ครั้งที่ 90
ตอน คุณสมบัติที่ดีของผู้ช่วยเหลือผู้ทำงานใหญ่
ดูก่อนผู้แสวงสันติวรบท! ผู้ที่จะทำงานใหญ่นั้นจะต้องมีผู้ช่วยเหลือที่ดี และผู้ช่วยที่ดีจะต้องประกอบด้วยคุณสมบัติหลายประการ เช่น เป็นผู้รู้ใจนายของตน สนองงานได้สมความต้องการ ทันต่อเวลาต่อเหตุการณ์ ให้กำลังใจแก่นายของตนในกาลที่ควรให้ โดยเฉพาะในเวลาที่การงานสำเร็จลงด้วยดี ปลอบประโลมใจเมื่อพลั้งพลาดหรือยามทุกข์ยามผิดหวัง ร่วมมืออย่างใกล้ชิดในการงานที่ชอบธรรมเพื่อความเจริญก้าวหน้าร่วมกัน และรับช่วงงานได้เมื่อนายวางมือ
พระมหาโมคคัลลานะเป็นผู้สมบูรณ์ด้วยคุณลักษณะของผู้ช่วยที่ดีเลิศของพระผู้มีพระภาคเจ้า ดังเรื่องต่อไปนี้
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ อามลกีวัน ใกล้บ้านจาตุมา สมัยนั้น ภิกษุประมาณห้าร้อยรูป มีพระสารีบุตรและ พระโมคคัลลานะเป็นหัวหน้าไปถึงจาตุมคาม เพื่อเฝ้าผู้มีพระภาค ภิกษุอาคันตุกะเหล่านั้น ปราศรัยกับภิกษุเจ้าถิ่น จัดเสนาสนะ เก็บบาตรและจีวร มีเสียงดัง พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกพระอานนท์มาถามว่า ดูก่อนอานนท์ ผู้ที่เสียงดังนั้นเป็นใคร ราวกับชาวประมงแย่งปลากันฯ
พระอานนท์ กราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ภิกษุประมาณห้าร้อย มีพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะเป็นหัวหน้า มาถึงจาตุมคามเพื่อเฝ้าพระผู้มีพระภาค ภิกษุเหล่านั้นปราศรัยกับภิกษุเจ้าถิ่น จัดเสนาสนะมีเสียงดังฯ
ดูก่อนอานนท์ ถ้าเช่นนั้น เธอจงไปเรียกพวกภิกษุมาตามคำขอของเรา พระอานนท์ทูลรับคำ แล้วจึงเข้าไปหาภิกษุเหล่านั้นถึงที่พัก ได้กล่าวกับภิกษุเหล่านั้นว่า พระศาสดาตรัสเรียกท่านทั้งหลาย ภิกษุเหล่านั้นรับคำ พระอานนท์ เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคแล้วนั่ง ณ ที่ควร
พระผู้มีพระภาคตรัสกับภิกษุเหล่านั้นว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เหตุไรพวกเธอจึงพูดเสียงดัง เหมือนชาวประมงแย่งปลากัน?
พวกภิกษุเหล่านั้นทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ภิกษุประมาณห้าร้อยมาถึงจาตุมคามเพื่อเฝ้าพระผู้มีพระภาค ปราศรัยกับภิกษุเจ้าถิ่น จัดเสนาสนะ เก็บบาตรและจีวร จึงมีเสียงดังพระเจ้าข้า
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พวกเธอจงพากันไป เราประฌามพวกเธอ พวกเธอไม่ควรอยู่ในสำนักเรา ภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระผู้มีพระภาค แล้วลุกจากอาสนะถวายบังคมพระผู้มีพระภาค ทำประทักษิณ เก็บอาสนะ ถือบาตรและจีวรออกไปฯ
สมัยนั้น พวกเจ้าศากยะชาวเมืองจาตุมา ประชุมกันอยู่ที่เรือนรับแขก ด้วยกรณียะบางอย่าง เห็นภิกษุเหล่านั้นมาแต่ไกล จึงเข้าไปหาภิกษุ แล้วกล่าวว่า ท่านทั้งหลายจะพากันไปไหนเล่าฯ
ดูก่อนผู้มีอายุทั้งหลาย ภิกษุสงฆ์ถูกพระผู้มีพระภาคประฌามแล้วฯ
