ราชบัณฑิตยสถานเชิญร่วมประกวดแต่งหนังสือสอนพระพุทธศาสนา
• กรุงเทพฯ : นายมานิตย์ ทองสอน รองเลขาธิการราชบัณฑิตยสถาน เปิดเผยว่า การจัดการประกวดแต่งหนังสือสอนพระพุทธศาสนาในครั้งนี้ เพื่อเป็นการร่วมปลูก ฝังค่านิยมที่ดีและถูกต้องแก่เด็ก โดยประกวดในหัวข้อ ‘ความสามัคคี’ ผลงานที่ส่งเข้าประกวด ต้องแต่งเป็นภาษา ไทย อธิบายเข้าใจง่ายต่อเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 15 ปี สามารถโน้มน้าวจิตใจเด็กหรือผู้อ่านให้เห็นคุณค่าของการประพฤติ ปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธศาสนา และเป็นสำนวนที่แต่งได้ครอบคลุมความหมายของคำว่า ‘สามัคคี’ มากที่สุด คุณสมบัติของผู้เข้าร่วมการประกวดได้แก่บุคคลทั่วไป ซึ่งส่ง เรื่องเข้าประกวดได้คนละ 1 สำนวน ชนะเลิศ อันดับที่ 1,2,3 ได้รับเงินรางวัล จำนวน 5,000, 3,000 และ 2,000 บาท ตามลำดับ ผู้สนใจสามารถติดต่อขอรับรายละเอียดเพิ่มเติมได้ ที่ราชบัณฑิตยสถาน สนามเสือป่า เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร หรือสอบถามได้ที่ โทรศัพท์ 0-2356-0466-70 ต่อ 1005, 3004 หมดเขตส่งผลงานเข้าร่วมประกวด 31 ตุลาคมนี้
สำนวนที่ชนะการประกวด ราชบัณฑิตยสถานจะนำขึ้นทูลเกล้าฯถวายเพื่อขอรับพระราชทานรางวัลจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และจัดพิมพ์เป็นหนังสือสำหรับพระราชทานในวันวิสาขบูชาต่อไป
วธ.ห้ามนำตราสัญลักษณ์ทางพระพุทธมาใช้ในเชิงพาณิชย์
• กรุงเทพฯ : นายสด แดงเอียด อธิบดีกรมการศาสนา กล่าวถึงการใช้สัญลักษณ์ทางพระพุทธศาสนาในเชิง พาณิชย์ ที่ได้รับรายงานว่า สถานประกอบการร้านนวดแผนโบราณในสาธารณรัฐเช็คนำสัญลักษณ์ไปใช้ในการประกอบธุรกิจที่ไม่เหมาะสมว่า ปัญหาเรื่องนี้มีมานานแล้ว และไม่ได้เกิดเฉพาะในต่างประเทศเท่านั้น แต่ในประเทศไทยก็พบตามโรงแรมต่างๆ หรือบริเวณท่าพระจันทร์เช่น กัน ซึ่งในเรื่องนี้ได้ตั้งคณะกรรมการพิจารณาในส่วนของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยมีความเห็นว่า ควรห้ามใช้สัญลักษณ์ทางพระพุทธศาสนา 3 สิ่งในเชิงพาณิชย์ คือ รูปพระพุทธรูป ตราธรรมจักร และพระสงฆ์ โดยทำหนังสือแจ้งให้มหาเถรสมาคมรับทราบ และร่วมกันรณรงค์ ให้ผู้ประกอบการ และประชาชน ไม่ให้นำสัญลักษณ์ทางพระพุทธศาสนามาใช้ในเชิงพาณิชย์
นอกจากนี้ กระทรวงวัฒนธรรม ยังได้จัดพิมพ์หนังสือมารยาทไทยฉบับภาษาอังกฤษ โดยได้เผยแพร่ไปยังสถานเอกอัครราชทูตไทยในต่างประเทศ และองค์การ ระหว่างประเทศ จัดทำเอกสาร 8 ภาษา เผยแพร่บนเว็บไซต์กระทรวงวัฒนธรรม อีกทั้งนำเสนอเรื่องนี้ต่อองค์การยูเนสโก้รับทราบ เพราะถือว่าเป็นองค์กรที่ส่งเสริมการ เคารพความหลากหลายทางวัฒนธรรมด้วย
เมืองรถม้าหวัง‘งดเหล้างานศพ’ครบทุกอำเภอ
• ลำปาง : นายสามารถ ลอยฟ้า รองผู้ว่าราชการ จังหวัดลำปาง เปิดเผยในระหว่างการเป็นประธานใน การเปิดตัวโครงการ ‘งดเหล้าในงานศพ’ ระยะ 2 ว่า หลังจากที่สถาบันแสนผะหญา ร่วมกับสำนักงานกอง ทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) และสำนักงานกองทุนสนุบสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้เปิดตัว โครงการดังกล่าวไปเมื่อปี 2550 โดยมีอำเภอสบปราบ เป็นอำเภอต้นแบบที่จังหวัดลำปางได้ประกาศเป็นอำเภองดเหล้าในงานศพเป็นอำเภอแรกไปแล้ว ซึ่งจากการทำงานหนึ่งปีที่ผ่านมาพบว่า พื้นที่ที่เข้าร่วมโครงการมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ละเลิกการดื่มเหล้าในงานศพ รวมถึงปลอดจากการเล่นการพนัน ทำให้ส่งผลดีต่ออำเภอต้นแบบคือลดค่าใช้จ่ายที่ฟุ่มเฟือยทางด้านพิธีกรรมและการจัดเลี้ยง ลดปัญหาทะเลาะวิวาท ลดปัญหาอาชญากรรม และปัญหา ทางด้านสุขภาพอนามัยของประชาชน ประกอบกับการมุ่งที่จะก่อให้เกิดการขับเคลื่อนผลักดันให้เกิดกระแสการจัดงานศพอย่างพอเพียง ประหยัด
