เอตทัคคะ-อดีตชาติ(ต่อ)
พระปุณณกะ ตั้งจิตปรารถนาไว้ในพระพุทธเจ้าในอดีตหลายพระองค์ ในพุทธันดรหนึ่งมีพระปัจเจกพุทธเจ้าหลายองค์อุบัติขึ้น ครั้งนั้นท่านเกิดเป็นมนุษย์และออกบวชเป็นฤาษีอยู่ในป่าเดียวกับพระปัจเจกพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง พระปัจเจกพุทธเจ้าอยู่ ณ บรรณศาลาระหว่างภูเขา ส่วนท่านอยู่ ณ บรรณศาลาอีกแห่งหนึ่งแต่ไม่ไกลกันนัก
วันหนึ่ง ป่าที่เคยเงียบสงบส่งเสียงบันลือลั่นคล้ายเสียงโอดครวญแสดงความอาลัย เนื่องจากพระปัจเจกพุทธเจ้าอาพาธหนัก ต่อมาไม่นานนักก็มีแสงสว่างเกิดขึ้น พร้อมกันนั้นบรรดาสัตว์ป่า อาทิ หมี หมาป่า เสือ และราชสีห์ ต่างก็ส่งเสียงร้องดังกึกก้อง
ฤาษีไปยังบรรณศาลาก็พบว่าพระปัจเจกพุทธเจ้าดับขันธปรินิพพานแล้ว จึงเตรียมการถวายเพลิงโดยนำหญ้าและไม้แห้งมาสุมทำเชิงตะกอน แล้วได้อัญเชิญศพขึ้นสู่เชิงตะกอนแล้วถวายเพลิง เมื่อศพไหม้เหลือเป็นอัฐิธาตุ(กระดูก) ท่านได้นำน้ำหอมมาพรมอัฐิธาตุนั้น ผลบุญครั้งนั้นส่งผลให้ท่านเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในสุคติภูมินับชาติไม่ถ้วน
พระเมตตคู ตั้งจิตปรารถนาไว้ตั้งแต่ครั้งพระพุทธเจ้าสุเมธะ ครั้งนั้น ท่านได้ออกบวชเป็นฤาษีบำเพ็ญพรตอยู่ในอาศรม ณ อโสกบรรพต ซึ่งอยู่ไม่ไกลนักจากป่าหิมพานต์ วันหนึ่งพระพุทธเจ้าสุเมธะเสด็จไปบิณฑบาตที่อาศรมของท่าน ท่านเห็นพระพุทธเจ้าแล้วเกิดความเลื่อมใสอย่างแรงกล้า จึงขอรับบาตรจากพระองค์มาใส่เนยใสและน้ำมันจนเต็ม ครั้นแล้วจึงนำกลับไปถวายพร้อมทั้งประนมมือเปล่งวาจาปรารถนาว่า
“ด้วยผลบุญแห่งการถวายเนยใสน้ำมันและตั้งจิตไว้ดีนี้ เมื่อได้เกิดเป็นเทวาหรือมนุษย์ ขอให้ข้าพระองค์ได้พบความสุขอันยิ่งใหญ่ ตราบใดที่ยังเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในภพภูมิต่างๆ ก็ขอให้ข้าพระองค์พบแต่ความสุข อย่าต้องประสบทุกข์ในอบายทุคติวินิบาตหรือในนรกเลย”
พระพุทธเจ้าสุเมธะทอดพระเนตรดูการกระทำของท่านแล้วตรัสว่า
“พราหมณ์ นับว่าเป็นลาภของเธอที่ได้พบตถาคต เพราะใครก็ตามที่ได้พบตถาคต จะได้รับผลถึงบรรลุอรหัตผล จงเบาใจเถิด อย่ากลัวเลย เธอจะได้ได้ยศใหญ่ จะได้เกิดในตระกูลที่สูงส่ง”
นับแต่วันนั้นก็ได้ทำความดีอื่นๆ สนับสนุนตลอดชีวิต จากชาตินั้นบุญส่งผลให้เวียนว่ายตายเกิดอยู่ในสุคติภูมินับชาติไม่ถ้วน
พระโธตกะ ตั้งจิตปรารถนาไว้ตั้งแต่ครั้งพระพุทธเจ้าปทุมุตตระ ครั้งนั้นท่านเกิดเป็นพราหมณ์ชื่อ “ฉฬังคะ” ตั้งสำนักสอนมนต์อยู่ในเมืองหงสวดี มีศิษย์ ๑,๘๐๐ คน ส่วนพระพุทธเจ้าปทุมุตตระประทับอยู่ในโสภิตาราม ใกล้ฝั่งแม่น้ำภาคีรถี (สาขาหนึ่งของแม่น้ำคงคา อยู่แถบปัญจาป)
