xs
xsm
sm
md
lg

ปุจฉา - วิสัชนา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ขออุบายการดำรงสติ

ปุจฉา : หลวงปู่ครับ ทำไมบางครั้งจึงขาดสติครับ ทั้งที่พยายามแล้ว และจะมีอุบายอย่างไรในการดำรงสติอยู่ทุกขณะ ทุกอิริยาบถ และทุกการกระทำ พูด คิด อ่าน เขียน

วิสัชนา : สิ่งที่คุณพูดว่า ทำไมบางครั้งจึงขาดสติ ซึ่งที่จริงแล้ว นี่แหละคือการทำงานของสติ เพราะถ้าคุณไม่มีสติ คุณก็จักไม่รู้เลยว่า คุณกำลังขาดอะไร

เพราะถ้าจะถามฉันว่า การทำให้สติดำรงอยู่ตลอดเวลาทำอย่างไร เรื่องมันง่าย เพียงแค่คุณให้โอกาสสติที่มีอยู่แสดงตัวออกมาอย่างเต็มที่ โดยที่พยายามขจัด ขัด แกะ แคะ งัด เครื่องปรุงทั้งหลายที่ปรากฏอยู่แก่จิตทุกดวง โดยมิให้มันแสดงอำนาจครอบงำจิตนี้ ด้วยการเฝ้าสังเกตสิ่งที่ปรากฏขึ้นแก่จิตด้วยความจดจ่อ จับจ้อง จริงจัง ตั้งใจ อย่างรู้เนื้อรู้ตัว เหมือนดังบทโศลกที่ฉันเขียนขึ้นว่า

“ลูกรัก...ขอเพียงเจ้ารู้จักแยกแยะ มิตรและศัตรูในตัวเจ้าให้ได้ พ่อว่า..เจ้าคือพระพุทธะองค์หนึ่ง สาธุ สาธุ”


ใครได้อานิสงส์มากกว่า

ปุจฉา : คนที่ออกบวชเป็นภิกษุ ประมาณ 15 วัน และปฏิบัติถูกต้องตามพระวินัยอย่างเคร่งครัด แล้วสึกจากการเป็นนักบวช กับฆารวาสที่ไม่ได้บวช แต่ปฏิบัติดีเสมอต้นเสมอปลาย ปฏิบัติธรรมตามสายกลางอยู่เป็นนิจ เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว อยากทราบว่า อย่างไหนมีบุญหรืออานิสงส์มากกว่า

วิสัชนา : ขึ้นอยู่กับว่าผู้บวชกับผู้ปฏิบัติ ได้อะไร ถ้า 15 วันเขาได้ความฉลาด สะอาด สว่าง สงบ เขาก็ย่อมได้อานิสงส์มากกว่าคนที่ไม่ได้บวช เหตุผลก็เพราะการบวช นอกจากการได้ความฉลาด สะอาด สว่าง สงบ จริงๆตามที่เขาทำได้แล้ว เขายังได้การสร้างบารมีธรรม ก็คือเนกขัมบารมีด้วยการถือบวช ถือว่าเป็นการสร้างบารมีธรรมชั้นสูง เรียกว่าเป็นเนกขัมปฏิบัติ

ส่วนฆารวาสที่ไม่ได้ออกบวช แต่ก็สามารถบวชใจได้ บวชใจที่จะอด ลด ละ เลิก จากกามคุณ และกามกิเลสทั้งปวงได้ ก็ถือว่าเป็นผู้ปฏิบัติเนกขัมเหมือนกัน แต่เป็นการปฏิบัติเนกขัมทางจิตวิญญาณทางใจ ซึ่งทางกายก็อาจจะล่วงเกินก้าวก่ายละเมิดต่อศีลทางกายก็ได้ แต่ถ้าสำรวมระวังทั้งทางกาย ใจ นั่นย่อมแน่นอนว่า มันสามารถทำให้ผู้ปฏิบัตินั้นยังให้เกิดความฉลาด สะอาด สว่าง สงบ ก็มีอานิสงส์เหมือนกัน

