11 มีนาคม พ.ศ.2554 หลังเหตุแผ่นดินไหว 9 ริกเตอร์ ตามมาด้วยคลื่นยักษ์สึนามิ ที่ถาโถมเข้าสู่แผ่นดินทางชายฝั่งภาคตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่น จนทำให้บ้านเรือนพังพินาศย่อยยับ อีกทั้งมีผู้เสียชีวิตและสูญหายเป็นจำนวนหลายหมื่นคน ต่อด้วยการระเบิดของโรงไฟฟ้าฟ้านิวเคลียร์ถึง 4 แห่ง จนทำให้ต้องเร่งอพยพผู้คนเรือนแสนออกจากพื้นที่ เพราะเกรงกลัวว่าจะได้รับอันตรายจากการรั่วไหลของสารกัมมันตรังสี นับเป็นโศกนาฏกรรมครั้งร้ายแรงที่สุดในรอบ 140 ปี ของประเทศญี่ปุ่น และเป็นข่าวใหญ่ที่สร้างความสะเทือนใจ ให้กับผู้คนทั่วโลก
เพื่อเรียกขวัญกำลังใจของผู้คนให้กลับมาและเริ่มต้นตั้งสติในการดำเนินชีวิตกันให้มากขึ้น “ธรรมลีลา” จึงใช้เวลาสนทนาธรรมกับพระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก (พระชาวญี่ปุ่นซึ่งบวชมา 36 ปีแล้ว โดยมีหลวงพ่อชา สุภัทโท แห่งวัดหนองป่าพง เป็นพระอุปัชฌาย์) ปัจจุบันเป็นเจ้าอาวาสวัดสุนันทวนาราม จ.กาญจนบุรี (วัดสาขาที่ 117 ของ วัดหนองป่าพง จ.อุบลราชธานี) ผู้มีถิ่นกำเนิด ณ จังหวัดอิวาเตะ เกาะฮอนชู ประเทศญี่ปุ่น พื้นที่ซึ่งได้รับความเสียหายจากคลื่นยักษ์สึนามิมากที่สุด ในช่วงเวลาที่พระอาจารย์กำลังรวบรวมปัจจัยจากธารน้ำใจของคนไทย ผ่าน มูลนิธิมายาโคตมี และมูลนิธิพระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก เพื่อนำไปช่วยเหลือคนญี่ปุ่น เพื่อนร่วมโลกของเรา
• ทอผ้า “ซาโอริ” ซับน้ำตาสึนามิ อันดามัน
ที่ผ่านมาคนจำนวนไม่น้อยทราบว่า หลังจากที่ พระอาจารย์มิตซูโอะ พร้อมลูกศิษย์คือ พระญาณรโต พระภิกษุชาวญี่ปุ่นเช่นกัน ได้ออกเดินทางไปประเทศญี่ปุ่น และเดินธุดงค์จากสนามบินนาริตะ ถึง PEACE MEMORIAL PARK เมืองฮิโรชิมา เมื่อปี พ.ศ.2532 เพื่อเป็นการระลึกถึง “สันติภาพของโลก” ซึ่งเป็นการเดินทางด้วยเท้า ระยะทางกว่า 1,000 กิโลเมตร ตลอด 72 วัน อีกทั้งยังคงเคร่งครัดต่อพระวินัยโดยไม่มีการยืดหยุ่น คือ ไม่ถือเงิน และฉันมื้อเดียวจากอาหารที่ได้จากการบิณฑบาต หรือมีผู้จัดถวาย
และการเดินธุดงค์ครั้งนั้นทำให้ท่านเชื่อว่า สันติภาพที่แท้จริงจะเกิดขึ้นในโลกได้ ก็ต่อเมื่อชาวโลกทั้งหลาย ละความเห็นแก่ตัว โดยการให้ทาน จนนำมาสู่การจัดการตั้งมูลนิธิมายาโคตมี จากเงินของผู้บริจาคที่เห็นด้วยกับความคิดของท่าน และเป็นเวลากว่า 20 ปีที่มูลนิธิฯได้มอบทุนเพื่อช่วยเหลือเด็กไทยที่ด้อยโอกาสทางการศึกษามาแล้วกว่า 7,000 ทุน
