของชีวิตที่แท้จริง
• สาเหตุตายแล้วเกิด
ปุจฉา : ศิษย์ที่โง่ขอกราบรบกวนหลวงปู่ช่วยให้ความกระจ่างกับลูกด้วยเถิดครับว่า
1. การที่คนที่ตายแล้วไม่ไปผุดไปเกิด เกิดจากสาเหตุใดบ้างครับ
2. ชีวิตระหว่างภพ มนุษย์ทุกคนต้องมีการทบทวนบทเรียนชีวิตว่าได้กระทำสิ่งดีเลวใดบ้างในภพ ชาตินั้นๆ ใช่หรือไม่ครับ แล้วทำไมมนุษย์จึงไม่สามารถจดจำภพภูมิที่แล้วได้ครับ
วิสัชนา : 1. คนตายแล้วต้องเกิด ส่วนจะเกิดเป็นอะไรนั้นขึ้นอยู่กับผลกรรมที่ตนทำเอาไว้ ว่าจะส่งให้ไปเกิดเป็นอะไร ถ้าทำดีไปสู่สุคติ คือ มนุษย์ เทวดา พรหม ถ้าทำไม่ดี ก็ไปเกิดในทุคติ (สถานที่ไปเกิดอันชั่ว) ได้แก่ สัตว์เดรัจฉาน เปรต อสุรกาย สัตว์นรก ไม่มีคำว่าไม่เกิด ที่เขาชอบพูดว่าไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด เขาหมายถึงไม่ได้เกิดในสุคติ ต่างหาก
2. ไม่เสมอไปที่มนุษย์จะมีสติปัญญา พอที่จะทบทวนพฤติกรรมของตนที่ทำลงไป ถ้ามนุษย์ตอนนั้น เมา ประมาท ขาดสติ คงไม่มีสิทธิ์ที่จะทบทวนอะไร เหตุที่มนุษย์ไม่สามารถจดจำอดีตชาติของตนได้ เพราะไม่ได้เจริญสติให้สมบูรณ์
• นำพ่อแม่ปฏิบัติธรรม
ปุจฉา : กราบนมัสการ
ลูกกราบเมตตาหลวงปู่ ขอกุศโลบาย ที่จะนำให้บุพการี คุณพ่อ คุณแม่ปฏิบัติธรรมด้วยเจ้าค่ะ
วิสัชนา : คงต้องเริ่มต้นจากตัวคุณต้องชอบที่จะปฏิบัติเข้าวัดฟังธรรม ใส่บาตร ทำบุญ เมื่อมีเวลาว่างๆ ก็ชวนคุณพ่อคุณแม่คุณไปด้วย ทำเช่นนี้บ่อยๆ ก็น่าจะพอได้นะคุณ
(จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 130 กันยายน 2554 โดย หลวงปู่พุทธะอิสระ วัดอ้อน้อย จ.นครปฐม)
ปุจฉา : กราบนมัสการหลวงปู่ ที่เคารพ
กระผมมีความทุกข์ใจเป็นอย่างมากเกี่ยวกับการคิดนึกของตนเอง รู้สึกว่าติดคิดนึกฟุ้งซ่านมากและสับสน ทั้งสงสัยในเรื่องการคิดแบบโยนิโสมนสิการ เป็นอย่างมาก เดิมทีกระผมพยายามฝึกตนให้เป็นคนรู้จักคิด เรียนมาทางวิทยาศาสตร์ และใช้การคิดตรรกะก็ประสบผลสำเร็จในทางการเรียน จึงชื่นชมและหลงใหลในการคิดตรรกะแบบวิทยาศาสตร์ว่าเป็นระบบการคิดที่ดี แก้ปัญหาได้ทุกปัญหาและน่าจะนำมาใช้ศึกษาธรรมะ และแก้ปัญหาชีวิตด้วยตนเองได้
