xs
xsm
sm
md
lg

อริยสัจ:

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เมื่อไรเรารู้ทันความปรุงแต่ง
รู้มากเข้าๆ จนใจหมดความปรุงแต่ง
จะเห็นนิพพานเต็มบริบูรณ์อยู่ต่อหน้าต่อตานี้เอง


ครั้งที่ 042
นิพพานปรากฏเมื่อใจหมดความปรุงแต่ง

หลวงพ่อ : อาจารย์นวลสิริ จิตหนีไปแล้วนะ อาจารย์นวลสิริไปรู้ทันตรงที่ใจเคลื่อน ถลำลงไป ของอาจารย์นวลสิริต้องดูสบายๆ สบายกว่านี้อีก จงใจเกินไปนิดหนึ่งนะ

โยม : วันนี้ก็เห็นความตื่นเต้นระหว่างที่ไมค์กำลังเข้ามาว่ามันไม่เที่ยง มันขึ้นสูงสุด แล้วก็ลงมาเรื่อยๆ ตอนที่หลวงพ่อพูดเล่นค่ะ ตอนนี้ก็ดีขึ้นแต่ยังตื่นเต้นอยู่ค่ะ แล้วทุกวันก็คิดว่าทำเหมือนเดิมค่ะ แต่ละวันๆ บางวัน ก็รู้ สภาวธรรมได้เยอะ บางวันก็ไม่ค่อยรู้อะไรเลย

หลวงพ่อ : มันของไม่เที่ยงหรอก สติเองก็ไม่ใช่สิ่งที่สั่งให้เกิดได้ทุกวัน สติเกิดมามันก็เห็นสภาวะ สติไม่เกิดก็ไม่เห็นสภาวะ สติเป็นอนัตตาสั่งให้เกิดไม่ได้ ดูไปอย่างนั้นแหละ ในที่สุดเราจะเห็นเลยว่าทุกอย่างไม่ใช่ ของที่จะเอาไว้ได้ ไม่ได้เอากระทั่งสติ

โยม : มาครั้งนี้มาครั้งแรกค่ะ ยังไม่เคยปฏิบัติธรรมเลย มากับหลานชายกับ พี่สาว แต่ว่าในชีวิตปัจจุบันที่ทำงานอยู่ก็พยายามที่จะตั้งสติแล้วก็มีสมาธิพอสมควร ไม่ให้จิตมันพาไป ไม่ให้เราโกรธมาก

หลวงพ่อ : ได้อย่างนี้ก็ยังดี เราก็อยู่กับโลกได้อย่างเป็นคนดี

โยม : ไม่ให้เราอิจฉาริษยาค่ะ ก็พยายามให้มันมีน้อยที่สุดที่จะน้อยได้ สัก 2 วันแล้วพยายามทำให้หาย

หลวงพ่อ : ก็ดี ดูไป ดูไปเรื่อยๆ ก็ดี ชีวิตเราแต่ละวันๆ แต่ละปีๆ ให้มีพัฒนาการ ทางดีบ้างก็ยังดี ไม่ใช่พัฒนาการแย่ลงเรื่อยๆ นะ ดีแล้ว ค่อยทำไป เอาซีดีหลวงพ่อไปฟังเยอะๆ แล้วเราจะได้รู้วิธีปฏิบัติที่ประณีตยิ่งกว่านี้อีก การปฏิบัติธรรมไม่ใช่แค่ว่าให้โกรธ น้อยๆ หรอก อยากโกรธแค่ไหนก็โกรธได้ แต่สติรู้ทันความโกรธไม่ครอบงำจิต แยกกันอยู่สบายกว่ากันเยอะเลย จิตเป็นอิสระไม่ถูกอะไรครอบงำ