“ทุนส่วนใหญ่ได้มาจากญี่ปุ่น และมีคนที่รับทุนจบการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยไปกว่า 100 คนแล้ว บางคนก็จบปริญญาตรี ปริญญาโท และที่กำลังไปศึกษาต่อในระดับปริญญาเอกที่ประเทศเยอรมันก็มี”
อีกทั้งในคราวที่ 6 จังหวัดภาคใต้ แถบชายฝั่งทะเลอันดามันของประเทศไทย ได้รับความเสียหายจากคลื่นยักษ์สึนามิ เมื่อ พ.ศ.2547 พระอาจารย์ยังได้นำวิธีการทอผ้าแบบซาโอริ ที่มีต้นกำเนิด ณ เมืองโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น มาช่วยอบรมให้กับผู้ประสบภัย ภายใต้โครงการ “พัฒนาจิตและคุณภาพชีวิต ด้วยศิลปะการทอผ้าด้วยมือแบบซาโอริ” เพราะมีผู้ประสบภัยจำนวนไม่น้อยที่เหลือเพียงตัวคนเดียว ส่วนสมาชิกคนอื่นๆในครอบครัวเสียชีวิตไปหมด หลังจากที่ก่อนหน้านี้ พระอาจารย์ก็เคยนำการทอผ้าแบบซาโอริ มาใช้เพื่อการฝึกสมาธิ ณ วัดป่าสุนันทวนาราม
“นั่งสมาธิด้วยการกำหนดลมหายใจเข้าออก แล้วสงบ สบายอย่างไร นั่งทอผ้าก็ได้เหมือนกัน” พระอาจารย์เคยกล่าวเปรียบเทียบ
จนถึงวันนี้สถานทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย ได้ตั้งศูนย์ “ซาโอริเซ็นเตอร์” ทำให้ผู้ประสบภัยส่วนหนึ่งได้เข้ามาอบรมและมีรายได้จากศูนย์แห่งนี้ และเช่นกันว่าทุนที่ถูกนำมาใช้เพื่อการอบรมและการสร้างศูนย์ส่วนใหญ่ ก็ได้รับบริจาคมาจากประเทศญี่ปุ่น
• ก่อนสึนามิบุก “อิวาเตะ” เมืองงาม ท่ามกลางธรรมชาติ
พระอาจารย์บอกเล่าว่า ทันทีที่ทราบข่าวพิบัติภัยและสึนามิที่ญี่ปุ่น รู้สึกเสียใจและกังวลใจไปกับคนญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก แม้ตลอดมาพระอาจารย์และคนญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะรู้ดีว่า สึนามิจะต้องเกิดขึ้นไม่วันใดก็วันหนึ่ง เพียงแต่นึกไม่ถึงว่าจะเกิดขึ้นในช่วงนี้และรุนแรงขนาดนี้
“คนญี่ปุ่นจะฝึกซ้อมหนีภัยสึนามิกันทุกปีอยู่แล้ว เพราะที่ผ่านมาเคยมีสึนามิเกิดขึ้นเรื่อยๆ แต่พระอาจารย์ และคนญี่ปุ่นคนอื่นๆก็ไม่คิดว่าสึนามิจะเกิดขึ้นในช่วงนี้และรุนแรงถึงขนาดนี้ แม้พระอาจารย์จะตกใจมาก แต่สุดท้ายก็ต้องทำใจและเข้าใจว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาของธรรมชาติ”
เป็นที่ทราบกันดีว่าจังหวัดอิวาเตะ บ้านเกิดของอาจารย์ เป็นพื้นที่ซึ่งได้รับความเสียหายจากคลื่นยักษ์สึนามิมากที่สุด แต่ครอบครัวและญาติธรรมของพระอาจารย์ที่เคยบริจาคเงินช่วยมูลนิธิฯ ไม่มีใครที่ได้รับผลกระทบจากสึนามิโดยตรง เนื่องจากว่าบ้านไม่ได้ตั้งอยู่ใกล้ชายทะเล แต่ตั้งอยู่บนเขา และเป็นพื้นที่ซึ่งถูกขนานนามว่า “ทิเบตของญี่ปุ่น”