ท่านเห็นพระสาวกของพระพุทธเจ้าข้ามแม่น้ำภาคีรถีด้วยความยากลำบาก รู้สึกสงสาร จึงชวนบรรดาศิษย์ช่วยกันสละทรัพย์สร้างสะพานถวาย โดยท่านให้เหตุผลว่า
“สะพานที่สร้างถวายพระสาวกของพระพุทธเจ้าครั้งนี้ จะได้เป็นสะพานให้เธอทั้งหลายได้ข้ามพ้นทะเล คือ การเวียนว่ายตายเกิดในอนาคต”
หลังจากสร้างสะพานเสร็จแล้วท่านได้เข้าไปเฝ้าพระพุทธเจ้า กราบทูลให้ทรงทราบแล้วมอบถวายสะพาน พระพุทธเจ้าปทุมุตตระประทับนั่งอยู่ท่ามกลางสงฆ์ ทรงรับสะพาน แล้วตรัสอนุโมทนาว่า
“ผู้ที่สร้างสะพานถวายตถาคต ย่อมได้รับอานิสงส์ต่างๆ คือ เมื่อตกลงไปในเหว ตกลงจากภูเขาหรือตกจากต้นไม้ ย่อมไม่ตาย จะได้ที่ให้ยึดอาศัย ศัตรูทำร้ายไม่ได้ พวกโจรข่มเหงไม่ได้ กษัตริย์ทั้งหลายย่อมไม่ดูหมิ่น”
พระพุทธเจ้าปทุมุตตระยังตรัสอีกว่า ถ้าเกิดเป็นมนุษย์ก็จะมีแต่ความสุข มีพาหนะให้ขับขี่ได้สะดวกสบาย ท้ายสุดได้ตรัสพยากรณ์ว่า
“ในอีก ๑๐๐,๐๐๐ กัปข้างหน้า พระพุทธเจ้าโคดมจักเสด็จอุบัติขึ้นในโลก เธอจักได้ออกบวชเป็นสาวกของพระองค์และจักได้บรรลุอรหัตผล”
ท่านฟังพระพุทธเจ้าตรัสพยากรณ์แล้วเกิดปีติโสมนัสเป็นอย่างยิ่ง ได้ทำความดีสนับสนุนอย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต จากชาตินั้นบุญส่งผลให้เวียนว่ายตายเกิดอยู่ในสุคติภูมินับชาติไม่ถ้วน
พระอุปสีวะ ตั้งจิตปรารถนาไว้ตั้งแต่ครั้งพระพุทธเจ้าปทุมุตตระ ครั้งนั้น ท่านออกบวชเป็นฤาษีตั้งอาศรมอยู่ใกล้อโนมบรรพต ณ บริเวณป่าหิมพานต์ สถานที่ตั้งอาศรมนั้นเป็นสถานที่น่ารื่นรมย์และมีแม่น้ำไหลผ่าน แม่น้ำสายนั้นสวยงามเพราะมีบัวออกดอกสล้าง และมีหมู่ปลานานาชนิดแหวกว่ายไปมา
วันหนึ่ง พระพุทธเจ้าปทุมุตตระเสด็จไปหาถึงอาศรม ฤาษีเห็นพระองค์แล้วเกิดความเลื่อมใส รีบมาเฝ้ารับเสด็จด้วยการนำใบไม้มาลาดเป็นอาสนะ และนำดอกรังมาโปรยบนอาสนะนั้นแล้ว กราบทูลพระพุทธเจ้าให้ขึ้นประทับนั่ง จากนั้นฤาษีได้รีบขึ้นไปบนภูเขานำผลขนุนใบใหญ่ขนาดเท่าหม้อซึ่งมีรสอร่อย มาแกะถวายพระพุทธเจ้าให้เสวย ครั้นเสวยแล้ว พระพุทธเจ้าปทุมุตตระได้ตรัสอนุโมทนาทานของฤาษี และตรัสถึงอานิสงส์ ท้ายที่สุดได้ตรัสพยากรณ์ว่า
“ในอีก ๑๐๐,๐๐๐ กัปข้างหน้า พระพุทธเจ้าโคดมจักเสด็จอุบัติขึ้นในโลก เธอจักได้ออกบวชเป็นสาวกของพระองค์ และจักได้บรรลุอรหัตผล”
ฤาษีได้ฟังพระพุทธเจ้าตรัสพยากรณ์แล้วเกิดปีติโสมนัสเป็นอย่างยิ่ง ท่านทำความดีอื่นๆสนับสนุนอย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต จากชาตินั้นบุญส่งผลให้เวียนว่ายตายเกิดในสุคติภูมินับชาติไม่ถ้วน
(อ่านต่อฉบับหน้า)
(จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 123 กุมภาพันธ์ 2554 โดย ผศ.ร.ท.ดร.บรรจบ บรรณรุจิ)