ข้าแต่ท่านผู้มีอายุทั้งหลาย ถ้าเช่นนั้น ขอท่านทั้งหลายจงนั่งอยู่ครู่หนึ่ง ข้าพเจ้าทั้งหลายอาจให้พระผู้มีพระภาคทรงอดโทษได้ ภิกษุเหล่านั้นรับคำพวกเจ้าศากยะชาวเมืองจาตุมาแล้ว พวกเจ้าศากยะชาวเมืองจาตุมาเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับถวายบังคัมแล้วนั่ง ณ ที่ควร กราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอพระผู้มีพระภาคจงชื่นชมกับภิกษุสงฆ์เถิด ขอจงรับสั่งกับภิกษุสงฆ์เถิด ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ในบัดนี้ขอพระผู้มีพระภาคจงทรงอนุเคราะห์ภิกษุสงฆ์ เหมือนที่พระผู้มีพระภาคทรงอนุเคราะห์ในกาลก่อนเถิด ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ภิกษุสงฆ์หมู่นี้เป็นภิกษุผู้บวชใหม่ เพิ่งมาสู่พระธรรมวินัย เมื่อภิกษุเหล่านั้นไม่ได้เฝ้าพระผู้มีพระภาค จะมีความน้อยใจ มีความแปรปรวนไป เปรียบเหมือนพืชที่ยังอ่อน ไม่ได้น้ำ จะพึงเป็นอย่างอื่น จะพึงแปรไป หรือเปรียบเหมือนเมื่อลูกโคอ่อน ไม่เห็นแม่ จะพึงเป็นอย่างอื่น จะพึงแปรไปฉันใด ภิกษุเหล่านั้นเมื่อไม่ได้เฝ้าพระผู้มีพระภาค ก็ฉันนั้น จะพึงมีความน้อยใจ มีความแปรปรวนไป ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอพระองค์จงทรงชื่นชมกับภิกษุสงฆ์เถิด ขอจงรับสั่งกับภิกษุสงฆ์ขอพระผู้มีพระภาคทรงอนุเคราะห์ภิกษุสงฆ์เหมือนที่พระองค์ทรงอนุเคราะห์ภิกษุสงฆ์ในกาลก่อนเถิดฯ
ครั้งนั้น ท้าวสหัมบดีพรหมทราบพระพุทธดำริแห่งพระทัยของพระผู้มีพระภาค จึงหายตัวจากพรหมโลก มาปรากฏตรงพระพักตร์ของพระพุทธองค์ แล้วประฌมอัญชลีกราบทูลวิงวอนให้พระผู้มีพระภาคทรงรับสั่งกับพระภิกษุสงฆ์ โดยเปรียบด้วย ข้าวกล้าอ่อน และเปรียบพระภิกษุสงฆ์ทั้งหลายด้วยลูกโคอ่อน เช่นเดียวกับที่เจ้าศากยะชาวเมืองจาตุมาได้เปรียบแล้ว
พระผู้มีพระภาคทรงพอพระทัยในคำวิงวอนของเจ้าศากยะและท้าวสหัมบดีพรหม ภิกษุสงฆ์ทั้งหลายจึงได้เข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาค ถึงที่ประทับ ในครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคตรัสถามพระสารีบุตรว่า ดูก่อนสารีบุตร เมื่อเราประฌามภิกษุสงฆ์แล้ว เธอมีความรู้สึกอย่างไร?
พระสารีบุตรกราบทูลว่า บัดนี้พระผู้มีพระภาคทรงไม่โปรดความวุ่นวาย มีความขวนขวายน้อย แม้เราทั้งหลายก็ควรปฏิบัติเช่นนั้น
สารีบุตร เธออย่าคิดอย่างนั้น แล้วพระองค์ตรัสถามพระโมคคัลลานะในคำถามเดียวกัน
พระโมคคัลลานะกราบทูลว่า ข้าพระองค์คิดว่าบัดนี้พระผู้มีพระภาคไม่โปรดความวุ่นวาย ทรงมีความขวนขวายน้อย ข้าพระองค์และท่านสารีบุตร ควรช่วยกันปกครองภิกษุสงฆ์ในบัดนี้ฯ
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดีละ โมคคัลลานะ ความจริงเราหรือสารีบุตร หรือโมคคัลลานะเท่านั้นพึงปกครองภิกษุสงฆ์
แล้วพระองค์ได้ตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายมาตรัสว่า
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมื่อบุคคลกำลังลงน้ำจะมีภัย 4 อย่าง คือ ภัยเพราะคลื่น ภัยเพราะจระเข้ ภัยเพราะน้ำวน ภัยเพราะปลาร้าย บุคคลในโลกนี้ก็ฉันนั้น เมื่อออกบวชเป็นบรรพชิตในธรรมวินัย พึงหวังได้ว่าจะพบภัยทั้ง 4 นี้