อย่างไรก็ตาม พระอาจารย์ได้บอกเล่าให้ฟังว่า ก่อนหน้านี้ บ้านเรือน ผู้คน และสภาพธรรมชาติในพื้นที่แถบชายทะเล ของจังหวัดอิวาเตะ รวมถึงบริเวณบ้านเกิดของพระอาจารย์ ถือเป็นที่พื้นที่ซึ่งสวยงามและน่าอยู่มาก
“ถ้าไม่มีสึนามิ ธรรมชาติบริเวณนั้นก็เรียกได้ว่าสวย งามและน่าอยู่จริงๆ คนญี่ปุ่นหลายๆคนก็ฝันที่อยากจะไปอยู่ที่นั่น หน้าแล้งก็เหมือนประเทศไทย สักหน่อยใบไม้ก็เปลี่ยนเป็นสีสันที่สดใส สวยงามมาก ถึงหน้าหนาวก็มีหิมะตก ซากุระออกดอก
เป็นพื้นที่ซึ่งผู้คนจะสัมผัสได้ถึงความสวยงามของธรรมชาติที่เปลี่ยนไปตามฤดูกาล มีธรรมชาติ มีภูเขา และมีน้ำที่ค่อนข้างจะสมบูรณ์
เปรียบเทียบกับผู้คนที่อาศัยอยู่ในโตเกียว และโอซาก้า ผู้คนที่นั่นยังคงยังคงรักษาวัฒนธรรมเก่าๆ เอาไว้ มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ใจเย็น ใจดี และมีความซื่อสัตย์มาก”
• เทศน์ที่ญี่ปุ่นทุกปี สร้างสุขภาพใจดีให้ญาติธรรมแดนซากุระ
หลายปีมานี้พระอาจารย์เดินทางไปญี่ปุ่นทุกปี ครั้งล่าสุดคือเมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ.2553 เพราะในทุกวันเสาร์และอาทิตย์ที่สองของเดือนพฤษภาคม สถานทูตไทยในกรุงโตเกียว จะจัดให้มีงาน “ไทยแฟร์” และนิมนต์ พระอาจารย์ไปเทศน์ทุกปี
ไม่ว่าจะเป็นการอบรมธรรมะที่วัดสุนันทวนาราม จ. กาญจนบุรี หรือในต่างประเทศ หัวข้อธรรมะที่พระอาจารย์ มักนำไปเทศน์ให้ฟังคือ “การมีสุขภาพใจที่ดี”
“เมื่อเราเกิดมาเป็นมนุษย์แล้ว ต้องมีสุขภาพใจที่ดี จึงจะคิดดี พูดดี ทำดี และมีความสุขได้ ถ้าสุขภาพใจไม่ดี ไม่สบายใจแล้ว ถึงมีเงิน มียศ มีตำแหน่ง มีใครรักเรามากขนาดไหนก็ตาม ถ้าเราไม่สบายใจแล้ว ก็จะหาความสุขไม่ได้
เรื่องนี้พระอาจารย์สอนตั้งแต่เด็กระดับอนุบาลไปจนถึงระดับผู้ใหญ่ และพระอาจารย์มีหนังสือที่เขียนขึ้นชื่อ “ชั่วโมงแห่งความคิดดี” ได้รับการแปลไป 10 ภาษา เพราะพระอาจารย์เห็นว่าเรื่องของสุขภาพจิตใจเป็นเรื่อง สำคัญกับมนุษย์ทุกคน และทุกศาสนา หากเราคิดดีคิดถูกแล้ว แก้ไขความไม่สบายใจได้ ก็จะมีสุขภาพใจที่ดี
อุบายง่ายๆเพื่อแก้ไข เมื่อมีความไม่สบายใจเกิดขึ้น คือเริ่มต้นจากการคิดน้อยๆ หายใจเข้าลึกๆหายใจออกยาวๆ ทำใจสบายๆ เป็นอุบายง่ายๆที่พระอาจารย์สอนทุกคนตั้งแต่เด็กๆถึงผู้ใหญ่ ไปเทศน์ที่ญี่ปุ่นก็เทศน์เรื่องเหล่านี้แหละ เพราะสุขภาพใจดีเป็นเป้าหมายของมนุษย์ทุกคน”
• มากกว่าเงิน คือช่วยด้วยธรรม