เพราะฉะนั้นทั้งสองฝ่าย ถ้าทำแล้วมีผลเกิดเป็นประโยชน์ทั้งตนและคนอื่น มีอานิสงส์เหมือนๆกัน ต่างกันตรงสภาวะที่เป็นอยู่ แต่ถ้าเผอิญบวชแล้ว ไม่ได้ทำอะไรเลย เช้าเอน เพลนอน บ่ายพักผ่อน กลางคืนจำวัด ดึกดูโทรทัศน์ อย่างนี้ละก็ คงไม่ได้ปัญญาบารมีอะไร อย่างดีก็ได้แค่การบวชเฉยๆ เรียกว่าบวชแล้วอาจจะซื้อนรกด้วยซ้ำไป

สำหรับคนไม่ได้บวช คิดว่าตนเองบุญน้อย ก็ขวนขวายทำแต่เรื่องดีๆ พยายามทำดี พูดดี คิดดี แล้วแบ่งดีให้แก่คนอื่น ก็อาจจะมีบุญมากกว่าคนที่ได้บวชด้วยซ้ำ

อย่ามามัวชั่งกันอยู่เลยว่า คนบวชได้บุญมาก คนไม่บวชได้บุญน้อย เอาเป็นว่า ขณะนี้คุณกำลังทำอะไรอยู่ แล้วคุณได้อะไรจากการกระทำนั้นมากน้อยแค่ไหน อย่างไร ใครสามารถพึ่งพาอาศัยสิ่งที่คุณทำนั้นได้บ้างหรือไม่ แล้วชีวิตคุณมีอะไรเป็นสาระสูงสุด ที่สำคัญคุณต้องรีบทำซะ อย่ามัวมาใส่ใจว่าใครได้บวชหรือยังไม่ได้บวช แล้วจะได้อานิสงส์หรือไม่ได้อานิสงส์


ปฏิบัติธรรมต้องแต่งชุดขาวมั้ย

ปุจฉา : การไหว้พระสวดมนต์ จำเป็นต้องแต่งชุดขาว หรือจุดธูปเทียนก่อนหรือไม่ มันจะไม่เป็นการติดยึดเกินไปหรือสำหรับผู้ที่ไม่พร้อม สมมติว่าคนจนที่ต้องการปฏิบัติ เขาไม่มีชุดขาว ไม่มีธูปเทียน ดอกไม้ แต่เขาตั้งใจปฏิบัติด้วยใจอย่างเต็มที่เต็มกำลัง

วิสัชนา : การปฏิบัติธรรมจำเป็นจะต้องเริ่มต้นแต่งชุดขาว แล้วไหว้พระ สวดมนต์ รักษาศีล หรือเปล่านั้น ไม่จำเป็นเสมอไปหรอก ขึ้นอยู่กับว่าคุณเหมาะใจ แล้วถูกสภาพสภาวะในใจแค่ไหน อย่างไร

บางครั้งเราอาจจะไม่มีเสื้อผ้าใส่สักตัวหนึ่ง แต่ถ้าจิตสงบก็เป็นการปฏิบัติธรรมแล้วเหมือนกัน เพราะฉะนั้นเรื่องบางรื่อง บางครั้งพิธีการก็เป็นเรื่องรกมากไปสำหรับคนที่ไม่ต้องการเหมือนกัน
แต่เรื่องบางอย่าง พิธีกรรม พิธีการ ก็มีความจำเป็นสำหรับการที่จักทำให้เราเข้าถึงขบวนการนั้นๆเหมือนกัน

เอาเป็นว่าคุณทำอะไรแล้วสบายใจ ทำแล้วไม่เดือดร้อนใคร ทำแล้วจิตใจผ่อนคลาย ไร้กังวล ปลอดโปร่ง โล่ง เบา สบาย แล้วก็ฉลาดขึ้น สะอาดขึ้น สงบขึ้น จงทำเถิด แล้วก็อย่าไปเฝ้ามองเฝ้าตำหนิติติงคนอื่นที่เขาทำไม่เหมือนคุณ เพราะแต่ละคน ชอบไม่เหมือนกัน

อย่าไปเฝ้าดูความผิดของใคร ต้องค้นหาความผิดของตน แล้วก็ทำลายผิดของตนให้มากๆก็แล้วกัน


(จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 129 สิงหาคม 2554 โดย หลวงปู่พุทธะอิสระ วัดอ้อน้อย จ.นครปฐม)
กำลังโหลดความคิดเห็น