ตอน คุณสมบัติที่ดีของผู้ช่วยเหลือผู้ทำงานใหญ่
ดูก่อนผู้แสวงสันติวรบท! ผู้ที่จะทำงานใหญ่นั้นจะต้องมีผู้ช่วยเหลือที่ดี และผู้ช่วยที่ดีจะต้องประกอบด้วยคุณสมบัติหลายประการ เช่น เป็นผู้รู้ใจนายของตน สนองงานได้สมความต้องการ ทันต่อเวลาต่อเหตุการณ์ ให้กำลังใจแก่นายของตนในกาลที่ควรให้ โดยเฉพาะในเวลาที่การงานสำเร็จลงด้วยดี ปลอบประโลมใจเมื่อพลั้งพลาดหรือยามทุกข์ยามผิดหวัง ร่วมมืออย่างใกล้ชิดในการงานที่ชอบธรรมเพื่อความเจริญก้าวหน้าร่วมกัน และรับช่วงงานได้เมื่อนายวางมือ
พระมหาโมคคัลลานะเป็นผู้สมบูรณ์ด้วยคุณลักษณะของผู้ช่วยที่ดีเลิศของพระผู้มีพระภาคเจ้า ดังเรื่องต่อไปนี้
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ อามลกีวัน ใกล้บ้านจาตุมา สมัยนั้น ภิกษุประมาณห้าร้อยรูป มีพระสารีบุตรและ พระโมคคัลลานะเป็นหัวหน้าไปถึงจาตุมคาม เพื่อเฝ้าผู้มีพระภาค ภิกษุอาคันตุกะเหล่านั้น ปราศรัยกับภิกษุเจ้าถิ่น จัดเสนาสนะ เก็บบาตรและจีวร มีเสียงดัง พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกพระอานนท์มาถามว่า ดูก่อนอานนท์ ผู้ที่เสียงดังนั้นเป็นใคร ราวกับชาวประมงแย่งปลากันฯ
พระอานนท์ กราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ภิกษุประมาณห้าร้อย มีพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะเป็นหัวหน้า มาถึงจาตุมคามเพื่อเฝ้าพระผู้มีพระภาค ภิกษุเหล่านั้นปราศรัยกับภิกษุเจ้าถิ่น จัดเสนาสนะมีเสียงดังฯ
ดูก่อนอานนท์ ถ้าเช่นนั้น เธอจงไปเรียกพวกภิกษุมาตามคำขอของเรา พระอานนท์ทูลรับคำ แล้วจึงเข้าไปหาภิกษุเหล่านั้นถึงที่พัก ได้กล่าวกับภิกษุเหล่านั้นว่า พระศาสดาตรัสเรียกท่านทั้งหลาย ภิกษุเหล่านั้นรับคำ พระอานนท์ เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคแล้วนั่ง ณ ที่ควร
พระผู้มีพระภาคตรัสกับภิกษุเหล่านั้นว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เหตุไรพวกเธอจึงพูดเสียงดัง เหมือนชาวประมงแย่งปลากัน?
พวกภิกษุเหล่านั้นทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ภิกษุประมาณห้าร้อยมาถึงจาตุมคามเพื่อเฝ้าพระผู้มีพระภาค ปราศรัยกับภิกษุเจ้าถิ่น จัดเสนาสนะ เก็บบาตรและจีวร จึงมีเสียงดังพระเจ้าข้า
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พวกเธอจงพากันไป เราประฌามพวกเธอ พวกเธอไม่ควรอยู่ในสำนักเรา ภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระผู้มีพระภาค แล้วลุกจากอาสนะถวายบังคมพระผู้มีพระภาค ทำประทักษิณ เก็บอาสนะ ถือบาตรและจีวรออกไปฯ
สมัยนั้น พวกเจ้าศากยะชาวเมืองจาตุมา ประชุมกันอยู่ที่เรือนรับแขก ด้วยกรณียะบางอย่าง เห็นภิกษุเหล่านั้นมาแต่ไกล จึงเข้าไปหาภิกษุ แล้วกล่าวว่า ท่านทั้งหลายจะพากันไปไหนเล่าฯ
ดูก่อนผู้มีอายุทั้งหลาย ภิกษุสงฆ์ถูกพระผู้มีพระภาคประฌามแล้วฯ