พระปุณณกะ ตั้งจิตปรารถนาไว้ในพระพุทธเจ้าในอดีตหลายพระองค์ ในพุทธันดรหนึ่งมีพระปัจเจกพุทธเจ้าหลายองค์อุบัติขึ้น ครั้งนั้นท่านเกิดเป็นมนุษย์และออกบวชเป็นฤาษีอยู่ในป่าเดียวกับพระปัจเจกพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง พระปัจเจกพุทธเจ้าอยู่ ณ บรรณศาลาระหว่างภูเขา ส่วนท่านอยู่ ณ บรรณศาลาอีกแห่งหนึ่งแต่ไม่ไกลกันนัก
วันหนึ่ง ป่าที่เคยเงียบสงบส่งเสียงบันลือลั่นคล้ายเสียงโอดครวญแสดงความอาลัย เนื่องจากพระปัจเจกพุทธเจ้าอาพาธหนัก ต่อมาไม่นานนักก็มีแสงสว่างเกิดขึ้น พร้อมกันนั้นบรรดาสัตว์ป่า อาทิ หมี หมาป่า เสือ และราชสีห์ ต่างก็ส่งเสียงร้องดังกึกก้อง
ฤาษีไปยังบรรณศาลาก็พบว่าพระปัจเจกพุทธเจ้าดับขันธปรินิพพานแล้ว จึงเตรียมการถวายเพลิงโดยนำหญ้าและไม้แห้งมาสุมทำเชิงตะกอน แล้วได้อัญเชิญศพขึ้นสู่เชิงตะกอนแล้วถวายเพลิง เมื่อศพไหม้เหลือเป็นอัฐิธาตุ(กระดูก) ท่านได้นำน้ำหอมมาพรมอัฐิธาตุนั้น ผลบุญครั้งนั้นส่งผลให้ท่านเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในสุคติภูมินับชาติไม่ถ้วน
พระเมตตคู ตั้งจิตปรารถนาไว้ตั้งแต่ครั้งพระพุทธเจ้าสุเมธะ ครั้งนั้น ท่านได้ออกบวชเป็นฤาษีบำเพ็ญพรตอยู่ในอาศรม ณ อโสกบรรพต ซึ่งอยู่ไม่ไกลนักจากป่าหิมพานต์ วันหนึ่งพระพุทธเจ้าสุเมธะเสด็จไปบิณฑบาตที่อาศรมของท่าน ท่านเห็นพระพุทธเจ้าแล้วเกิดความเลื่อมใสอย่างแรงกล้า จึงขอรับบาตรจากพระองค์มาใส่เนยใสและน้ำมันจนเต็ม ครั้นแล้วจึงนำกลับไปถวายพร้อมทั้งประนมมือเปล่งวาจาปรารถนาว่า
“ด้วยผลบุญแห่งการถวายเนยใสน้ำมันและตั้งจิตไว้ดีนี้ เมื่อได้เกิดเป็นเทวาหรือมนุษย์ ขอให้ข้าพระองค์ได้พบความสุขอันยิ่งใหญ่ ตราบใดที่ยังเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในภพภูมิต่างๆ ก็ขอให้ข้าพระองค์พบแต่ความสุข อย่าต้องประสบทุกข์ในอบายทุคติวินิบาตหรือในนรกเลย”
พระพุทธเจ้าสุเมธะทอดพระเนตรดูการกระทำของท่านแล้วตรัสว่า
“พราหมณ์ นับว่าเป็นลาภของเธอที่ได้พบตถาคต เพราะใครก็ตามที่ได้พบตถาคต จะได้รับผลถึงบรรลุอรหัตผล จงเบาใจเถิด อย่ากลัวเลย เธอจะได้ได้ยศใหญ่ จะได้เกิดในตระกูลที่สูงส่ง”
นับแต่วันนั้นก็ได้ทำความดีอื่นๆ สนับสนุนตลอดชีวิต จากชาตินั้นบุญส่งผลให้เวียนว่ายตายเกิดอยู่ในสุคติภูมินับชาติไม่ถ้วน
พระโธตกะ ตั้งจิตปรารถนาไว้ตั้งแต่ครั้งพระพุทธเจ้าปทุมุตตระ ครั้งนั้นท่านเกิดเป็นพราหมณ์ชื่อ “ฉฬังคะ” ตั้งสำนักสอนมนต์อยู่ในเมืองหงสวดี มีศิษย์ ๑,๘๐๐ คน ส่วนพระพุทธเจ้าปทุมุตตระประทับอยู่ในโสภิตาราม ใกล้ฝั่งแม่น้ำภาคีรถี (สาขาหนึ่งของแม่น้ำคงคา อยู่แถบปัญจาป)