ไม่เพียงแต่กำลังเร่งรวบรวมปัจจัยส่งไปช่วยคนญี่ปุ่น ทุกวันพระอาจารย์ยังนั่งสมาธิ และสวดมนต์ อุทิศถึงทุกดวงวิญญาณที่ล่วงลับไปแล้ว ก่อนจะเดินทางไปญี่ปุ่นในเดือนพฤษภาคมที่จะถึงนี้
นอกจากมีภารกิจต้องไปเทศน์เหมือนเช่นทุกปี พระอาจารย์ยังตั้งใจว่าจะไปเยี่ยมประชาชนที่ประสบภัยในพื้นที่ต่างๆ และทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้ที่จากไป ตลอดจนนำหลัก “การมีสุขภาพใจที่ดี” และการทำสมาธิที่เคยสอนอยู่เป็นประจำ ไปเผยแพร่ให้กว้างขวางยิ่งขึ้น
สำหรับคนไทยทุกคน นอกเหนือจากการบริจาคเงินไปช่วยคนญี่ปุ่นแล้ว อีกหนทางที่พระอาจารย์เห็นว่าคนไทยน่าจะมีส่วนช่วยคนญี่ปุ่นได้ก็คือ
“อาตมาคิดว่าการให้ธรรมะนี่แหละ คือสิ่งที่สำคัญที่สุด เพราะธรรมะคือหนทางที่นำไปสู่การมีอริยทรัพย์ ถ้าคนไทยมีอะไรที่จะช่วยคนญี่ปุ่นได้ หากเน้นไปช่วยพัฒนาจิตใจ ทำได้ก็จะดีที่สุด”
ขณะที่คนญี่ปุ่นเอง เมื่อสึนามิเกิดขึ้นแล้ว สิ่งสำคัญที่พระอาจารย์เห็นว่าทุกคนต้องมีให้กันท่ามกลางภาวะที่ยากลำบากนี้คือ ความสามัคคี ความรัก ความเสียสละ และการให้กำลังใจซึ่งกันและกัน เพราะทุกคนต่างไม่ใช่ใครอื่น แต่ต่างเป็นพี่น้องกัน
“ความรู้สึกว่าเราเป็นพี่น้องกันนี่แหละ คือสิ่งที่พระอาจารย์คิดว่าสำคัญที่สุด”
• สึนามิกำลังเกิดขึ้นกับคนทั่วโลก
พระอาจารย์มิตซูโอะกล่าวเตือนสติว่า ตลอดมาจน ถึงเวลานี้ ความจริงแล้ว สึนามิไม่เกิดขึ้นกับเฉพาะคนญี่ปุ่น แต่เกิดขึ้นกับทุกคนทั่วโลก
“พระอาจารย์เคยพูดกับคนไทยว่า เราทุกคนกำลังโดนสึนามิเหมือนกัน แต่ว่าเป็นสึนามิเงียบๆ สึนามิ คือ ความแก่ ความเจ็บ ความตาย มนุษย์ทุกคนต้องเจอไม่วันใดก็วันหนึ่ง แต่ว่าทีละคน.. ทีละคน.. และทีละคน
ทรัพย์สมบัติก็ดี ญาติพี่น้องก็ดี หรือแม้แต่ร่างกายของเรา สึนามิจะกลืนกินไป เหลือแต่ใจ ไม่วันใดก็วันหนึ่ง เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้าจึงสอนว่า เราต้องสะสมอริยทรัพย์ สะสมความดีไว้อยู่ที่ใจ เพราะสิ่งที่สึนามิเอาไปไม่ได้คือความดี ร่างกายนี้เราก็เอาไม่ได้ และอาศัยอยู่ได้ไม่เกิน 100 ปี เราจึงต้องปฏิบัติธรรม ทำความดีเอาไว้ และทำให้จิตใจรวยด้วยอริยทรัพย์”
ไม่ต่างกันกับสิ่งที่พระอาจารย์เคยตอบคำถามพุทธศาสนิกชนรายหนึ่ง คราวที่เกิดเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิที่ภาคใต้ของประเทศไทย ซึ่งพุทธศาสนิกชนรายนั้นได้ตั้งคำถามว่า “โยมใส่บาตร สวดมนต์ ทำบุญ ให้ทานอยู่เป็นประจำ แล้วทำไมยังต้องมาประสบเคราะห์กรรมในเหตุการณ์ครั้งนี้” พระอาจารย์ได้ตอบว่า