ข้าแต่ท่านผู้มีอายุทั้งหลาย ถ้าเช่นนั้น ขอท่านทั้งหลายจงนั่งอยู่ครู่หนึ่ง ข้าพเจ้าทั้งหลายอาจให้พระผู้มีพระภาคทรงอดโทษได้ ภิกษุเหล่านั้นรับคำพวกเจ้าศากยะชาวเมืองจาตุมาแล้ว พวกเจ้าศากยะชาวเมืองจาตุมาเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับถวายบังคัมแล้วนั่ง ณ ที่ควร กราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอพระผู้มีพระภาคจงชื่นชมกับภิกษุสงฆ์เถิด ขอจงรับสั่งกับภิกษุสงฆ์เถิด ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ในบัดนี้ขอพระผู้มีพระภาคจงทรงอนุเคราะห์ภิกษุสงฆ์ เหมือนที่พระผู้มีพระภาคทรงอนุเคราะห์ในกาลก่อนเถิด ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ภิกษุสงฆ์หมู่นี้เป็นภิกษุผู้บวชใหม่ เพิ่งมาสู่พระธรรมวินัย เมื่อภิกษุเหล่านั้นไม่ได้เฝ้าพระผู้มีพระภาค จะมีความน้อยใจ มีความแปรปรวนไป เปรียบเหมือนพืชที่ยังอ่อน ไม่ได้น้ำ จะพึงเป็นอย่างอื่น จะพึงแปรไป หรือเปรียบเหมือนเมื่อลูกโคอ่อน ไม่เห็นแม่ จะพึงเป็นอย่างอื่น จะพึงแปรไปฉันใด ภิกษุเหล่านั้นเมื่อไม่ได้เฝ้าพระผู้มีพระภาค ก็ฉันนั้น จะพึงมีความน้อยใจ มีความแปรปรวนไป ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอพระองค์จงทรงชื่นชมกับภิกษุสงฆ์เถิด ขอจงรับสั่งกับภิกษุสงฆ์ขอพระผู้มีพระภาคทรงอนุเคราะห์ภิกษุสงฆ์เหมือนที่พระองค์ทรงอนุเคราะห์ภิกษุสงฆ์ในกาลก่อนเถิดฯ
ครั้งนั้น ท้าวสหัมบดีพรหมทราบพระพุทธดำริแห่งพระทัยของพระผู้มีพระภาค จึงหายตัวจากพรหมโลก มาปรากฏตรงพระพักตร์ของพระพุทธองค์ แล้วประฌมอัญชลีกราบทูลวิงวอนให้พระผู้มีพระภาคทรงรับสั่งกับพระภิกษุสงฆ์ โดยเปรียบด้วย ข้าวกล้าอ่อน และเปรียบพระภิกษุสงฆ์ทั้งหลายด้วยลูกโคอ่อน เช่นเดียวกับที่เจ้าศากยะชาวเมืองจาตุมาได้เปรียบแล้ว
พระผู้มีพระภาคทรงพอพระทัยในคำวิงวอนของเจ้าศากยะและท้าวสหัมบดีพรหม ภิกษุสงฆ์ทั้งหลายจึงได้เข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาค ถึงที่ประทับ ในครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคตรัสถามพระสารีบุตรว่า ดูก่อนสารีบุตร เมื่อเราประฌามภิกษุสงฆ์แล้ว เธอมีความรู้สึกอย่างไร?
พระสารีบุตรกราบทูลว่า บัดนี้พระผู้มีพระภาคทรงไม่โปรดความวุ่นวาย มีความขวนขวายน้อย แม้เราทั้งหลายก็ควรปฏิบัติเช่นนั้น
สารีบุตร เธออย่าคิดอย่างนั้น แล้วพระองค์ตรัสถามพระโมคคัลลานะในคำถามเดียวกัน
พระโมคคัลลานะกราบทูลว่า ข้าพระองค์คิดว่าบัดนี้พระผู้มีพระภาคไม่โปรดความวุ่นวาย ทรงมีความขวนขวายน้อย ข้าพระองค์และท่านสารีบุตร ควรช่วยกันปกครองภิกษุสงฆ์ในบัดนี้ฯ
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดีละ โมคคัลลานะ ความจริงเราหรือสารีบุตร หรือโมคคัลลานะเท่านั้นพึงปกครองภิกษุสงฆ์
แล้วพระองค์ได้ตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายมาตรัสว่า
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมื่อบุคคลกำลังลงน้ำจะมีภัย 4 อย่าง คือ ภัยเพราะคลื่น ภัยเพราะจระเข้ ภัยเพราะน้ำวน ภัยเพราะปลาร้าย บุคคลในโลกนี้ก็ฉันนั้น เมื่อออกบวชเป็นบรรพชิตในธรรมวินัย พึงหวังได้ว่าจะพบภัยทั้ง 4 นี้