จากผลสำเร็จที่ได้รับทำให้หลายพื้นที่สนใจและเข้าร่วมโครงการดังกล่าวมากขึ้น โดยขณะนี้มีแกนนำระดับอำเภอรวมทั้งสิ้น 13 อำเภอแล้วที่จะเป็นตัวแทน นำความรู้ขยายวงกลางออกไปทั่วจังหวัดลำปางและจังหวัดใกล้เคียง จังหวัดลำปางจึงชูโครงการดังกล่าว เป็นวาระของจังหวัดลำปาง และเปิดตัวโครงการในระยะที่ 2 ขึ้นเพื่อเปิดโอกาสให้ทุกแห่งที่พร้อมเข้าร่วมโครงการต่อไป โดยหวังว่าในปีนี้ทุกอำเภอของจังหวัดลำปางจะปลอดเหล้าและการพนันให้ได้
เครือข่ายสงฆ์ลุ่มน้ำโขง ใช้หลัก‘บวร’ดึงเยาวชนเข้าวัด
• นครพนม : พระมหาวรวุฒิ ปัญญาวุฒิโฑ ประธานสำนักงานเครือข่ายพระสงฆ์ลุ่มน้ำโขงเพื่อส่งเสริมศีลธรรมอำเภอเรณูนคร จังหวัดนครพนม กล่าวว่า สำนักงานเครือข่ายพระสงฆ์ลุ่มน้ำโขงเพื่อส่งเสริมศีลธรรม เป็นองค์กรอิสระที่อาสาพัฒนาเยาวชน และชุมชน โดยการปลูกจิตสำนึกในเด็กและเยาวชนให้ห่างไกลจากอบายมุข สุรา ยาเสพติด ตลอดจนเผยแผ่พระธรรมคำสอน ตามหลักบวร คือ บ้าน วัด โรงเรียน หรือสถานที่ราชการ โดยมีสำนักงานตั้งอยู่ที่อำเภอเรณูนคร จังหวัดนครพนม และมีเครือข่ายอยู่ในจังหวัดอุดรธานี หนองคาย สกลนคร นครพนม และมุกดาหาร สำหรับจังหวัดมุกดาหาร ตั้งอยู่ที่วัดศรีมงคลใต้ โดยร่วมกับสำนัก งานเขตพื้นที่การศึกษามุกดาหาร จัดการศึกษาในโรงเรียนด้วยการนำพระสงฆ์ออกบรรยายธรรม เพื่อสร้างเสริมประสบการณ์การเรียนรู้ พร้อมเสริมสร้างจิตใจให้เข้มแข็ง ป้องกันภัยยาเสพติด อบายมุข บุหรี่ สุรา ให้กับเด็กและเยาวชนในสถานศึกษาตามแผนปฏิบัติการสุขภาพจิตนักเรียนนักศึกษาปีการศึกษา 2551-2552
นอกจากนี้ ประธานสำนักงานเครือข่ายพระสงฆ์ลุ่มน้ำโขงเพื่อส่งเสริมศีลธรรม กล่าวอีกว่า ในการ ออกไปบรรยายธรรมในสถานศึกษา ได้รณรงค์ให้เด็กและเยาวชนรวมกันตั้งเป็นกลุ่มสัจจะ หนูน้อยเยาวชนคนรักวัด เพื่อให้ร่วมเป็นแกนนำชักชวนเพื่อน เข้าวัดฟังธรรมในวันเสาร์-อาทิตย์ด้วย
น่านส่งมอบตุงพระราชพิธีพระศพพระพี่นางฯ
• น่าน : นายเขมชาติ เทพไชย รองอธิบดีกรมศิลปากร พร้อมด้วย นายสมพงษ์ อนุยุทธพงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน กล่าวภายหลังส่งมอบตุง เพื่อใช้ประดับในพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ว่า ขณะนี้ทางกลุ่มทอผ้าเมืองน่านทั้ง 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มทอผ้าบ้านเก็ต อำเภอปัว กลุ่มทอผ้าบ้านหล่ายทุ่ง และกลุ่มทอผ้าบ้านทุ่งสุน อำเภอทุ่งช้าง จังหวัดน่าน ได้ดำเนินการจัดทำตุงเสร็จเรียบร้อยแล้ว จำนวน 30 ตุง มีขนาด กว้าง 50 ซม. ยาว 5 เมตร และส่งให้กรมศิลปากรคัดเลือกตุงที่ดีที่สุดให้เหลือ 20 ตุง เพื่อใช้ประดับในงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพฯ ที่ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง ส่วนอีก 10 ตุง ที่เหลือจะนำไปประดับในวันพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพฯ ที่จังหวัดน่าน โดยได้จัดให้ประชาชนวางดอกไม้จันทน์ถวายความอาลัยด้วย
