ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีสระน้ำแห่งหนึ่ง เป็นที่อาศัยของพวกเต่า ปู ปลานานาชนิด รวมทั้งหงส์ด้วย เต่าตัวหนึ่งซึ่งอาศัยในสระนั้นเป็นเพื่อนรักกันกับลูกหงส์สองตัว พวกมันจะออกชวนกันว่ายน้ำหากินอย่างเบิกบาน
ต่อมาเกิดภาวะแห้งแล้ง ฝนไม่ตก น้ำในสระจึงค่อยๆลดน้อยลง ทำให้สัตว์ทุกตัวหากินกันอย่างลำบาก วันหนึ่งลูกหงส์ทั้งสองจึงพูดกับเต่าว่า
“นี่แน่ะ..เต่าเพื่อนรัก น้ำในสระนี้เหลือน้อยเต็มทีแล้ว พวกเราจะอยู่กันลำบาก”
เต่าพยักหน้าพร้อมกับเอ่ยว่า “ฉันก็คิดอยู่เหมือนกัน แต่ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี”
ลูกหงส์ตัวหนึ่งจึงบอกว่า “ฉันได้ไปสำรวจที่อื่นมาแล้ว มีสถานที่อยู่แห่งหนึ่งตรงเขาลูกโน้น ร่มรื่นมาก มีสระน้ำใหญ่ และมีอาหารอุดมสมบูรณ์ พวกเราน่าจะอยู่กันได้อย่างสบาย”
“ไปอยู่กับพวกเรานะเพื่อนรัก” ลูกหงส์อีกตัวหนึ่งชักชวน
เต่านิ่งไปสักครู่จึงพูดขึ้นว่า “ฟังที่พวกท่านเล่ามาแล้ว ฉันก็อยากไปเหมือนกัน แต่จะไปได้อย่างไรเล่า เพราะฉันไม่มีปีกเหมือนพวกท่าน ถ้าฉันมัวแต่คลานต้วมเตี้ยมไปอย่างนี้ คงอีกนานกว่าจะถึงสระน้ำใหญ่ ฉันคงจะตายกลางทางพอดี”
“ไปได้ซิ พวกเราจะพาท่านไปเอง” ลูกหงส์ทั้งสองพูดขึ้นพร้อมกัน
ลูกหงส์ตัวหนึ่งจึงบอกเต่าว่า “แต่ท่านต้องสัญญากับพวกเราก่อนนะ”
“สัญญาอะไรล่ะ บอกฉันมาเถอะ ฉันยินดีทำตามสัญญา”
“ท่านต้องรักษาปากไว้ให้ดี ห้ามพูดกับใครเด็ดขาดในระหว่างที่พวกเราพาท่านไป” ลูกหงส์บอก เพราะรู้นิสัยว่าเต่าเพื่อนรักมักชอบพูด
“ได้ซิ..ได้ซิ..” เต่ารีบรับคำ “พวกท่านรีบพาเราไปเถิด เราอยากเห็นสระน้ำใหญ่เร็วๆ”
เมื่อเต่าสัญญาแล้ว ลูกหงส์จึงนำไม้ท่อนหนึ่งมาให้เต่าคาบตรงกลาง ส่วนหงส์ทั้งสองก็คาบปลายไม้คนละข้าง แล้วก็ค่อยๆบินขึ้นไปในอากาศ
เมื่อผ่านหมู่บ้านแห่งหนึ่งพวกเด็กๆเห็นหงส์ช่วยกันคาบเต่าบินผ่านมา จึงร้องตะโกนด้วยความสนุกสนานว่า
“เฮ้..ดูซิเต่าบินได้ มาดูกันเร็วๆ เต่าบินได้ มีใครเคยเห็นมั้ย เต่าบินได้..”
เต่าได้ยินเสียงพวกเด็กร้องตะโกนเช่นนั้น ก็รู้สึกไม่พอใจ จึงคิดอยาก จะตะโกนว่าเด็ก แต่ก็นึกถึงสัญญาที่ให้ไว้กับหงส์ จึงได้สงบปาก
ขณะที่เด็กๆหลายคนในหมู่บ้านได้ออกมายืนดู และวิ่งตามพร้อมกับตะโกนว่า “นั่นไงเต่าบินได้..เต่าบินได้” แล้วก็หัวเราะกันอย่างสนุกสนาน
ลูกหงส์ได้ยินเช่นนั้นก็กลัวว่าเต่าจะตอบโต้ไป จึงพยายามรวบรวมกำลังทั้งหมดบินให้เร็วและสูงที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อให้พ้นจากที่นั้นไปไวๆ แต่เสียงเยาะเย้ยของเด็กๆทำให้เต่าโมโหจัดจนลืมสัญญา มันจึงอ้าปากเพื่อจะตะโกนตอบโต้พวกเด็กเหล่านั้น
แต่ทันทีที่มันอ้าปาก ร่างของมันก็ลอยละลิ่วตกลงมาบนพื้นดินอย่างแรง จนกระทั่งกระดองแตกออกเป็นสองเสี่ยง
ลูกหงส์ได้แต่มองตามร่างของเต่าเพื่อนรักด้วยความเสียใจ
.........
