xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวสารบ้านเรา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ร่วมสักการบูชาพระบรมสารีริกธาตุ
• กรุงเทพฯ : อาจารย์วรธนัท อัศกุลโกวิท ประธานโครงการ “พิธีมหาชาตาบารมีสิทธิ” ได้จัดแถลงข่าวเชิญชวนพุทธศาสนิกชน กราบสักการบูชาพระบรมสารีริกธาตุในงาน “มหาสิทธิการิยะสันติสุข เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาชน” โดยได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุจากประเทศจีน มาประดิษฐาน ณ ชั้น 1 อาคารมหาเจษฎาบดินทร์ วัดยานนาวา เพื่อเฉลิมพระเกียรติ ถวายพระพรชัยมงคล สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 77 พรรษา และเพื่อให้ประชาชนได้สักการบูชา ระหว่างเวลา 09.00-19.30 น. ตั้งแต่วันที่ 29 ก.ค.จนถึงสิ้นปี 2552
โดยพระบรมสารีริกธาตุที่อัญเชิญมาครั้งนี้ มาจากจีน ทิเบต และพม่า จำนวนมากที่สุดที่เคยอัญเชิญมายังประเทศไทย เป็นพระบรมสารีริกธาตุส่วนที่หาได้ยากยิ่ง โดยมีเพียงไม่กี่องค์เท่านั้นในโลกนี้ เช่น พระอุรังคธาตุ (กระดูกส่วนอก) ที่มีเพียง 4 องค์ในโลก รวมถึงพระบรมสารีริกธาตุทั้งชุดอีกกว่า 30 พระอบเจดีย์แก้ว ซึ่งถ้านับเป็นจำนวนองค์ที่อยู่ในพระอบเจดีย์แก้วนั้นไม่น้อยกว่าแสนองค์ นอกจากนี้ภายในงานยังมีพระพุทธรูปเก่าแก่และสวยงามอีกหลายชุด เช่น องค์พระไภษัชคุรุไวฑูรย์ประภาตถาคต ซึ่งเป็นชุดใหญ่ที่ในสมัยโบราณสร้างขึ้นเพื่อเล่าเรื่องราวพุทธประวัติทั้งหมด ชุดองค์พระแม่ตารา ชุดใหญ่ชุดใหม่ที่สวยงามยิ่งกว่าชุดเดิม
ทั้งนี้ รายได้จากการทำบุญทั้งหมดมอบให้กับ่โครงการก่อสร้างอาคารเฉลิมพระเกียรติ 9 ชั้น วัดยานนาวา

เผย "จริยธรรม" คนไทยเสื่อม ความซื่อสัตย์ลด
• กรุงเทพฯ : น.ส.นราทิพย์ พุ่มทรัพย์ ผอ.ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาพลังแผ่นดินเชิงคุณธรรม (ศูนย์คุณธรรม) เปิดเผยว่า ศูนย์คุณธรรมได้ร่วมกับสถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล จัดทำโครงการวิจัยคุณลักษณะและกระบวนการปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรมในประเทศไทย เพื่อหาแนวทางการปลูกฝังคุณธรรมให้แก่สังคมไทย ซึ่งขณะนี้สถาบันแห่งชาติฯ ได้จัดทำการสำรวจระดับความคิดเห็นของคนไทย ในหัวข้อ “สถาบันหลักกับการปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรมในเด็กและเยาวชนไทย” จาก 5 กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ครู นักธุรกิจ บุคคลสาธารณะ บุคคลทั่วไป และนักเรียน จำนวน 1,110 ตัวอย่าง พบว่า ระดับคุณธรรมจริยธรรมในหมู่คนไทยเมื่อเทียบกับอดีตที่ผ่านมา โดยเฉพาะความซื่อสัตย์ ความรับผิดชอบ ความมีสติ สัมปชัญญะ ความมีวินัย ลดลง
“เมื่อตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับสถาบันที่ทำหน้าที่ปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรม พบข้อมูลที่น่าสนใจว่า สถาบันการเมืองการปกครองทำหน้าที่ส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรมให้แก่เด็กไทยน้อยที่สุด นอกจากนี้ กลุ่มตัวอย่างไม่ว่าจะเป็นครู นักเรียน บุคคลทั่วไป ยังได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับวิธีการที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในการส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมด้วยว่า วิธีที่เหมาะสมที่สุดในการส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม สู่เด็กและเยาวชนไทย คือ การปฏิบัติให้ดูเป็นแบบอย่าง” ผอ.ศูนย์คุณธรรม กล่าว

