รักแท้คืออะไร
ปุจฉา : กราบหลวงปู่ที่เคารพ ผมอยากรู้ว่าความรักที่แท้จริงคืออะไร เพราะชีวิตผมที่ผ่านมา ไม่เคยพบกับความรักที่แท้จริง มีแฟนทีไรก็เลิกกันทุกที ตอนคบทีแรก ก็นึกว่าจะเป็นรักแท้ แต่ก็เลิกกัน ตอนนี้ผมยังไม่กล้ามีแฟนใหม่ แต่ผมไม่อยากอยู่คนเดียว อยากมีครอบครัว มีลูก ตอนนี้ผมก็อายุ 30 กว่าแล้ว ขอให้หลวงปู่ช่วยแนะนำด้วยครับ ว่าผมจะดูคนที่มีรักแท้ได้อย่างไร ขอบคุณมากครับ........................................................................พีรพล
วิสัชนา : ความรักแท้เกิดจากความรักที่บริสุทธิ์ รักที่คิดจะให้ รักที่จะเอื้ออาทร รักที่จะการุณ รักที่จะแบ่งปัน และรักที่จะเมตตาอนุเคราะห์ ช่วยเหลือกัน ถ้าคิดจะรักคนอื่น อันดับแรกต้องคิดรักตัวเองก่อน ต้องหาสาระให้แก่ตัวเองให้ได้ก่อน ต้องมีความรู้สึกว่าตัวเองนั้นมีดีไม่มาก มีชั่วอีกเยอะ ต้องทำให้ดีเยอะกว่าชั่ว แล้วเราก็จะรู้ว่าความรักที่แท้จริงเป็นอย่างไร ถ้าเราคิดว่าจะจ้องไปรักคนนั้นจ้องไปรักคนนี้คนโน้น แต่ตัวเราเองยังมีไม่ดีเลย เราคิดหรือว่าเขาจะรักเรา
เพราะสังคมส่วนใหญ่ก็จะบอกว่า ฉันรักเธอ เพราะเธอเป็นคนดี มีใครมั้ยที่บอกว่าฉันรักเธอเพราะเธอน่าเกลียด ก็แสดงว่าถ้าเราไม่รักตัวเราเองก่อน เราไม่พยายามปฏิเสธความชั่ว แล้วสร้างความดีให้เพิ่มขึ้น เราหรือจะเป็นที่รักของคนอื่นได้ เพราะฉะนั้นถ้าคิดจะรักคนอื่นต้องเริ่มจากการสร้างสิ่งดีมีสาระให้แก่ตนเองให้มากที่สุด แล้วเราก็จะแบ่งปันความดีมีสาระนั้นให้แก่คนอื่น และพร้อมที่จะรับความไม่ดีของคนอื่นเข้ามาแก้ไขเปลี่ยนแปลง
อานิสงส์ของการระลึกมรณานุสสติ
ปุจฉา : นมัสการพระคุณเจ้า ดิฉันมีข้อสงสัยที่พระท่านบอกบ่อยๆ ให้ทุกคนพยายามระลึกอยู่ทุกวันว่า เราจะต้องแก่ เราจะต้องเจ็บไข้ได้ป่วย เราจะต้องตาย และเรา จะต้องพลัดพรากจากสิ่งที่รักที่พอใจ เรามีกรรมเป็นของตัวเอง เลยอยากจะทราบว่าทำไมจึงต้องทำเช่นนี้ และถ้าเราระลึกอย่างนี้แล้วทุกๆวัน จะได้อานิสงส์อย่างไรหรือไม่เจ้าคะ ขอขอบพระคุณที่ช่วยวิสัชนาเจ้าค่ะ..............................................................นันท์
วิสัชนา : เป็นการเจริญมรณานุสสติ คือเจริญสติให้ปรากฏอยู่กับความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน อย่างนี้รวมแล้วเรียกว่าเป็น การเจริญกายคตานุสสติปัฏฐาน คือมีความเป็นไปในกายเป็นอารมณ์ อานิสงส์ก็คือถ้าเจริญจนกระทั่งเห็นเป็นนิพพิทาญาณคือความเบื่อหน่ายภายในกาย ก็ถึงมรรคผลนิพพานได้เหมือนกัน
เดินสายกลาง เดินอย่างไร