ด้านนายสมเจตน์ วิมลเกษม ครู ภูมิปัญญาไทย รุ่นที่ 4 สาขาภาษาและวรรณกรรม จังหวัดน่าน กล่าวถึงความหมายและสัญลักษณ์ของลวด ลายของตุงที่เมืองน่านจัดสร้างขึ้นนั้น เป็นตุงไชย ใช้ประดับในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ โดยได้ยึดรูปแบบปรัชญาทางพระพุทธศาสนา มีความหมายโดยนัยยะคือ การประกาศชัยชนะเหนือหมู่มารของพระพุทธเจ้า สำหรับลวดลายรูปที่ปรากฏบนผืนตุง ประกอบด้วย 9 ลาย ได้แก่ รูปปราสาทห้าชั้น เป็นสัญลักษณ์แทนพระพุทธเจ้า รูปต้นไม้ดอกไม้ แทนความอุดมสมบูรณ์ของแผ่นดิน หมายถึงต้นไม้แห่งจักรวาล กิ่งก้านสาขา คือ ดินแดนสวรรค์ รูปหม้อดอก หรือหม้อปูรณคฏะ เป็นสัญลักษณ์แห่งความร่มเย็น น้ำพระทัยที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพระเมตตาของพระพุทธเจ้าที่มีต่อสัตว์โลก รวมทั้งมีลายรูปนกและหงส์ นาค หรือมังกร รูปช้าง รูปเรือ ลายขอปิ๊กขอเหลียว (ลายหวยเหวิน) ด้วย
กทม.เตรียมจัดอ่านสังวัธยายพระไตรปิฎกสากล ถวายพระพี่นางฯ
• กรุงเทพฯ : ดร.พงศ์ศักติฐ์ เสมสันต์ ปลัดกรุงเทพมหานคร เปิดเผยภายหลังประชุมเตรียมจัดพิธีอ่านสังวัธยายพระไตรปิฎกสากล เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ โดยร่วมกับกองทุนสนทนาธัมม์นำสุขในพระสังฆราชูปถัมภ์ฯ จัดขึ้นในวันที่ 15 พ.ย. 51ที่ลานคนเมือง หน้าศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เพื่อเป็น การถวายความจงรักภักดี และสำนึกในพระกรุณาธิคุณของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ที่มีต่อพสกนิกรชาวไทย อีกทั้งร่วมสืบสานพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าผ่านพระไตรปิฎกสากลให้ประชาชนชาวไทยได้ร่วมถวายเป็นพระราชกุศล
นอกจากนี้ เพื่อเปิดโอกาสให้พสกนิกรชาวไทยทั่วประเทศได้ร่วมถวายความจงรักภักดี กรุงเทพมหานครจะจัดให้มีการถ่ายทอดสดทางสถานีวิทยุโทรทัศน์เพื่อให้ประชาชน ได้รับชมไปทั่วประเทศอีกด้วย
วธ.จัดมหรสพชุดใหญ่ในพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ “พระพี่นาง”
• กรุงเทพฯ : นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) กล่าวถึงการเตรียมงานมหรสพในพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรม-หลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ว่า คณะกรรมการจัดงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพฯ ได้เตรียมความพร้อมการจัดมหรสพในงานพระราชพิธีแล้ว โดยจะจัดขึ้นที่บริเวณท้องสนามหลวง ด้านทิศเหนือ แบ่งเป็น 3 เวทีใหญ่ ประกอบด้วย การแสดงโขนรามเกียรติ์ ตอน นนทก จนถึงตอนพระรามแผลงศรทศกัณฑ์ การแสดงละคร และหุ่นของกรมศิลปากร การบรรเลงดนตรีสากลและดนตรีคลาสสิก ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ การแสดงหนังใหญ่ชุดพระนครไหว นอกจากนี้ ยังมีการแสดงนาฏยศาลา หุ่นละครเล็ก (โจหลุยส์) ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ตอนรามาอวตาร และตอนกำเนิดพระพิฆเณศ ซึ่งได้รับรางวัลจากการประกวดหุ่นโลก 2 ปีซ้อน
“มหรสพในพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพครั้ง นี้ กระทรวงยึดตามโบราณราชประเพณีปฏิบัติสืบเนื่องกันมา เพื่อถวายสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ และส่งเสด็จสู่ สวรรคาลัย รวมทั้งให้คณะการแสดงที่อยู่ในพระอุปถัมภ์ ได้แสดงความจงรักภักดีด้วย อย่างไรก็ตาม การแสดงถวาย จะเริ่มตั้งแต่เวลา 19.00 น.ของคืนวันที่ 15 พฤศจิกายน จนถึงเช้าวันที่ 16 พฤศจิกายน 2551 ประชาชนสามารถเข้าชมมหรสพได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย” ปลัด วธ.กล่าว
เตรียมบวงสรวง ‘พระมหาพิชัยราชรถ’
