xs
xsm
sm
md
lg

อสีติมหาสาวก : ตอนที่ ๖๐ กลุ่มพระชาวแคว้นสักกะ (ต่อ)

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เอตทัคคะ-อดีตชาติ (ต่อ)
พระปุณณมันตานีบุตร ตั้งจิตปรารถนาไว้ตั้งแต่ครั้งพระพุทธเจ้าปทุมุตตระ ครั้งนั้นท่านเกิดในตระกูลพราหมณ์มหาศาล เมืองหงสวดี มีชื่อว่า“โคตมะ” ศึกษาจบไตรเพทและตั้งสำนักสอนศิษย์จำนวน ๕๐๐ คน ต่อมาพิจารณาเห็นว่าไตรเพทเป็นวิชาความรู้ที่ไม่ช่วยให้พ้นทุกข์ได้จริง จึงชวนศิษย์ทั้งหมดออกบวชเป็นฤาษีอยู่ที่เชิงเขาแห่งหนึ่ง
ฤาษีโคตมะและศิษย์ต่างมุ่งมั่นบำเพ็ญเพียร จนได้บรรลุสมาบัติ ๘ และอภิญญา ๕ กล่าวคือ ได้บรรลุสมาธิขั้นสูง จนเป็นพื้นฐานให้เกิดคุณวิเศษต่างๆ คือ มีตาทิพย์ หูทิพย์ แสดงฤทธิ์ได้รู้ใจผู้อื่นและระลึกชาติได้ แต่ก็รู้ดีว่ายังไม่พ้นจากทุกข์ได้อย่างแท้จริงเพราะยังไม่หมดกิเลส จนกระทั่งต่อมาพระพุทธเจ้าปทุมุตตระเสด็จอุบัติขึ้นในโลก ซึ่งระยะเวลานั้นฤาษีโคตมะแก่มากแล้ว
ใกล้รุ่งวันหนึ่ง ขณะที่ทรงตรวจดูสัตว์โลกที่จะเสด็จไปโปรดนั้น พระพุทธเจ้าปทุมุตตระได้ทอดพระเนตรเห็นบรรดาฤาษีศิษย์โคตมะปรากฏอยู่ในข่ายพระญาณ แม้ฤาษีโคตมะนั้นก็ปรากฏด้วยเช่นกัน แต่พระพุทธเจ้าทรงตรวจดูอุปนิสัยของฤาษีทั้งหมดแล้วทรงทราบว่า ฤาษีศิษย์เท่านั้นจะได้บรรลุอรหัตผลหลังจากฟังธรรมของพระองค์ ส่วนฤาษีโคตมะผู้อาจารย์จะยังไม่ได้บรรลุมรรคผลขั้นใดเลยแต่จะเกิดศรัทธาตั้งจิตปรารถนาตำแหน่งเอตทัคคะด้านแสดงธรรม และบรรลุอรหัตผลในศาสนาของพระพุทธเจ้าในอนาคต
รุ่งเช้าขณะที่บรรดาศิษย์ของฤาษีโคตมะออกแสวงหาผลไม้อยู่นั้น พระพุทธเจ้าปทุมุตตระก็ได้เสด็จออกบิณฑบาตตามลำพัง พระองค์เสด็จตรงไปยังอาศรมของฤาษีโคตมะ ซึ่งเวลานั้นกำลังนั่งอยู่ตามลำพัง
ฤาษีโคตมะเห็นมีนักบวชมายืนอยู่ที่ประตูอาศรม แม้จะยังไม่รู้ว่ามีพระพุทธเจ้าเสด็จอุบัติขึ้นแล้วในโลก แต่ทันทีที่เห็นพระมหาปุริสลักษณะบางประการ ก็ทราบได้ว่าพระรูปนี้คือพระพุทธเจ้าผู้หลุดพ้นแล้วจากกิเลสและกองทุกข์ จึงทูลอาราธนาให้ประทับนั่งบนอาสนะที่สูงกว่าอาสนะของตน
ฝ่ายบรรดาฤาษีศิษย์ของฤาษีโคตมะกลับมาจากหาผลไม้ เห็นมีนักบวชนั่งบนอาสนะสูงกว่าคุยอยู่กับอาจารย์ของตนก็รู้สึกแปลกใจ ฤาษีโคตมะเข้าใจความรู้สึกของบรรดาฤาษีศิษย์ได้ดี จึงรีบกล่าวแนะนำว่านักบวชรูปนี้คือ พระพุทธเจ้า จากนั้นได้กล่าวสรรเสริญพระพุทธเจ้าว่า ทรงเป็นบุคคลผู้เลิศทั้งในมนุษยโลกและเทวโลก และเมื่อบรรดาฤาษีศิษย์ถวายบังคมพระพุทธเจ้าแล้ว ฤาษีโคตมะจึงแนะนำให้จัดผลไม้ถวาย ครั้นพระพุทธเจ้าปทุมุตตระเสวยผลไม้แล้ว พระมหาวิมละและพระเทวะ คู่พระอัครสาวก ได้พาพระ ๑๐๐,๐๐๐ รูปมาเฝ้าพระพุทธเจ้าตามพระพุทธดำริให้มา ฝ่ายฤาษีโคตมะเห็นพระมามากเช่นนั้น ก็สั่งบรรดาฤาษีศิษย์ให้ถวายการต้อนรับอย่างเต็มที่ ให้นำดอกไม้นานาชนิดมาทำเป็นอาสนะถวายพระพุทธเจ้าและพระสาวกทั้งหมด ชั่ว เวลาไม่นานฤาษีศิษย์เหล่านั้นก็จัดอาสนะดอกไม้ถวายพระพุทธเจ้าและพระสาวกได้เสร็จเรียบร้อย ตามคำสั่งของอาจารย์ ด้วยอำนาจฤทธิ์ของพวกตน