แต่กลับพบปัญหาและความล้มเหลวในการงานและชีวิตมากขึ้นทุกทีๆ (เป็นคนเชื่อมั่นในตนเอง ชอบคิดแก้ปัญหาด้วยตนเอง) ยิ่งเจอปัญหาไม่ว่าทางโลกหรือทางธรรม ก็ยิ่งคิดหาทางสู้กับมัน แต่กลับยิ่งเครียดและต้องพ่ายแพ้ต่อปัญหาในที่สุด สูญเสียทั้งแรงกายแรงใจที่ทุ่มเทเป็นที่สุด แต่กลับรู้สึกไม่ได้ผลดังที่ทุ่มเท หรือพยายามสร้างเหตุปัจจัยให้กับปัญหานั้นเลย
ทุกวันนี้ กระผมรู้สึกท้อใจ และสับสนเป็นอย่างมาก ว่าคนเราควรใช้ความคิดหรือไม่ ในเมื่อการเข้าถึงธรรมะในระดับต่างๆ ก็ต้องอาศัยการคิด มิใช่หรือครับ หรือว่าผมคิดไม่เป็น แล้วจะฝึกฝนตนให้คิดใหม่ได้ถูกวิธีตามหลักธรรมได้อย่างไร และหากคิดผิดวิธีมานานนับ 20 ปี หลงยึดมั่น เชื่อมั่นในการคิดของตนเองแบบนี้ จะพอมีทางแก้ไขเฉพาะหน้าได้อย่างไร
วิสัชนา : ระบบคิดแบบตรรกวิทยาเป็นระบบคิดตั้งคำถาม และค้นหาคำตอบ ซึ่งทั้งคำถามและคำตอบก็มีผู้สร้างขึ้นเป็นแนวทางปรากฏมีอยู่แล้ว แต่ชีวิตไม่ใช่เป็นสิ่งที่ใครจะคิดคาดเดาได้เสมอไป โดยเฉพาะส่วนที่ข้องเกี่ยวกับอารมณ์ จิตใจ มันอยู่เหนือ ความคิดแบบตรรกวิทยาเสมอ ซึ่งก็มักจะมีผู้ผิดหวัง ท้อแท้ ว้าเหว่ เมื่อเอาอารมณ์ จิต ชีวิต เข้ามาสู่กระบวนการความคิดของคณิตตรรกวิทยา
คุณมิใช่คนเดียวหรอกที่เป็นปัญหา ยังมีผู้คนที่อวดอ้างถึงความฉลาดของตนเองอีกมาก แต่ไม่สามารถพึ่งพาความฉลาดของตนเองได้ เมื่อตนเครียด นอนไม่หลับ กังวล ว้าวุ่น กลัดกลุ้ม และทุกข์ทรมานในอารมณ์จิตวิญญาณ
คุณต้องยอมรับความจริงเสียทีว่า ชีวิตไม่ใช่สูตรที่ใช้ท่องจำและคาดเดา ชีวิตมันคือเรื่องราว ที่เราต้องทำความเข้าใจ และศึกษาลงไม้ลงมือกระทำ
ฉันอยากจะบอกคุณว่า ลองแกล้งเป็นคนไร้เดียงสาต่อชีวิตและอารมณ์ของคุณเสียบ้าง แล้วค่อยๆ เริ่มต้นการเรียนรู้จากเรื่องเล็กๆน้อยๆ อย่างนุ่มนวลพิถีพิถัน ระมัดระวัง แล้วจึงขยายการเรียนรู้ รับรู้ ไปสู่เรื่องใหญ่ๆ อย่างเต็มพร้อมที่จะเผชิญความเปลี่ยนแปลง ไม่แน่นอน
คราใดที่ความเปลี่ยนแปลงปรากฏขึ้น คุณต้องพยายามรักษาสมดุลของอารมณ์ และชีวิตคุณ อย่าให้กระเพื่อมตามการเปลี่ยนแปลงนั้นๆ