โยม : อาทิตย์ที่ผ่านมา เขาบังคับน้อยลง แต่ยังบังคับอยู่บ้าง

หลวงพ่อ : เบอร์ 51 ใจลอยไปแล้วนะ เบอร์ 25 เป็นอย่างไรบ้าง ดีแล้ว

หลวงพ่อจะประคบประหงมนักเผยแผ่ มากเป็นพิเศษ เพราะนักเผยแผ่นี้มีความสำคัญนะ เราสืบอายุศาสนาก็ได้ เราลดอายุศาสนาก็ได้ งั้นเราต้องศึกษาให้ดี ศึกษาเรื่อง การเจริญสติให้แม่นๆ สังเกตเถอะ คำสอนที่พระพุทธเจ้าทรงสอน พระองค์ไม่ได้สอนให้ นั่งท่าไหน ให้เดินท่าไหน ไม่ได้สอนว่า การหายใจมีกี่จังหวะ ไม่มีหรอก ธรรมะที่พระองค์ สอนนั้นซื่อๆ ตรงๆ เช่น กายนี้เหมือนถ้ำ จิตมาอาศัยอยู่ จิตเที่ยวไปรวดเร็ว จิตตัวมัน ผ่องใสแต่เศร้าหมองเพราะกิเลสที่จรมาพระองค์สอนให้หัดดูสภาวะทั้งหมดเลย หน้าที่เรานะให้หัดดูสภาวะจริงๆ ไปวันหนึ่ง ก็เข้าใจ อริยสัจ 4 เข้าใจธรรมะที่พระองค์บอก ที่นี้พวกเรารุ่นหลังเราลำบาก ธรรมะมันเฝือ มันเกินสิ่งที่ พระพุทธเจ้าสอนเยอะแยะเลย อาจารย์ชั้นหลังๆ ท่านชอบสอนอุบายของการปฏิบัติให้ กำหนดอย่างนี้สิ รู้ท้องทำอย่างนี้นะ เดินจงกรมมีเท่านี้จังหวะ ขยับมือมีเท่านี้จังหวะ หายใจเข้าหายใจออกมีฐาน ของลม 6 ฐาน 7 ฐาน เยอะแยะไปหมด มีคำสอนพวกนี้เต็มไปหมด จนกระทั่งเราไป ติดกับคำสอนพวกนี้ จนลืมคำสอนแท้ๆ ดั้งเดิมที่พระพุทธเจ้าสอน ให้ดูสภาวะ หัดดูสภาวะไปเถิดง่ายที่สุดเลย

ทำไมพระพุทธเจ้าไม่สอนให้เราเดินจงกรมท่านี้ๆ พระองค์สอนไม่เป็นหรืออย่างไร ที่พระองค์ไม่สอนเพราะพระองค์เห็นว่าไม่จำเป็นของเรารุ่นหลังกลับเป็นว่าต้องเดินท่านี้ถึงจะถูกต้อง เดินอย่างนี้แหละจำเป็น เรากลับข้างนะ เราจะมีความเชื่อ มีความคิดเห็น ที่เป็นของเราเอง ซึ่งไม่เหมือนกับที่พระพุทธเจ้า สอนเยอะแยะเลย พระองค์สอนธรรมะง่ายๆ เช่น พระองค์สอน อริยสัจ ฆราวาสไปหา พระองค์จะสอนอนุปุพพิกถา สอนอริยสัจ 4 หรือสอนเรื่องการปฏิบัติ สอนเรื่องสติปัฏฐาน เรื่องง่ายๆ นะ เช่นทรงสอนว่า 'ภิกษุทั้งหลาย เมื่อนั่งอยู่ก็รู้ว่านั่งอยู่' ไม่ได้มีท่านั่งนะ นั่งอยู่ รู้ว่านั่งอยู่ คำว่า 'รู้ว่านั่งอยู่' หมายถึงอะไร ก็คือรู้ว่าไอ้ที่นั่งอยู่นี่ไม่ใช่เรานะ รูปมันนั่งอยู่ รู้แค่นั้นเอง เดินอยู่ก็ 'รู้ว่าเดินอยู่' รู้ว่า อะไรเดิน รูปมันเดิน วัตถุก้อนธาตุนี้เคลื่อนไหว ไป ใจของเราอยู่ต่างหากเป็นแค่คนดูเท่านั้นเอง ไม่ได้มีท่าเดินนะพระองค์ไม่ได้สอน

ทีนี้เราไปติดคำสอนของอาจารย์ชั้นหลังๆ มา จนบางทีเราลืมเนื้อแท้ที่พระพุทธเจ้าสอนไป เนื้อแท้ที่พระพุทธเจ้าสอนนั้นง่ายๆ เวลาคนที่ฟังธรรมจากพระพุทธเจ้าเขามักจะอุทานว่า 'แจ่มแจ้งนักพระเจ้าข้า เหมือนเปิดของคว่ำให้หงาย' ไม่มีใครอุทานสักคนนะว่า 'สับสนจังพระเจ้าข้า ยาก ขั้นตอนมากพระเจ้าข้า' ไม่มี เพราะอะไร เพราะไม่มีขั้นตอน ไม่มีใครบอกยากเหลือเกินพระเจ้าข้า ก็แค่เปิดของคว่ำให้หงายมันจะยากอะไร เนี่ย เพราะเราเรียนผิดต่างหาก เราเชื่ออาจารย์มากกว่าศึกษาคำสอนของพระพุทธเจ้า มันเลยลำบาก