“เหตุการณ์ภัยพิบัติจากคลื่นยักษ์สึนามิที่ทำลายทรัพย์สินและชีวิตประชาชนไปจำนวนหลายแสนคนในครั้งนี้ แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงธรรมชาติและความจริงที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ว่า ความแก่ ความเจ็บ ความตาย ความเสื่อมลาภ เสื่อมยศ นินทา ทุกข์ เป็นธรรมดาของสัตว์โลก เมื่อยังเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในวัฏสงสาร ก็หนีไม่พ้น
เราเรียกเหตุการณ์ครั้งนี้ว่า สึนามิที่เป็นเหตุแห่งความตาย เราเห็นภาพที่น่ากลัวจากทีวี หนังสือพิมพ์ แต่จะมีใครคิดบ้างไหมว่า นั่นคืออนาคตของเรา เราเองก็ต้องประสบเหตุการณ์แบบนี้ (ความตายที่ไม่รู้กำหนดว่าจะมาเมื่อไหร่) เหมือนกัน
จริงๆแล้วเราทุกคนกำลังถูกสึนามิกลืนชีวิตของเราทีละคนๆอยู่ตลอดเวลา ต่างสถานที่ ต่างเวลากัน สึนามิในความหมายของมัจจุราช หรือ ความตายที่กำลังคืบคลานมาสู่เราทุกคน เหมือนกันหมดไม่ว่าดีเลว
อย่างไรก็ตาม เมื่อมีชีวิตอยู่ การที่ได้ทำบุญให้ทานอยู่เป็นประจำ ถือเป็นกุศลกรรมความดี หรือเรียกว่าเป็น อริยทรัพย์ ที่จะติดตามเราไป เป็นที่พึ่งที่อาศัยแก่เราสึนามิก็แย่งเอาไปไม่ได้ ชีวิต ทรัพย์สิน ถูกคลื่นสึนามิ กวาดล้างทำลายไป เหลือแต่ใจ หากจิตใจดี ใจบุญ ใจกุศล เมื่อจะตายก็ตายด้วยใจที่ดี มีสุคติเป็นที่ไป
เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ขอให้เรามั่นคงในการคิดดี พูดดี ทำดี ในทุกสถานการณ์”
• ร่วมทำบุญช่วยเหลือผู้ประสบภัย กับ "พระอาจารย์มิตซูโอะ"
พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก ขอเชิญผู้มีจิตศรัทธา ร่วมส่งธารน้ำใจช่วยเหลือชาวญี่ปุ่นผู้ประสบภัยคลื่นยักษ์สึนามิ โดยการบริจาคเงินผ่าน มูลนิธิมายา โคตมี และมูลนิธิพระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก โทร.0-2368-3991 (5 คู่สาย)
หรือ โอนงินข้าบัญชี ธนาคารไทยพาณิชย์ (มหาชน) สาขาย่อยเซ็นต์หลุยส์ 3 ชื่อบัญชี วัดสุนันทวนาราม เลขที่บัญชี 087-2-09933-2
สำหรับผู้ร่วมบุญควรแฟกซ์เอกสารการโอนเงินไปที่ 0-2368-3573 เพื่อการตรวจสอบยอดร่วมบุญ และในกรณีผู้ที่ต้องการใบ “อนุโมทนาบัตร” กรุณาส่งชื่อ และที่อยู่ ไปที่หมายเลขแฟกซ์ดังกล่าว เพื่อมูลนิธิจะได้ทำการจัดส่งใบอนุโมทนาบัตรให้
(จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 125 เมษายน 2554 โดย อ้อย ป้อมสุวรรณ)