• กรุงเทพฯ: นายเกรียงไกร สัมปัชชลิต อธิบดีกรมศิลปากร เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการดำเนินงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ครั้งที่ 7/2551 ว่า ได้เชิญหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องมาหารือเกี่ยวกับการดำเนินงานซ้อมการเคลื่อนกระบวนราชรถ พระราชยานมาศ ราชรถน้อย และ เครื่องประกอบอื่นๆ โดยวันที่ 6 ต.ค.จะมีพิธีบวงสรวง อัญเชิญพระมหาพิชัยราชรถ ราชรถน้อย พระยานมาศ และเครื่องประกอบพิธีอื่นๆ เคลื่อนออกจากโรงราชรถมาบริเวณด้านหน้าพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร เพื่อซ้อมเคลื่อนกระบวนพระราชพิธีฯ โดยพระราชครูวามเทพมุนี หัวหน้าพราหมณ์เทวสถานโบสถ์พราหมณ์ กำหนดฤกษ์บวงสรวง เวลา 13.29 น. โดยมีนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการฝ่ายจัดสร้าง พระเมรุ สิ่งปลูกสร้างประกอบพระเมรุฯ เป็นประธาน และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมพิธี
อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวอีกว่า ขณะนี้ได้ทำทางเคลื่อนราชรถจากโรงราชรถ มายังถนนใหญ่เสร็จเรียบร้อยแล้ว ซึ่งทางคณะกรรมการฯ ประสานงานไปยังกรุงเทพมหานคร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในการจัดเส้นทางซ้อมเคลื่อนกระบวนพระราชพิธีของราชรถ ในวันที่ 12 และ 19 ตุลาคม เป็นการซ้อมใหญ่ และวันที่ 2 พฤศจิกายน เป็นวันซ้อมเหมือนจริง แต่งเครื่องแบบเหมือนกระบวน พระราชพิธี ใช้กำลังพลชักลากราชรถจำนวน 2,000 นาย รวมทั้งจัดเส้นทางเสด็จพระราชดำเนินของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ด้านพระราชครูวามเทพมุนี หัวหน้าพราหมณ์เทวสถานโบสถ์พราหมณ์ กล่าวว่า ตามราชประเพณีหลวงมาแต่โบราณต้องมีพิธีบวงสรวง โดยเลือกวันที่ 6 ตุลาคม เวลา 13.29 น. ถือเป็น ‘มหัทธโนฤกษ์’ เป็นฤกษ์มงคลเหมาะแก่การดำเนินกิจการ และช่วงเวลาดังกล่าวยังตกความหมายทรัพย์สมบัติเงินทองสำหรับพิธีบวงสรวงจัดทำบายศรีเพื่อขอความเป็นสิริมงคลจากครูบาอาจารย์ บุรพมหากษัตริยาธิราชเจ้าทุกพระองค์ ให้การดำเนินงานสำเร็จลุล่วงและราบรื่น
ศพอ.เปิดศูนย์ใหม่ทั่วประเทศกว่า 200 ศูนย์
• กรุงเทพฯ : นายสด แดงเอียด อธิบดีกรมการศาสนา กล่าวว่า จากการที่กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.)ได้มอบหมายให้กรมการศาสนา(ศน.)จัดตั้งศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์(ศพอ.)ในศาสนสถาน หน่วยงานราชการ แหล่งชุมชนและสถานพินิจ ตลอดปี 2551 ที่ผ่านมา ขณะนี้พบว่าศูนย์ดังกล่าวประสบความสำเร็จ มีเด็กและเยาวชนเข้าร่วมกิจกรรมจำนวนมาก สร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนมากขึ้น โดยพบว่า มีการเปิดศูนย์ขึ้นใหม่ทั่วประเทศอีกกว่า 200 ศูนย์ ซึ่งเด็กที่เข้าร่วมกิจกรรม เป็นเด็กตั้งแต่ชั้นประถมศึกษา นอกจากนี้กรมการศาสนายังมีการจัดประชุมคณะสงฆ์ทั่วประเทศ 18 ภาค ในการให้วัดมีส่วนร่วมจัดกิจกรรมด้านต่างๆ เพื่อให้มีความพร้อมในการเผยแผ่คำสอนในพระพุทธศาสนา และสามารถจูงใจให้เยาวชนกลับตัวเป็นคนดีคืนสู่สังคมได้ ซึ่งในปี 2552 นี้ ได้มีการจัดสรรงบประมาณให้สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเป็นผู้ดูแล สำหรับการจัดสรรงบประมาณนั้น ขึ้นอยู่กับจำนวนผู้เรียน แต่ไม่เกินศูนย์ละ 40,000 บาท โดยจะเน้นในเรื่องอุปกรณ์การเรียนการสอนเป็นหลัก
อย่างไรก็ตาม อธิบดีกรมการศาสนา กล่าวด้วยว่า ในส่วนของปัญหาที่พบคือ บางศูนย์ต้องชะลอการดำเนินการไป เกิดจากครูผู้สอนเป็นครูอาสาสมัครที่ไม่มีอัตราค่าจ้าง จึงอาจทำให้ครูหันไปประกอบอาชีพอื่น ทำให้ขาดผู้ที่มีความชำนาญงาน ซึ่งเรื่องนี้ได้มีการประสานงานกับสำนักงานวัฒนธรรมให้เข้าไปดูแลอย่างใกล้ชิดแล้ว
(จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 95 ต.ค. 51 โดยมรรคา)