ธรรมดาคนปากกล้าพูดไม่รู้จบ ชอบเปล่งวาจาในเวลาไม่ควร ย่อมได้รับทุกข์ จากวาจาของตน ดังเช่นเต่าที่ฆ่าตนด้วยวาจาของตนนั่นเอง เพราะฉะนั้นจงกล่าววาจาที่เป็นประโยชน์ ประกอบด้วยกาลเทศะ ไม่พึงกล่าววาจาเกินกาลไม่รู้จักจบ เพราะเมื่อพูดเกินประมาณย่อมถึงความพินาศแน่นอน
(เค้าโครงจากนิทานชาดก)
(จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 129 สิงหาคม 2554 โดย ไม้หอม)
ต่อมาเกิดภาวะแห้งแล้ง ฝนไม่ตก น้ำในสระจึงค่อยๆลดน้อยลง ทำให้สัตว์ทุกตัวหากินกันอย่างลำบาก วันหนึ่งลูกหงส์ทั้งสองจึงพูดกับเต่าว่า
“นี่แน่ะ..เต่าเพื่อนรัก น้ำในสระนี้เหลือน้อยเต็มทีแล้ว พวกเราจะอยู่กันลำบาก”
เต่าพยักหน้าพร้อมกับเอ่ยว่า “ฉันก็คิดอยู่เหมือนกัน แต่ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี”
ลูกหงส์ตัวหนึ่งจึงบอกว่า “ฉันได้ไปสำรวจที่อื่นมาแล้ว มีสถานที่อยู่แห่งหนึ่งตรงเขาลูกโน้น ร่มรื่นมาก มีสระน้ำใหญ่ และมีอาหารอุดมสมบูรณ์ พวกเราน่าจะอยู่กันได้อย่างสบาย”
“ไปอยู่กับพวกเรานะเพื่อนรัก” ลูกหงส์อีกตัวหนึ่งชักชวน
เต่านิ่งไปสักครู่จึงพูดขึ้นว่า “ฟังที่พวกท่านเล่ามาแล้ว ฉันก็อยากไปเหมือนกัน แต่จะไปได้อย่างไรเล่า เพราะฉันไม่มีปีกเหมือนพวกท่าน ถ้าฉันมัวแต่คลานต้วมเตี้ยมไปอย่างนี้ คงอีกนานกว่าจะถึงสระน้ำใหญ่ ฉันคงจะตายกลางทางพอดี”
“ไปได้ซิ พวกเราจะพาท่านไปเอง” ลูกหงส์ทั้งสองพูดขึ้นพร้อมกัน
ลูกหงส์ตัวหนึ่งจึงบอกเต่าว่า “แต่ท่านต้องสัญญากับพวกเราก่อนนะ”
“สัญญาอะไรล่ะ บอกฉันมาเถอะ ฉันยินดีทำตามสัญญา”
“ท่านต้องรักษาปากไว้ให้ดี ห้ามพูดกับใครเด็ดขาดในระหว่างที่พวกเราพาท่านไป” ลูกหงส์บอก เพราะรู้นิสัยว่าเต่าเพื่อนรักมักชอบพูด
“ได้ซิ..ได้ซิ..” เต่ารีบรับคำ “พวกท่านรีบพาเราไปเถิด เราอยากเห็นสระน้ำใหญ่เร็วๆ”
เมื่อเต่าสัญญาแล้ว ลูกหงส์จึงนำไม้ท่อนหนึ่งมาให้เต่าคาบตรงกลาง ส่วนหงส์ทั้งสองก็คาบปลายไม้คนละข้าง แล้วก็ค่อยๆบินขึ้นไปในอากาศ
เมื่อผ่านหมู่บ้านแห่งหนึ่งพวกเด็กๆเห็นหงส์ช่วยกันคาบเต่าบินผ่านมา จึงร้องตะโกนด้วยความสนุกสนานว่า
“เฮ้..ดูซิเต่าบินได้ มาดูกันเร็วๆ เต่าบินได้ มีใครเคยเห็นมั้ย เต่าบินได้..”
เต่าได้ยินเสียงพวกเด็กร้องตะโกนเช่นนั้น ก็รู้สึกไม่พอใจ จึงคิดอยาก จะตะโกนว่าเด็ก แต่ก็นึกถึงสัญญาที่ให้ไว้กับหงส์ จึงได้สงบปาก
ขณะที่เด็กๆหลายคนในหมู่บ้านได้ออกมายืนดู และวิ่งตามพร้อมกับตะโกนว่า “นั่นไงเต่าบินได้..เต่าบินได้” แล้วก็หัวเราะกันอย่างสนุกสนาน
ลูกหงส์ได้ยินเช่นนั้นก็กลัวว่าเต่าจะตอบโต้ไป จึงพยายามรวบรวมกำลังทั้งหมดบินให้เร็วและสูงที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อให้พ้นจากที่นั้นไปไวๆ แต่เสียงเยาะเย้ยของเด็กๆทำให้เต่าโมโหจัดจนลืมสัญญา มันจึงอ้าปากเพื่อจะตะโกนตอบโต้พวกเด็กเหล่านั้น
แต่ทันทีที่มันอ้าปาก ร่างของมันก็ลอยละลิ่วตกลงมาบนพื้นดินอย่างแรง จนกระทั่งกระดองแตกออกเป็นสองเสี่ยง
ลูกหงส์ได้แต่มองตามร่างของเต่าเพื่อนรักด้วยความเสียใจ
.........
ธรรมดาคนปากกล้าพูดไม่รู้จบ ชอบเปล่งวาจาในเวลาไม่ควร ย่อมได้รับทุกข์ จากวาจาของตน ดังเช่นเต่าที่ฆ่าตนด้วยวาจาของตนนั่นเอง เพราะฉะนั้นจงกล่าววาจาที่เป็นประโยชน์ ประกอบด้วยกาลเทศะ ไม่พึงกล่าววาจาเกินกาลไม่รู้จักจบ เพราะเมื่อพูดเกินประมาณย่อมถึงความพินาศแน่นอน
(เค้าโครงจากนิทานชาดก)
(จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 129 สิงหาคม 2554 โดย ไม้หอม)