ท่านเห็นพระสาวกของพระพุทธเจ้าข้ามแม่น้ำภาคีรถีด้วยความยากลำบาก รู้สึกสงสาร จึงชวนบรรดาศิษย์ช่วยกันสละทรัพย์สร้างสะพานถวาย โดยท่านให้เหตุผลว่า
“สะพานที่สร้างถวายพระสาวกของพระพุทธเจ้าครั้งนี้ จะได้เป็นสะพานให้เธอทั้งหลายได้ข้ามพ้นทะเล คือ การเวียนว่ายตายเกิดในอนาคต”
หลังจากสร้างสะพานเสร็จแล้วท่านได้เข้าไปเฝ้าพระพุทธเจ้า กราบทูลให้ทรงทราบแล้วมอบถวายสะพาน พระพุทธเจ้าปทุมุตตระประทับนั่งอยู่ท่ามกลางสงฆ์ ทรงรับสะพาน แล้วตรัสอนุโมทนาว่า
“ผู้ที่สร้างสะพานถวายตถาคต ย่อมได้รับอานิสงส์ต่างๆ คือ เมื่อตกลงไปในเหว ตกลงจากภูเขาหรือตกจากต้นไม้ ย่อมไม่ตาย จะได้ที่ให้ยึดอาศัย ศัตรูทำร้ายไม่ได้ พวกโจรข่มเหงไม่ได้ กษัตริย์ทั้งหลายย่อมไม่ดูหมิ่น”
พระพุทธเจ้าปทุมุตตระยังตรัสอีกว่า ถ้าเกิดเป็นมนุษย์ก็จะมีแต่ความสุข มีพาหนะให้ขับขี่ได้สะดวกสบาย ท้ายสุดได้ตรัสพยากรณ์ว่า
“ในอีก ๑๐๐,๐๐๐ กัปข้างหน้า พระพุทธเจ้าโคดมจักเสด็จอุบัติขึ้นในโลก เธอจักได้ออกบวชเป็นสาวกของพระองค์และจักได้บรรลุอรหัตผล”
ท่านฟังพระพุทธเจ้าตรัสพยากรณ์แล้วเกิดปีติโสมนัสเป็นอย่างยิ่ง ได้ทำความดีสนับสนุนอย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต จากชาตินั้นบุญส่งผลให้เวียนว่ายตายเกิดอยู่ในสุคติภูมินับชาติไม่ถ้วน
พระอุปสีวะ ตั้งจิตปรารถนาไว้ตั้งแต่ครั้งพระพุทธเจ้าปทุมุตตระ ครั้งนั้น ท่านออกบวชเป็นฤาษีตั้งอาศรมอยู่ใกล้อโนมบรรพต ณ บริเวณป่าหิมพานต์ สถานที่ตั้งอาศรมนั้นเป็นสถานที่น่ารื่นรมย์และมีแม่น้ำไหลผ่าน แม่น้ำสายนั้นสวยงามเพราะมีบัวออกดอกสล้าง และมีหมู่ปลานานาชนิดแหวกว่ายไปมา
วันหนึ่ง พระพุทธเจ้าปทุมุตตระเสด็จไปหาถึงอาศรม ฤาษีเห็นพระองค์แล้วเกิดความเลื่อมใส รีบมาเฝ้ารับเสด็จด้วยการนำใบไม้มาลาดเป็นอาสนะ และนำดอกรังมาโปรยบนอาสนะนั้นแล้ว กราบทูลพระพุทธเจ้าให้ขึ้นประทับนั่ง จากนั้นฤาษีได้รีบขึ้นไปบนภูเขานำผลขนุนใบใหญ่ขนาดเท่าหม้อซึ่งมีรสอร่อย มาแกะถวายพระพุทธเจ้าให้เสวย ครั้นเสวยแล้ว พระพุทธเจ้าปทุมุตตระได้ตรัสอนุโมทนาทานของฤาษี และตรัสถึงอานิสงส์ ท้ายที่สุดได้ตรัสพยากรณ์ว่า
“ในอีก ๑๐๐,๐๐๐ กัปข้างหน้า พระพุทธเจ้าโคดมจักเสด็จอุบัติขึ้นในโลก เธอจักได้ออกบวชเป็นสาวกของพระองค์ และจักได้บรรลุอรหัตผล”
ฤาษีได้ฟังพระพุทธเจ้าตรัสพยากรณ์แล้วเกิดปีติโสมนัสเป็นอย่างยิ่ง ท่านทำความดีอื่นๆสนับสนุนอย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต จากชาตินั้นบุญส่งผลให้เวียนว่ายตายเกิดในสุคติภูมินับชาติไม่ถ้วน
(อ่านต่อฉบับหน้า)
(จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 123 กุมภาพันธ์ 2554 โดย ผศ.ร.ท.ดร.บรรจบ บรรณรุจิ)