• กรุงเทพฯ : นายมานิตย์ ทองสอน รองเลขาธิการราชบัณฑิตยสถาน เปิดเผยว่า การจัดการประกวดแต่งหนังสือสอนพระพุทธศาสนาในครั้งนี้ เพื่อเป็นการร่วมปลูก ฝังค่านิยมที่ดีและถูกต้องแก่เด็ก โดยประกวดในหัวข้อ ‘ความสามัคคี’ ผลงานที่ส่งเข้าประกวด ต้องแต่งเป็นภาษา ไทย อธิบายเข้าใจง่ายต่อเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 15 ปี สามารถโน้มน้าวจิตใจเด็กหรือผู้อ่านให้เห็นคุณค่าของการประพฤติ ปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธศาสนา และเป็นสำนวนที่แต่งได้ครอบคลุมความหมายของคำว่า ‘สามัคคี’ มากที่สุด คุณสมบัติของผู้เข้าร่วมการประกวดได้แก่บุคคลทั่วไป ซึ่งส่ง เรื่องเข้าประกวดได้คนละ 1 สำนวน ชนะเลิศ อันดับที่ 1,2,3 ได้รับเงินรางวัล จำนวน 5,000, 3,000 และ 2,000 บาท ตามลำดับ ผู้สนใจสามารถติดต่อขอรับรายละเอียดเพิ่มเติมได้ ที่ราชบัณฑิตยสถาน สนามเสือป่า เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร หรือสอบถามได้ที่ โทรศัพท์ 0-2356-0466-70 ต่อ 1005, 3004 หมดเขตส่งผลงานเข้าร่วมประกวด 31 ตุลาคมนี้
สำนวนที่ชนะการประกวด ราชบัณฑิตยสถานจะนำขึ้นทูลเกล้าฯถวายเพื่อขอรับพระราชทานรางวัลจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และจัดพิมพ์เป็นหนังสือสำหรับพระราชทานในวันวิสาขบูชาต่อไป
วธ.ห้ามนำตราสัญลักษณ์ทางพระพุทธมาใช้ในเชิงพาณิชย์
• กรุงเทพฯ : นายสด แดงเอียด อธิบดีกรมการศาสนา กล่าวถึงการใช้สัญลักษณ์ทางพระพุทธศาสนาในเชิง พาณิชย์ ที่ได้รับรายงานว่า สถานประกอบการร้านนวดแผนโบราณในสาธารณรัฐเช็คนำสัญลักษณ์ไปใช้ในการประกอบธุรกิจที่ไม่เหมาะสมว่า ปัญหาเรื่องนี้มีมานานแล้ว และไม่ได้เกิดเฉพาะในต่างประเทศเท่านั้น แต่ในประเทศไทยก็พบตามโรงแรมต่างๆ หรือบริเวณท่าพระจันทร์เช่น กัน ซึ่งในเรื่องนี้ได้ตั้งคณะกรรมการพิจารณาในส่วนของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยมีความเห็นว่า ควรห้ามใช้สัญลักษณ์ทางพระพุทธศาสนา 3 สิ่งในเชิงพาณิชย์ คือ รูปพระพุทธรูป ตราธรรมจักร และพระสงฆ์ โดยทำหนังสือแจ้งให้มหาเถรสมาคมรับทราบ และร่วมกันรณรงค์ ให้ผู้ประกอบการ และประชาชน ไม่ให้นำสัญลักษณ์ทางพระพุทธศาสนามาใช้ในเชิงพาณิชย์
นอกจากนี้ กระทรวงวัฒนธรรม ยังได้จัดพิมพ์หนังสือมารยาทไทยฉบับภาษาอังกฤษ โดยได้เผยแพร่ไปยังสถานเอกอัครราชทูตไทยในต่างประเทศ และองค์การ ระหว่างประเทศ จัดทำเอกสาร 8 ภาษา เผยแพร่บนเว็บไซต์กระทรวงวัฒนธรรม อีกทั้งนำเสนอเรื่องนี้ต่อองค์การยูเนสโก้รับทราบ เพราะถือว่าเป็นองค์กรที่ส่งเสริมการ เคารพความหลากหลายทางวัฒนธรรมด้วย
เมืองรถม้าหวัง‘งดเหล้างานศพ’ครบทุกอำเภอ
• ลำปาง : นายสามารถ ลอยฟ้า รองผู้ว่าราชการ จังหวัดลำปาง เปิดเผยในระหว่างการเป็นประธานใน การเปิดตัวโครงการ ‘งดเหล้าในงานศพ’ ระยะ 2 ว่า หลังจากที่สถาบันแสนผะหญา ร่วมกับสำนักงานกอง ทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) และสำนักงานกองทุนสนุบสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้เปิดตัว โครงการดังกล่าวไปเมื่อปี 2550 โดยมีอำเภอสบปราบ เป็นอำเภอต้นแบบที่จังหวัดลำปางได้ประกาศเป็นอำเภองดเหล้าในงานศพเป็นอำเภอแรกไปแล้ว ซึ่งจากการทำงานหนึ่งปีที่ผ่านมาพบว่า พื้นที่ที่เข้าร่วมโครงการมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ละเลิกการดื่มเหล้าในงานศพ รวมถึงปลอดจากการเล่นการพนัน ทำให้ส่งผลดีต่ออำเภอต้นแบบคือลดค่าใช้จ่ายที่ฟุ่มเฟือยทางด้านพิธีกรรมและการจัดเลี้ยง ลดปัญหาทะเลาะวิวาท ลดปัญหาอาชญากรรม และปัญหา ทางด้านสุขภาพอนามัยของประชาชน ประกอบกับการมุ่งที่จะก่อให้เกิดการขับเคลื่อนผลักดันให้เกิดกระแสการจัดงานศพอย่างพอเพียง ประหยัด