พระพุทธเจ้าเองก่อนจะเป็นพระพุทธเจ้าก็ทรงค้นคว้าลองผิดลองถูก ได้รับความลำบากแสนสาหัสมาแล้ว 4 อสงไขยแสนมหากัปป์ นี่เวลาเฉพาะที่ได้รับพยากรณ์ แล้วนะ รวมกับที่ไม่ได้รับพยากรณ์อีก 16 อสงไขย อันนั้นคือเวลาของการลองผิดลองถูกนั่นเอง พระองค์ลองผิดลองถูกจนได้พบ เส้นทางง่ายๆ เส้นนี้นะ ทางที่คนนึกไม่ถึง ใครๆ อยากพ้นทุกข์ก็หาทางไปแก้ ทำอย่างไร จะไม่ทุกข์ ทำอย่างไรจะมีความสุข คิดอย่าง นั้นอย่างเดียว คิดว่าทำอย่างไรจะไม่ทุกข์ ทำอย่างไรจะมีความสุข พระพุทธเจ้ากลับไม่สอนอย่างนั้น กลับทรงสอนว่าความทุกข์อยู่ตรงไหนก็รู้เข้าไปตรงนั้นเลย เข้าไปเรียนรู้มัน เราจะไม่ชอบเรียนรู้ทุกข์ เราชอบหนีทุกข์ เนี่ย มันฝืนความรู้สึก ถ้าเราเรียนรู้ทุกข์ คอยรู้กาย คอยรู้ใจ อย่าใจลอยไป ถ้าใจลอยก็รู้กายรู้ใจไม่ได้ อย่าเอาแต่เพ่งกายเพ่งใจกำหนดกาย กำหนดใจ กำหนดไว้ กายกับใจจะนิ่งๆ แข็งๆ ผิดความจริง ไม่มีไตรลักษณ์ให้ดูหรอก ปล่อยให้เขาทำงาน ให้กายทำงาน ให้กายยืนเดินนั่งนอนหายใจเข้าหายใจออกไปอย่างสบายๆ เราตามรู้ตามดูไป เห็นเลยร่างกายที่หายใจเข้าหายใจออก กระเพื่อมเข้ากระเพื่อมออกเป็นแค่วัตถุเป็นก้อนธาตุไม่ใช่ตัวเรานะ เป็นวัตถุ เห็นตัวที่หายใจเข้าหายใจออกรู้สึกไป รูปที่ตั้งอยู่นี้มีธาตุไหลเข้าไหลออกอยู่ ไม่ใช่ตัวเราหรอก

หรือดูจิตดูใจก็เห็นแต่ความไม่เที่ยงนะ จิตใจของเราทำงานทั้งวันทั้งคืนไม่เคยหยุดพักเลย จิตใจนี้ต้องลำบากตรากตรำแสนสาหัส ถูกกิเลสตัณหาผลักดันตลอดเวลาน่าอเนจอนาถใจ ถ้าเป็นคนนะตายแล้ว เหนื่อยตาย เนี่ยเราตามรู้ตามดูไปเราเห็นเลย โอ้ จิตใจนี้ไม่เที่ยงนะไม่เคยหยุดนิ่งเลย และจิตใจนี้บังคับไม่ได้ด้วย เช่น กิเลสผ่านมาหรืออารมณ์ผ่านมา จะบังคับไม่ให้จิตเข้าไปแตะนี้ทำไม่ได้นะ ทำอะไรไม่ได้สักอย่างเดียว แค่พยายามจะทำขึ้นนิดเดียวก็ทุกข์ขึ้นมาแล้ว อยากจะทำขึ้นเมื่อไรก็ทุกข์เมื่อนั้นเลย ให้เรารู้กายรู้ใจไปนะ พอรู้ทุกข์แล้ว อยากให้หายก็ให้รู้ทัน ให้ละความอยากนี้เสีย เรียกรู้ทุกข์แล้วละสมุทัยเสีย จิตไม่สงบรู้ว่าจิตไม่สงบ อยากให้สงบ รู้ทัน ละความอยากนี้เสีย ให้รู้ความฟุ้งซ่านนั้นด้วยจิตที่เป็นกลาง ไป จิตจะโลภจะโกรธจะหลงก็เหมือนๆ กัน จิตจะดีจิตจะร้ายให้รู้ไปด้วยความเป็นกลาง ถ้าเกิดยินดียินร้ายขึ้นมาก็ให้รู้ทัน ในที่สุดมันเป็นกลาง มันไม่ดิ้นรนไม่ปรุงแต่ง เราก็จะเข้าถึงนิพพานอันเป็นธรรมะที่ไม่ดิ้นรนไม่ปรุงแต่ง นี่ง่ายๆ เลยนะ

นิพพานไม่ได้อยู่ไกล นิพพานอยู่ต่อหน้าต่อตานี้เอง แต่ใจของเราไม่มีคุณภาพที่จะเห็นนิพพานเพราะใจของเราติดในความปรุงแต่ง ถ้าเมื่อไรเรารู้ทันความปรุงแต่ง รู้มากเข้าๆ จนใจหมดความปรุงแต่งนะ จะเห็นนิพพานเต็มบริบูรณ์อยู่ต่อหน้าต่อตานี้เอง ง่ายมากๆ เลยนะไม่ใช่เรื่องยาก

อาจารย์นวลสิริหนีไปคิดทราบไหม คอยรู้ไปๆ ฝึกไปนะดีแล้ว เอ้า วันนี้พูดแค่นี้ก็แล้วกันนะ หลวงพ่อเหนื่อยแล้ว

(อ่านต่อสัปดาห์หน้า/
2 ขั้นของการปฏิบัติสติปัฏฐาน)
กำลังโหลดความคิดเห็น