สธ. สนับสนุนพระสงฆ์กว่า 2,000 รูป เป็นแกนนำสุขภาพ
• กรุงเทพฯ : นพ.โสภณ เมฆธน รองอธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข กล่าวในการการประชุมสัมมนาเครือข่ายพระสงฆ์เพื่อการส่งเสริมสุขภาพ ว่า กรมอนามัยได้มีการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานวัดส่งเสริมสุขภาพมาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี 2547 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งในปี 2551 มีวัดที่ผ่านเกณฑ์ประเมินเป็นวัดส่งเสริมสุขภาพดีเด่น จำนวน 116 วัด และผ่านเกณฑ์ประเมินขั้นพื้นฐานของวัดส่งเสริมสุขภาพ จำนวน 343 วัด รวมทั้งสิ้น 459 วัด โดยได้รับความร่วมมือจากผู้นำฝ่ายบรรพชิต กรรมการวัด ผู้สูงอายุ ประชาชนรอบวัด เจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในการส่งเสริมให้วัดเอื้อโอกาสต่อการพัฒนาคุณภาพ ชีวิต และการจัดสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการส่งเสริมสุขภาพ โดยในปี 2552 กรมอนามัยมีเป้าหมายให้เกิดการพัฒนาเป็นวัดส่งเสริมสุขภาพของแต่ละอำเภอ อย่างน้อยอำเภอละ 1 วัด และเร่งดำเนินการขยายเครือข่ายวัดส่งเสริมสุขภาพให้กว้างขวางมากขึ้น พร้อมทั้งสนับสนุนให้พระสงฆ์เป็นแกนนำในการพัฒนาสุขภาพ ซึ่งปัจจุบันมีแกนนำพระสงฆ์ทั่วประเทศจำนวน 2,138 รูป
รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวต่อว่า วัดและพระสงฆ์ถือเป็นศูนย์รวมของชุมชนได้เป็นอย่างดี โดยกรมอนามัยได้ดำเนินการส่งเสริมให้พระสงฆ์มีบทบาทเป็นแกนนำสำคัญในการเผยแพร่ข้อมูลด้านการส่งเสริมสุขภาพร่วมกับผู้ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ เพื่อสุขภาพที่ดีของประชาชนทุกกลุ่มอายุ และเป็นเครือข่ายในการส่งเสริมสุขภาพที่ยั่งยืน เกิดแนวทางการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุระยะยาวอย่างต่อเนื่อง โดยมีกลยุทธ์ 3 ประการ คือ 1. การชี้นำ 2. การเพิ่มความรู้ ความสามารถ ทักษะ 3. การขับเคลื่อนของภาคีเครือข่ายร่วมให้เกิดผลดี และประโยชน์ที่เอื้อต่อกัน โดยพระสงฆ์จะเป็นแกนหลักดำเนินงานร่วมกับชุมชนในการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตให้ลดเสี่ยง ลดโรค ลดภาวะแทรกซ้อนของโรค และก้าวสู่วิถีชีวิตที่พอเพียง สังคมอยู่เย็นเป็นสุขร่วมกัน

กรมศิลป์เปิดกรุโชว์วัตถุโบราณ 167 ชิ้น
• กรุงเทพฯ : นายเกรียงไกร สัมปัชชลิต อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวถึงการจัดนิทรรศการพิเศษ “ศิลปะทวารวดี ต้นกำเนิดพุทธศิลป์ในประเทศไทย” ว่า จากผลสำเร็จในการนำโบราณวัตถุศิลปะทวารวดีของไทย จำนวน 149 รายการ ไปจัดแสดง ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ศิลปะเอเชียกีเมต์ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อ วันที่ 11 ก.พ.-20 มิ.