จากผลสำเร็จที่ได้รับทำให้หลายพื้นที่สนใจและเข้าร่วมโครงการดังกล่าวมากขึ้น โดยขณะนี้มีแกนนำระดับอำเภอรวมทั้งสิ้น 13 อำเภอแล้วที่จะเป็นตัวแทน นำความรู้ขยายวงกลางออกไปทั่วจังหวัดลำปางและจังหวัดใกล้เคียง จังหวัดลำปางจึงชูโครงการดังกล่าว เป็นวาระของจังหวัดลำปาง และเปิดตัวโครงการในระยะที่ 2 ขึ้นเพื่อเปิดโอกาสให้ทุกแห่งที่พร้อมเข้าร่วมโครงการต่อไป โดยหวังว่าในปีนี้ทุกอำเภอของจังหวัดลำปางจะปลอดเหล้าและการพนันให้ได้
เครือข่ายสงฆ์ลุ่มน้ำโขง ใช้หลัก‘บวร’ดึงเยาวชนเข้าวัด
• นครพนม : พระมหาวรวุฒิ ปัญญาวุฒิโฑ ประธานสำนักงานเครือข่ายพระสงฆ์ลุ่มน้ำโขงเพื่อส่งเสริมศีลธรรมอำเภอเรณูนคร จังหวัดนครพนม กล่าวว่า สำนักงานเครือข่ายพระสงฆ์ลุ่มน้ำโขงเพื่อส่งเสริมศีลธรรม เป็นองค์กรอิสระที่อาสาพัฒนาเยาวชน และชุมชน โดยการปลูกจิตสำนึกในเด็กและเยาวชนให้ห่างไกลจากอบายมุข สุรา ยาเสพติด ตลอดจนเผยแผ่พระธรรมคำสอน ตามหลักบวร คือ บ้าน วัด โรงเรียน หรือสถานที่ราชการ โดยมีสำนักงานตั้งอยู่ที่อำเภอเรณูนคร จังหวัดนครพนม และมีเครือข่ายอยู่ในจังหวัดอุดรธานี หนองคาย สกลนคร นครพนม และมุกดาหาร สำหรับจังหวัดมุกดาหาร ตั้งอยู่ที่วัดศรีมงคลใต้ โดยร่วมกับสำนัก งานเขตพื้นที่การศึกษามุกดาหาร จัดการศึกษาในโรงเรียนด้วยการนำพระสงฆ์ออกบรรยายธรรม เพื่อสร้างเสริมประสบการณ์การเรียนรู้ พร้อมเสริมสร้างจิตใจให้เข้มแข็ง ป้องกันภัยยาเสพติด อบายมุข บุหรี่ สุรา ให้กับเด็กและเยาวชนในสถานศึกษาตามแผนปฏิบัติการสุขภาพจิตนักเรียนนักศึกษาปีการศึกษา 2551-2552
นอกจากนี้ ประธานสำนักงานเครือข่ายพระสงฆ์ลุ่มน้ำโขงเพื่อส่งเสริมศีลธรรม กล่าวอีกว่า ในการ ออกไปบรรยายธรรมในสถานศึกษา ได้รณรงค์ให้เด็กและเยาวชนรวมกันตั้งเป็นกลุ่มสัจจะ หนูน้อยเยาวชนคนรักวัด เพื่อให้ร่วมเป็นแกนนำชักชวนเพื่อน เข้าวัดฟังธรรมในวันเสาร์-อาทิตย์ด้วย
น่านส่งมอบตุงพระราชพิธีพระศพพระพี่นางฯ
• น่าน : นายเขมชาติ เทพไชย รองอธิบดีกรมศิลปากร พร้อมด้วย นายสมพงษ์ อนุยุทธพงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน กล่าวภายหลังส่งมอบตุง เพื่อใช้ประดับในพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ว่า ขณะนี้ทางกลุ่มทอผ้าเมืองน่านทั้ง 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มทอผ้าบ้านเก็ต อำเภอปัว กลุ่มทอผ้าบ้านหล่ายทุ่ง และกลุ่มทอผ้าบ้านทุ่งสุน อำเภอทุ่งช้าง จังหวัดน่าน ได้ดำเนินการจัดทำตุงเสร็จเรียบร้อยแล้ว จำนวน 30 ตุง มีขนาด กว้าง 50 ซม. ยาว 5 เมตร และส่งให้กรมศิลปากรคัดเลือกตุงที่ดีที่สุดให้เหลือ 20 ตุง เพื่อใช้ประดับในงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพฯ ที่ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง ส่วนอีก 10 ตุง ที่เหลือจะนำไปประดับในวันพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพฯ ที่จังหวัดน่าน โดยได้จัดให้ประชาชนวางดอกไม้จันทน์ถวายความอาลัยด้วย