และถ้าการเปลี่ยนแปลงนั้นๆ มันมิได้เกี่ยวข้องกับคุณหรือคนรอบข้างของคุณ คุณยิ่งต้องจำเป็นที่จะต้องใส่ใจต่อมัน เหมือนดังมันกำลังเกิดแก่คุณ ที่ต้องทำเช่นนี้ก็เพื่อเพิ่มพูนความกล้าแข็งให้แก่สมดุลของชีวิตคุณ อีกทั้งยังเพิ่มพูนประสบการณ์ในการรับรู้ให้คุณได้เปิดกว้าง สัมผัสต่อความจริงแท้ของชีวิตคุณได้มากขึ้น
ในที่สุดคุณจะทราบด้วยตัวคุณเองว่า ชีวิตไม่ใช่สูตรที่ใช้คิดและคาดเดา เมื่อคุณเข้าใจชีวิตได้มากขึ้น ก็ถือว่าคุณเข้าใจหลักธรรมชาติได้เท่านั้น
สิ่งที่คุณเป็นอยู่มิใช่ความผิดพลาดของคุณหรอก ถ้าจะผิดมันก็คงจะผิดตรงที่สิ่งที่คุณเรียนรู้มา มันไกลห่างจากชีวิตคุณมากไป คุณเลยมิเข้าใจว่า อะไรคือองค์ประกอบของชีวิตที่แท้จริง
• สาเหตุตายแล้วเกิด
ปุจฉา : ศิษย์ที่โง่ขอกราบรบกวนหลวงปู่ช่วยให้ความกระจ่างกับลูกด้วยเถิดครับว่า
1. การที่คนที่ตายแล้วไม่ไปผุดไปเกิด เกิดจากสาเหตุใดบ้างครับ
2. ชีวิตระหว่างภพ มนุษย์ทุกคนต้องมีการทบทวนบทเรียนชีวิตว่าได้กระทำสิ่งดีเลวใดบ้างในภพ ชาตินั้นๆ ใช่หรือไม่ครับ แล้วทำไมมนุษย์จึงไม่สามารถจดจำภพภูมิที่แล้วได้ครับ
วิสัชนา : 1. คนตายแล้วต้องเกิด ส่วนจะเกิดเป็นอะไรนั้นขึ้นอยู่กับผลกรรมที่ตนทำเอาไว้ ว่าจะส่งให้ไปเกิดเป็นอะไร ถ้าทำดีไปสู่สุคติ คือ มนุษย์ เทวดา พรหม ถ้าทำไม่ดี ก็ไปเกิดในทุคติ (สถานที่ไปเกิดอันชั่ว) ได้แก่ สัตว์เดรัจฉาน เปรต อสุรกาย สัตว์นรก ไม่มีคำว่าไม่เกิด ที่เขาชอบพูดว่าไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด เขาหมายถึงไม่ได้เกิดในสุคติ ต่างหาก
2. ไม่เสมอไปที่มนุษย์จะมีสติปัญญา พอที่จะทบทวนพฤติกรรมของตนที่ทำลงไป ถ้ามนุษย์ตอนนั้น เมา ประมาท ขาดสติ คงไม่มีสิทธิ์ที่จะทบทวนอะไร เหตุที่มนุษย์ไม่สามารถจดจำอดีตชาติของตนได้ เพราะไม่ได้เจริญสติให้สมบูรณ์
• นำพ่อแม่ปฏิบัติธรรม
ปุจฉา : กราบนมัสการ
ลูกกราบเมตตาหลวงปู่ ขอกุศโลบาย ที่จะนำให้บุพการี คุณพ่อ คุณแม่ปฏิบัติธรรมด้วยเจ้าค่ะ
วิสัชนา : คงต้องเริ่มต้นจากตัวคุณต้องชอบที่จะปฏิบัติเข้าวัดฟังธรรม ใส่บาตร ทำบุญ เมื่อมีเวลาว่างๆ ก็ชวนคุณพ่อคุณแม่คุณไปด้วย ทำเช่นนี้บ่อยๆ ก็น่าจะพอได้นะคุณ
(จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 130 กันยายน 2554 โดย หลวงปู่พุทธะอิสระ วัดอ้อน้อย จ.นครปฐม)