ปุจฉา : กราบเรียนหลวงปู่พุทธะอิสระ ผมได้ยินพระท่านสอนว่า ให้เดินทางสายกลาง คือมัชฌิมาปฏิปทา เพราะเป็นทางออกของชีวิตที่ดีที่สุดสำหรับฆารวาส แต่ผม มานั่งคิดดูว่า บางทีมันก็เป็นทางที่ยากลำบากสำหรับคนทั่วไป อย่างกระผมเอง ก็รู้สึกตัว ว่าจะทำได้ยาก เพราะหน้าที่การงาน แต่ผมก็อยากทำนะครับ เพราะรู้ว่าเป็นทางที่ดี ถ้าอย่างนี้ ผมจะทำอย่างไรดีครับ ขอหลวงปู่ช่วยชี้แนะแนวทางด้วยครับ ขอบพระคุณครับ...................................................................ธนา
วิสัชนา : อยู่แบบที่ไม่ทำร้ายตนและไม่เบียดเบียนคนอื่น เท่านี้ก็เป็นมัชฌิมาแล้ว ไม่ทำกายทุจริต คือ ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ ไม่ประพฤติผิดในกาม ไม่ทำวจีทุจริต คือ ไม่พูดเท็จ ไม่พูดส่อเสียด ไม่พูดเพ้อเจ้อ ไม่พูดคำหยาบ ไม่ทำมโนทุจริต คือ ไม่คิดพยาบาทปองร้าย ไม่คิดจะทำลายใคร เมื่อเราไม่ทำทุจริตทั้งกาย วาจา ใจ ก็หันมาทำสุจริต คือ เมตตาการุณ อนุเคราะห์เกื้อกูล มีน้ำใจ ให้อภัย ไม่เห็นแก่ตัว รักษาศีล บริจาคทาน เจริญภาวนา แผ่เมตตา ไม่ต้องไปพูดถึงว่าต้องทำข้อนั้นมากข้อนั้นเยอะ สรุปคือทำเรื่องที่ไม่เบียดเบียนตน และทำเรื่องที่ไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน
(จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 94 ก.ย. 51 โดย หลวงปู่พุทธะอิสระ วัดอ้อน้อย จ.นครปฐม)
ปุจฉา : กราบหลวงปู่ที่เคารพ ผมอยากรู้ว่าความรักที่แท้จริงคืออะไร เพราะชีวิตผมที่ผ่านมา ไม่เคยพบกับความรักที่แท้จริง มีแฟนทีไรก็เลิกกันทุกที ตอนคบทีแรก ก็นึกว่าจะเป็นรักแท้ แต่ก็เลิกกัน ตอนนี้ผมยังไม่กล้ามีแฟนใหม่ แต่ผมไม่อยากอยู่คนเดียว อยากมีครอบครัว มีลูก ตอนนี้ผมก็อายุ 30 กว่าแล้ว ขอให้หลวงปู่ช่วยแนะนำด้วยครับ ว่าผมจะดูคนที่มีรักแท้ได้อย่างไร ขอบคุณมากครับ........................................................................พีรพล
วิสัชนา : ความรักแท้เกิดจากความรักที่บริสุทธิ์ รักที่คิดจะให้ รักที่จะเอื้ออาทร รักที่จะการุณ รักที่จะแบ่งปัน และรักที่จะเมตตาอนุเคราะห์ ช่วยเหลือกัน ถ้าคิดจะรักคนอื่น อันดับแรกต้องคิดรักตัวเองก่อน ต้องหาสาระให้แก่ตัวเองให้ได้ก่อน ต้องมีความรู้สึกว่าตัวเองนั้นมีดีไม่มาก มีชั่วอีกเยอะ ต้องทำให้ดีเยอะกว่าชั่ว แล้วเราก็จะรู้ว่าความรักที่แท้จริงเป็นอย่างไร ถ้าเราคิดว่าจะจ้องไปรักคนนั้นจ้องไปรักคนนี้คนโน้น แต่ตัวเราเองยังมีไม่ดีเลย เราคิดหรือว่าเขาจะรักเรา