ย.52 ตามแผนความร่วมมือด้านการพัฒนาพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติในประเทศไทย ระหว่างกรมศิลปากรและสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐฝรั่งเศสประจำประเทศไทย โดยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณเสด็จฯทอดพระเนตรนิทรรศการและทรงร่วมสัมมนาทางวิชาการในหัวข้อ “ศิลปะทวารวดี แง่มุมต่างๆ ด้านการวิจัยทางโบราณคดีในประเทศไทย” เมื่อวันที่ 19 มี.ค.ที่ผ่านมา กรมศิลปากรและสถานเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสเห็นควรให้มีการจัดนิทรรศการลักษณะเดียวกันนั้นในประเทศไทย เพื่อแสดงถึงสัมพันธภาพความร่วมมืออันดีทางด้านวัฒนธรรมระหว่างกันด้วย
นายสุรศักดิ์ ศรีสำอาง ผู้อำนวยการสำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กล่าวว่า ในงานนิทรรศการดังกล่าวได้รวบรวมโบราณวัตถุศิลปะทวารวดีจำนวนทั้งสิ้น 167 รายการ แบ่งเป็นโบราณวัตถุไทย ซึ่งนำกลับมาจากการแสดงที่ประเทศฝรั่งเศส จำนวน 107 รายการ และโบราณวัตถุที่มีความสำคัญซึ่งไม่ได้นำไปร่วมจัดแสดงที่ฝรั่งเศส อีกจำนวน 60 รายการ ได้แก่ ธรรมจักร ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่เด่นชัดในการแสดงถึงอารยธรรมทวารวดี และนับเป็นโบราณวัตถุที่มีความเก่าแก่อายุกว่า 1 พันปี ทั้งยังมีเอกลักษณ์เฉพาะที่สามารถขุดพบได้บริเวณลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาในดินแดนประเทศไทยเท่านั้น อย่างไรก็ตาม กรมศิลปากรยังได้จัดพิมพ์หนังสือ “ศิลปะทวารวดี ต้นกำเนิดพุทธศิลป์ในประเทศไทย” ทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ จำนวน 250 หน้า พิมพ์สี่สีตลอดเล่มสำหรับเป็นที่ระลึก โดยจำหน่ายภายในงานนิทรรศการดังกล่าวที่มีขึ้นระหว่างวันที่ 14 ส.ค.-9 ต.ค.52 โดยเปิดให้เข้าชมเวลา 09.30-16.00 น.ทุกวันพุธ-อาทิตย์ ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร กทม.

ภาครัฐและคณะสงฆ์ร่วมจัดงาน ฉลองพระชันษา 96 ปี พระสังฆราช
• นครปฐม : ดร.อำนาจ บัวศิริ ผู้อำนวยการสำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เปิดเผยภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคม เมื่อวันที่ 10 ส.ค.52 ว่า เนื่องในโอกาสที่สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงเจริญพระชันษา ครบ 8 รอบ 96 ปี ในวันที่ 3 ตุลาคม 2552 รัฐบาลได้แต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการจัดงานฉลองพระชันษา 96 ปี โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ซึ่งในการประชุมคณะกรรมการอำนวยการฯ มีมติเห็นชอบกิจกรรมเทิดพระเกียรติ ที่กำหนดจัดขึ้น ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค อย่างสมพระเกียรติ ดังนี้
ในส่วนกลาง สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ร่วมกับคณะสงฆ์ มหาวิทยาลัยสงฆ์ องค์กร มูลนิธิ ส่วนราชการ และสถานศึกษา จัดกิจกรรม ณ พุทธมณฑล ระหว่างวันที่ 29 กันยายน-3 ตุลาคม 52 ประกอบด้วยการปฏิบัติธรรมของพระสงฆ์ จำนวน 500 รูป การปฏิบัติธรรมของฆราวาส จำนวน 1,000 คน การสนทนาธรรม การอภิปรายธรรม การแสดงพระธรรมเทศนา การตักบาตรประสงฆ์ 967 รูป และการถวายสังฆทานแด่พระสงฆ์ รวมทั้งการจัดนิทรรศการเกี่ยวกับพระประวัติ พระศาสนกิจ พระเกียรติคุณ สมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราชฯ
นอกจากนี้ วัดบวรนิเวศวิหารร่วมกับคณะสงฆ์ องค์กร มูลนิธิ ส่วนราชการ และสถานศึกษา จัดกิจกรรม ณ วัดบวรนิเวศวิหาร ระหว่างวันที่ 1-31 ตุลาคม กิจกรรมที่กำหนดจัดขึ้นโดยรวมประกอบด้วย การเจริญพระพุทธมนต์ และการแสดงพระธรรมเทศนา การตักบาตร และการถวายสังฆทานแด่พระสงฆ์ การจัดนิทรรศการเกี่ยวกับพระประวัติ พระศาสนกิจ พระเกียรติคุณ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ การจัดทำหนังสือพระประวัติ พระศาสนกิจ พระเกียรติคุณ พระนิพนธ์ และการจัดทำหนังสือจดหมายเหตุจัดงานฉลองพระชันษา 96 ปี
สำหรับส่วนภูมิภาค กำหนดจัดกิจกรรม ในวันที่ 3 ตุลาคม ณ จังหวัดทุกจังหวัดและวัดทุกวัดทั่วราชอาณาจักร โดยผู้ว่าราชการจังหวัด และเจ้าคณะจังหวัดทุกจังหวัด เป็นหลักในการตัดกิจกรรมประกอบด้วย การตักบาตร การเจริญพระพุทธมนต์ การจัดปฏิบัติธรรม การฟังพระธรรมเทศนา การบรรยายธรรม การจัดนิทรรศการเกี่ยวกับพระประวัติ พระศาสนกิจ พระเกียรติคุณ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ

"พระราชินี" ทรงเปิดหอศิลป์แห่ง กทม.และนิทรรศการชุด "บารมีแห่งแผ่นดิน"
• กรุงเทพฯ : เมื่อวันที่ 19 ส.ค. สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร และนิทรรศการชุด “บารมีแห่งแผ่นดิน” ซึ่งหอศิลป์แห่งนี้กรุงเทพมหานครสร้างขึ้นตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2548 เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เนื่องในโอกาสทรงเจริญพระชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 รวมทั้งเป็นแหล่งแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทางศิลปวัฒนธรรม ระดับท้องถิ่น ระดับชาติ และระดับสากล เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนทุกเพศทุกวัย ร่วมสร้างสรรค์แสดงผลงานทางศิลปวัฒนธรรมในทุกแขนง ก่อสร้างแล้วเสร็จเมื่อเดือนพฤษภาคม 2551 เป็นอาคาร 9 ชั้น และชั้นใต้ดิน 3 ชั้น ออกแบบด้วยการผสมผสานเอกลักษณ์ความเป็นไทยและสากล ประกอบด้วยพื้นที่จัดแสดงงานศิลปะ โรงละครขนาด 220 ที่นั่ง สำหรับการแสดงละครเวที ดนตรี และภาพยนตร์ และห้องสมุดศิลปวัฒนธรรม
สำหรับนิทรรศการ ชุด“บารมีแห่งแผ่นดิน” จัดขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจนานัปการ เพื่อให้ราษฎรอยู่ดีมีสุขและมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยนำเสนอผ่านศิลปะแขนงต่างๆ อาทิ ภาพถ่าย จิตรกรรม ศิลปะการจัดวาง และการแสดงศิลปะร่วมสมัย
ในการนี้ ได้ทอดพระเนตรนิทรรศการ“ภาพของพ่อ บารมีแห่งแผ่นดิน” ซึ่งรวบรวมผลงานทัศนศิลป์ พระบรมสาทิสลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ที่หาชมได้ยาก และมีคุณค่าต่อประวัติศาสตร์ไทย จากศิลปินในสาขาทัศนศิลป์ ที่ถ่ายทอดทัศนะในความงดงามเชิงสุนทรียศิลป์ และความประทับใจของศิลปินที่มีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ประกอบด้วย “ในหลวงในชีวิตประจำวันของประชาชน” “ในหลวงในสังคม” “ในหลวงในภาพจากแหล่งต่างๆ ที่หาชมได้ยาก” “เพลงสรรเสริญพระบารมี”