ด้านนายสมเจตน์ วิมลเกษม ครู ภูมิปัญญาไทย รุ่นที่ 4 สาขาภาษาและวรรณกรรม จังหวัดน่าน กล่าวถึงความหมายและสัญลักษณ์ของลวด ลายของตุงที่เมืองน่านจัดสร้างขึ้นนั้น เป็นตุงไชย ใช้ประดับในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ โดยได้ยึดรูปแบบปรัชญาทางพระพุทธศาสนา มีความหมายโดยนัยยะคือ การประกาศชัยชนะเหนือหมู่มารของพระพุทธเจ้า สำหรับลวดลายรูปที่ปรากฏบนผืนตุง ประกอบด้วย 9 ลาย ได้แก่ รูปปราสาทห้าชั้น เป็นสัญลักษณ์แทนพระพุทธเจ้า รูปต้นไม้ดอกไม้ แทนความอุดมสมบูรณ์ของแผ่นดิน หมายถึงต้นไม้แห่งจักรวาล กิ่งก้านสาขา คือ ดินแดนสวรรค์ รูปหม้อดอก หรือหม้อปูรณคฏะ เป็นสัญลักษณ์แห่งความร่มเย็น น้ำพระทัยที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพระเมตตาของพระพุทธเจ้าที่มีต่อสัตว์โลก รวมทั้งมีลายรูปนกและหงส์ นาค หรือมังกร รูปช้าง รูปเรือ ลายขอปิ๊กขอเหลียว (ลายหวยเหวิน) ด้วย
กทม.เตรียมจัดอ่านสังวัธยายพระไตรปิฎกสากล ถวายพระพี่นางฯ
• กรุงเทพฯ : ดร.พงศ์ศักติฐ์ เสมสันต์ ปลัดกรุงเทพมหานคร เปิดเผยภายหลังประชุมเตรียมจัดพิธีอ่านสังวัธยายพระไตรปิฎกสากล เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ โดยร่วมกับกองทุนสนทนาธัมม์นำสุขในพระสังฆราชูปถัมภ์ฯ จัดขึ้นในวันที่ 15 พ.ย. 51ที่ลานคนเมือง หน้าศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เพื่อเป็น การถวายความจงรักภักดี และสำนึกในพระกรุณาธิคุณของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ที่มีต่อพสกนิกรชาวไทย อีกทั้งร่วมสืบสานพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าผ่านพระไตรปิฎกสากลให้ประชาชนชาวไทยได้ร่วมถวายเป็นพระราชกุศล
นอกจากนี้ เพื่อเปิดโอกาสให้พสกนิกรชาวไทยทั่วประเทศได้ร่วมถวายความจงรักภักดี กรุงเทพมหานครจะจัดให้มีการถ่ายทอดสดทางสถานีวิทยุโทรทัศน์เพื่อให้ประชาชน ได้รับชมไปทั่วประเทศอีกด้วย
วธ.จัดมหรสพชุดใหญ่ในพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ “พระพี่นาง”
• กรุงเทพฯ : นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) กล่าวถึงการเตรียมงานมหรสพในพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรม-หลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ว่า คณะกรรมการจัดงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพฯ ได้เตรียมความพร้อมการจัดมหรสพในงานพระราชพิธีแล้ว โดยจะจัดขึ้นที่บริเวณท้องสนามหลวง ด้านทิศเหนือ แบ่งเป็น 3 เวทีใหญ่ ประกอบด้วย การแสดงโขนรามเกียรติ์ ตอน นนทก จนถึงตอนพระรามแผลงศรทศกัณฑ์ การแสดงละคร และหุ่นของกรมศิลปากร การบรรเลงดนตรีสากลและดนตรีคลาสสิก ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ การแสดงหนังใหญ่ชุดพระนครไหว นอกจากนี้ ยังมีการแสดงนาฏยศาลา หุ่นละครเล็ก (โจหลุยส์) ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ตอนรามาอวตาร และตอนกำเนิดพระพิฆเณศ ซึ่งได้รับรางวัลจากการประกวดหุ่นโลก 2 ปีซ้อน
“มหรสพในพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพครั้ง นี้ กระทรวงยึดตามโบราณราชประเพณีปฏิบัติสืบเนื่องกันมา เพื่อถวายสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ และส่งเสด็จสู่ สวรรคาลัย รวมทั้งให้คณะการแสดงที่อยู่ในพระอุปถัมภ์ ได้แสดงความจงรักภักดีด้วย อย่างไรก็ตาม การแสดงถวาย จะเริ่มตั้งแต่เวลา 19.00 น.ของคืนวันที่ 15 พฤศจิกายน จนถึงเช้าวันที่ 16 พฤศจิกายน 2551 ประชาชนสามารถเข้าชมมหรสพได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย” ปลัด วธ.กล่าว
เตรียมบวงสรวง ‘พระมหาพิชัยราชรถ’