เพราะสังคมส่วนใหญ่ก็จะบอกว่า ฉันรักเธอ เพราะเธอเป็นคนดี มีใครมั้ยที่บอกว่าฉันรักเธอเพราะเธอน่าเกลียด ก็แสดงว่าถ้าเราไม่รักตัวเราเองก่อน เราไม่พยายามปฏิเสธความชั่ว แล้วสร้างความดีให้เพิ่มขึ้น เราหรือจะเป็นที่รักของคนอื่นได้ เพราะฉะนั้นถ้าคิดจะรักคนอื่นต้องเริ่มจากการสร้างสิ่งดีมีสาระให้แก่ตนเองให้มากที่สุด แล้วเราก็จะแบ่งปันความดีมีสาระนั้นให้แก่คนอื่น และพร้อมที่จะรับความไม่ดีของคนอื่นเข้ามาแก้ไขเปลี่ยนแปลง
อานิสงส์ของการระลึกมรณานุสสติ
ปุจฉา : นมัสการพระคุณเจ้า ดิฉันมีข้อสงสัยที่พระท่านบอกบ่อยๆ ให้ทุกคนพยายามระลึกอยู่ทุกวันว่า เราจะต้องแก่ เราจะต้องเจ็บไข้ได้ป่วย เราจะต้องตาย และเรา จะต้องพลัดพรากจากสิ่งที่รักที่พอใจ เรามีกรรมเป็นของตัวเอง เลยอยากจะทราบว่าทำไมจึงต้องทำเช่นนี้ และถ้าเราระลึกอย่างนี้แล้วทุกๆวัน จะได้อานิสงส์อย่างไรหรือไม่เจ้าคะ ขอขอบพระคุณที่ช่วยวิสัชนาเจ้าค่ะ..............................................................นันท์
วิสัชนา : เป็นการเจริญมรณานุสสติ คือเจริญสติให้ปรากฏอยู่กับความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน อย่างนี้รวมแล้วเรียกว่าเป็น การเจริญกายคตานุสสติปัฏฐาน คือมีความเป็นไปในกายเป็นอารมณ์ อานิสงส์ก็คือถ้าเจริญจนกระทั่งเห็นเป็นนิพพิทาญาณคือความเบื่อหน่ายภายในกาย ก็ถึงมรรคผลนิพพานได้เหมือนกัน
เดินสายกลาง เดินอย่างไร
ปุจฉา : กราบเรียนหลวงปู่พุทธะอิสระ ผมได้ยินพระท่านสอนว่า ให้เดินทางสายกลาง คือมัชฌิมาปฏิปทา เพราะเป็นทางออกของชีวิตที่ดีที่สุดสำหรับฆารวาส แต่ผม มานั่งคิดดูว่า บางทีมันก็เป็นทางที่ยากลำบากสำหรับคนทั่วไป อย่างกระผมเอง ก็รู้สึกตัว ว่าจะทำได้ยาก เพราะหน้าที่การงาน แต่ผมก็อยากทำนะครับ เพราะรู้ว่าเป็นทางที่ดี ถ้าอย่างนี้ ผมจะทำอย่างไรดีครับ ขอหลวงปู่ช่วยชี้แนะแนวทางด้วยครับ ขอบพระคุณครับ...................................................................ธนา
วิสัชนา : อยู่แบบที่ไม่ทำร้ายตนและไม่เบียดเบียนคนอื่น เท่านี้ก็เป็นมัชฌิมาแล้ว ไม่ทำกายทุจริต คือ ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ ไม่ประพฤติผิดในกาม ไม่ทำวจีทุจริต คือ ไม่พูดเท็จ ไม่พูดส่อเสียด ไม่พูดเพ้อเจ้อ ไม่พูดคำหยาบ ไม่ทำมโนทุจริต คือ ไม่คิดพยาบาทปองร้าย ไม่คิดจะทำลายใคร เมื่อเราไม่ทำทุจริตทั้งกาย วาจา ใจ ก็หันมาทำสุจริต คือ เมตตาการุณ อนุเคราะห์เกื้อกูล มีน้ำใจ ให้อภัย ไม่เห็นแก่ตัว รักษาศีล บริจาคทาน เจริญภาวนา แผ่เมตตา ไม่ต้องไปพูดถึงว่าต้องทำข้อนั้นมากข้อนั้นเยอะ สรุปคือทำเรื่องที่ไม่เบียดเบียนตน และทำเรื่องที่ไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน
(จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 94 ก.ย. 51 โดย หลวงปู่พุทธะอิสระ วัดอ้อน้อย จ.นครปฐม)