จากนั้น ฤาษีโคตมะก็ลุกขึ้นยืนประนมมือกราบ ทูลพระพุทธเจ้าให้ขึ้นประทับนั่งบนอาสนะดอกไม้ เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จขึ้นประทับนั่งแล้ว คู่พระอัครสาวกก็ได้นำบรรดาพระสาวกขึ้นนั่งบนอาสนะดอกไม้ตามที่ฤาษีโคตมะนิมนต์
พระพุทธเจ้าทรงประสงค์จะให้สักการะของฤาษีโคตมะและบรรดาศิษย์มีผลมาก จึงทรงเข้านิโรธสมาบัติ คู่พระอัครสาวกเห็นดังนั้นจึงเข้านิโรธสมาบัติตาม พระสาวกที่เหลือก็เข้านิโรธสมาบัติตามด้วย ขณะที่พระพุทธเจ้าทรงเข้านิโรธสมาบัติอยู่นั้น ฤาษีโคตมะก็ได้ยืนกั้นร่มดอกไม้ถวาย ฝ่ายบรรดาฤาษี ศิษย์ก็ได้ยืนประนมมือถวายความเคารพแด่พระพุทธเจ้าและพระสาวก จนกระทั่งเวลารุ่งเช้าจึงออกไปหาผลไม้ และเมื่อบริโภคแล้วก็กลับมายืนประนมมือถวายความเคารพดุจเดิม
ฤาษีโคตมะได้ยืนกั้นร่มดอกไม้ถวายพระพุทธเจ้าตลอด ๗ วัน โดยที่ไม่ยอมไปไหนเลย และเมื่อทรงออกจากนิโรธสมาบัติแล้ว พระพุทธเจ้าทรงรับสั่ง กับพระสาวก ผู้เป็นเลิศทางแสดงธรรมให้กล่าวอนุโมทนาทาน คือ การถวายอาสนะดอกไม้ ขณะที่พระสาวกรูปนั้นกล่าวอนุโมทนาอยู่นั้น ฤาษีโคตมะตั้งใจฟังด้วยความเลื่อมใสในพระสาวกรูปนั้นมาก พร้อมทั้งคิดปรารถนาจะได้เป็นเลิศเช่นพระสาวกรูปนั้น ในศาสนาของพระพุทธเจ้าในอนาคตสักพระองค์หนึ่ง จึงกราบทูลถึงความปรารถนาของตน โดยอ้างถึงบุญสำคัญที่ตนทำเป็นเวลา ๗ วันนั้นเป็นที่พึ่ง พระพุทธเจ้าทรงตรวจดูแล้วเห็นว่าความปรารถนาของฤาษี โคตมะนั้นสำเร็จได้แน่ จึงทรงพยากรณ์ว่า
“อีก ๑๐๐,๐๐๐ กัปข้างหน้า พระพุทธเจ้าโคดมจักเสด็จอุบัติขึ้นในโลก เธอจักได้ออกบวชเป็นสาวกของพระองค์ จักได้บรรลุอรหัตผล พระพุทธเจ้าโคดมจักตั้งเธอไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะด้านแสดงธรรม”
ฤาษีโคตมะได้ฟังพุทธพยากรณ์แล้วเกิดปีติโสมนัสเป็นอย่างยิ่ง ได้ทำบุญอื่นๆ สนับสนุนอย่างต่อ เนื่องตลอดชีวิต จากชาตินั้นบุญส่งผลให้เวียนว่ายตายเกิดในภพภูมิต่างๆ จนมาถึงพุทธุปบาทกาลของพระพุทธเจ้าพระองค์ปัจจุบัน ท่านได้มาเกิดเป็นหลานพระอัญญาโกณฑัญญะ ครั้นออกบวชก็ได้บรรลุอรหัตผล อาศัยเหตุที่ตั้งจิตปรารถนามาแต่อดีตชาติ ประกอบกับปัจจุบันชาติที่เมื่อบรรลุอรหัตผลแล้วมีความชำนาญในการแสดงธรรม พระพุทธเจ้าจึงทรงตั้งท่านไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะด้านแสดงธรรม ดังกล่าวมาแล้ว

(อ่านต่อฉบับหน้า)

(จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 108 พฤศจิกายน 2552 โดยผศ.ร.ท.ดร.บรรจบ บรรณรุจิ)
กำลังโหลดความคิดเห็น