• กรุงเทพฯ: นายเกรียงไกร สัมปัชชลิต อธิบดีกรมศิลปากร เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการดำเนินงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ครั้งที่ 7/2551 ว่า ได้เชิญหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องมาหารือเกี่ยวกับการดำเนินงานซ้อมการเคลื่อนกระบวนราชรถ พระราชยานมาศ ราชรถน้อย และ เครื่องประกอบอื่นๆ โดยวันที่ 6 ต.ค.จะมีพิธีบวงสรวง อัญเชิญพระมหาพิชัยราชรถ ราชรถน้อย พระยานมาศ และเครื่องประกอบพิธีอื่นๆ เคลื่อนออกจากโรงราชรถมาบริเวณด้านหน้าพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร เพื่อซ้อมเคลื่อนกระบวนพระราชพิธีฯ โดยพระราชครูวามเทพมุนี หัวหน้าพราหมณ์เทวสถานโบสถ์พราหมณ์ กำหนดฤกษ์บวงสรวง เวลา 13.29 น. โดยมีนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการฝ่ายจัดสร้าง พระเมรุ สิ่งปลูกสร้างประกอบพระเมรุฯ เป็นประธาน และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมพิธี
อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวอีกว่า ขณะนี้ได้ทำทางเคลื่อนราชรถจากโรงราชรถ มายังถนนใหญ่เสร็จเรียบร้อยแล้ว ซึ่งทางคณะกรรมการฯ ประสานงานไปยังกรุงเทพมหานคร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในการจัดเส้นทางซ้อมเคลื่อนกระบวนพระราชพิธีของราชรถ ในวันที่ 12 และ 19 ตุลาคม เป็นการซ้อมใหญ่ และวันที่ 2 พฤศจิกายน เป็นวันซ้อมเหมือนจริง แต่งเครื่องแบบเหมือนกระบวน พระราชพิธี ใช้กำลังพลชักลากราชรถจำนวน 2,000 นาย รวมทั้งจัดเส้นทางเสด็จพระราชดำเนินของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ด้านพระราชครูวามเทพมุนี หัวหน้าพราหมณ์เทวสถานโบสถ์พราหมณ์ กล่าวว่า ตามราชประเพณีหลวงมาแต่โบราณต้องมีพิธีบวงสรวง โดยเลือกวันที่ 6 ตุลาคม เวลา 13.29 น. ถือเป็น ‘มหัทธโนฤกษ์’ เป็นฤกษ์มงคลเหมาะแก่การดำเนินกิจการ และช่วงเวลาดังกล่าวยังตกความหมายทรัพย์สมบัติเงินทองสำหรับพิธีบวงสรวงจัดทำบายศรีเพื่อขอความเป็นสิริมงคลจากครูบาอาจารย์ บุรพมหากษัตริยาธิราชเจ้าทุกพระองค์ ให้การดำเนินงานสำเร็จลุล่วงและราบรื่น
ศพอ.เปิดศูนย์ใหม่ทั่วประเทศกว่า 200 ศูนย์
• กรุงเทพฯ : นายสด แดงเอียด อธิบดีกรมการศาสนา กล่าวว่า จากการที่กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.)ได้มอบหมายให้กรมการศาสนา(ศน.)จัดตั้งศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์(ศพอ.)ในศาสนสถาน หน่วยงานราชการ แหล่งชุมชนและสถานพินิจ ตลอดปี 2551 ที่ผ่านมา ขณะนี้พบว่าศูนย์ดังกล่าวประสบความสำเร็จ มีเด็กและเยาวชนเข้าร่วมกิจกรรมจำนวนมาก สร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนมากขึ้น โดยพบว่า มีการเปิดศูนย์ขึ้นใหม่ทั่วประเทศอีกกว่า 200 ศูนย์ ซึ่งเด็กที่เข้าร่วมกิจกรรม เป็นเด็กตั้งแต่ชั้นประถมศึกษา นอกจากนี้กรมการศาสนายังมีการจัดประชุมคณะสงฆ์ทั่วประเทศ 18 ภาค ในการให้วัดมีส่วนร่วมจัดกิจกรรมด้านต่างๆ เพื่อให้มีความพร้อมในการเผยแผ่คำสอนในพระพุทธศาสนา และสามารถจูงใจให้เยาวชนกลับตัวเป็นคนดีคืนสู่สังคมได้ ซึ่งในปี 2552 นี้ ได้มีการจัดสรรงบประมาณให้สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเป็นผู้ดูแล สำหรับการจัดสรรงบประมาณนั้น ขึ้นอยู่กับจำนวนผู้เรียน แต่ไม่เกินศูนย์ละ 40,000 บาท โดยจะเน้นในเรื่องอุปกรณ์การเรียนการสอนเป็นหลัก
อย่างไรก็ตาม อธิบดีกรมการศาสนา กล่าวด้วยว่า ในส่วนของปัญหาที่พบคือ บางศูนย์ต้องชะลอการดำเนินการไป เกิดจากครูผู้สอนเป็นครูอาสาสมัครที่ไม่มีอัตราค่าจ้าง จึงอาจทำให้ครูหันไปประกอบอาชีพอื่น ทำให้ขาดผู้ที่มีความชำนาญงาน ซึ่งเรื่องนี้ได้มีการประสานงานกับสำนักงานวัฒนธรรมให้เข้าไปดูแลอย่างใกล้ชิดแล้ว
(จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 95 ต.ค. 51 โดยมรรคา)