จากนั้นได้ทอดพระเนตรนิทรรศการโขนพรหมมาศ ที่รวบรวมพัตราภรณ์ ศิราภรณ์ เครื่องประกอบฉาก และฉากกว่า 100 ชิ้น จากการจัดแสดงโขนชุดพรหมมาศ ที่ทรงมีพระราชเสาวนีย์ให้ฟื้นฟูโขนไทย และอนุรักษ์ไว้เป็นมรดกของแผ่นดิน ด้วยความห่วงใยว่าศิลปะด้านนี้จะสูญหายไปจากความนิยมของคนไทย และชนรุ่นหลังจะไม่รู้จักการแสดงโขน มาจัดแสดง
นอกจากนี้ ยังมีนิทรรศการชุด“ทางสายพระราชไมตรี” ที่ประมวลพระบรมฉายาลักษณ์ในโอกาสเสด็จพระราชดำเนินเยือนนานาประเทศ นิทรรศการศิลปะร่วมสมัย ที่นำเสนอผลงานและถ่ายทอดเรื่องราวของแม่และผู้หญิง ภายใต้แนวคิด“ความเงียบในเพลงกล่อม”
โดยนิทรรศการชุด“บารมีแห่งแผ่นดิน” จะจัดแสดงถึงวันที่ 11 ตุลาคม ศกนี้

"ยูเนสโก" รับรองเอกสาร 'ร.5' มรดกทรงจำโลก
• กรุงเทพฯ :นางศรีวิการ์ เมฆธวัชชัยกุล รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะรองเลขาธิการคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยยูเนสโก เปิดเผยว่า ยูเนสโกได้ประกาศรับรองให้เอกสารสำคัญทางประวัติศาสตร์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงของสยาม เป็นมรดกความทรงจำแห่งโลก ในระหว่างการประชุมคณะกรรมการที่ปรึกษาระหว่างประเทศของโครงการมรดกความทรงจำแห่งโลก(Memory of the world) ที่ประเทศบาร์เบโดส ระหว่างวันที่ 29-31 ก.ค. 2552 ตามที่คณะกรรมการว่าด้วยแผนงานมรดกความทรงจำแห่งโลก ของคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยยูเนสโก ที่มีคุณหญิง แม้นมาส ชวลิต เป็นประธาน เป็นผู้นำเสนอผ่านกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.)
“เป็นประโยชน์อย่างยิ่งที่จะส่งเสริมการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ที่ดีงามให้แก่เด็ก เป็นจุดเปลี่ยนแปลงสำคัญ ที่จะแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่มีนโยบายที่ทันสมัยตั้งแต่อดีตกาล อีกทั้งการขึ้นทะเบียนในครั้งนี้ก็จะทำให้เด็กไทยได้รู้สึกภาคภูมิใจในความเป็นไทยด้วย” นางศรีวิการ์ กล่าว
ด้านคุณหญิงแม้นมาส กล่าวว่า เอกสารดังกล่าวประกอบด้วยเอกสารการเลิกทาสและเอกสารอื่นๆ ที่แสดงให้เห็นถึงนโยบายการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ที่ส่งเสริมให้กรุงสยามดำเนินนโยบายต่างประเทศที่ทำให้ประเทศสามารถอยู่ในความสงบได้อย่างดี ได้แก่ 1.ระบบการจัดการศึกษา 2.ระบบการสาธารณสุข 3.ปรับปรุงสาธารณูปโภค ระบบการไปรษณีย์โทรเลข 4.ระบบคมนาคม การรถไฟ 5.จัดระบบการบริหารราชการ เปลี่ยนจากเวียง วัง คลัง นา เป็น 12 กระทรวง 6.การปฏิรูประบบเศรษฐกิจทั้งหมด การจัดเก็บภาษีเป็นระบบมากขึ้น และจัดตั้งกระทรวงการคลังเป็นครั้ง แรก 7.จัดระบบประปา ไฟฟ้าให้ทั่วถึง และ 8.พระอัจฉริยะของพระองค์ด้านวรรณกรรม อาทิ พระราชนิพนธ์เงาะป่า ไกลบ้าน เป็นต้น
คุณหญิงแม้นมาส กล่าวอีกว่า เอกสารต้นฉบับทั้งหมดมีจำนวน 800,000 หน้า เก็บรักษาไว้ที่หอจดหมายเหตุแห่งชาติ และหอสมุดแห่งชาติ ซึ่งเป็นเอกสารที่บ่งบอกถึงความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในประเทศไทย ทำให้ประเทศไทยสามารถสื่อสัมพันธ์กับประเทศที่เจริญแล้วได้ทั้งโลก ซึ่งเมื่อได้รับการขึ้นทะเบียนแล้ว จะต้องมีนโยบายที่ชัดเจนในการดูแล รักษา รวมทั้งพยายามเผยแพร่เอกสารไปสู่ประชาชนให้มากยิ่งขึ้นด้วย

(จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 106 กันยายน 2552 โดยมรรคา)
กำลังโหลดความคิดเห็น