xs
xsm
sm
md
lg

ปุจฉา-วิสัชนา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ดูแลพ่อแต่มักทะเลาะกัน

ปุจฉา : กราบเรียนหลวงปู่ที่เคารพอย่างสูง ดิฉันติด ตามอ่านปุจฉา-วิสัชนามาตลอด คราวนี้มีเรื่อง อยากรบกวนถามหลวงปู่ค่ะ คือว่าตอนนี้ดิฉันซึ่งเป็นพี่สาวคนโต (ไม่ได้แต่งงาน) เป็นคน ดูแลคุณพ่อ ส่วนคุณแม่เสียไปนานแล้ว แต่การที่ดิฉันต้องอยู่ใกล้ชิดกับคุณพ่อตลอด ทำให้ต้องกระทบกระทั่งกันเป็นประจำ ดิฉันมักจะอารมณ์เสียบ่อยๆ คุณพ่อก็ดูเหมือนไม่ค่อยจะรักดิฉันเลย ผิดกับน้องสาวที่แต่งงานออกไปอยู่คนละบ้าน นานๆก็มาหาคุณพ่อสักที คุณพ่อก็มักจะอารมณ์ดี และดูเหมือนจะรักน้องสาวมากทำให้ดิฉันอดน้อยใจไม่ได้ ดิฉันก็เลยอยากจะเรียนถามท่านว่า ในกรณีของดิฉันที่เลี้ยงดูคุณพ่อแต่มักมีเรื่องทะเลาะกันเป็นประจำ ถ้าเปรียบเทียบกับน้องสาวที่ไม่ได้เลี้ยงดูอย่างใกล้ชิด แต่ไม่เคยมีปัญหากับคุณพ่อ อย่างไหนจะดีกว่ากันคะ ขอขอบพระคุณอย่างสูงค่ะ...............................................................................................................ธิติมา
วิสัชนา : การดูแลบุพพการี บางครั้งก็อาจจะมีการกระทบกระทั่งทางอารมณ์ ที่จริงมันก็เป็นธรรมชาติของมนุษย์ แต่คุณจงนึกว่าถ้าพ่อแม่ไม่มีความรัก ไม่มีน้ำใจ และไม่ มีการให้อภัยต่อคุณ คุณก็ไม่มีสิทธิ์มีชีวิตรอดมาถึงวันนี้ การที่คุณต้องอุปถัมภ์ดูแลพ่อ แม่ ก็จงทำใจเหมือนกับที่พ่อแม่อุปถัมภ์เลี้ยงดูคุณมาตั้งแต่ยังเล็กๆ ถ้าคิดได้อย่างนี้ คุณจะไม่กล้าไปตำหนิติว่าท่าน จำไว้ว่าไม่มีใครทำอะไรไม่ผิด ทุกคนมีสิทธิ์ผิด เหมือนกับที่พ่อแม่ให้อภัยคุณ ยามทีี่่คุณทำผิดตอนเล็กๆ พ่อแม่ไม่ได้อาฆาตพยาบาทคุณ เขา จึงเลี้ยงคุณมาจนโต แล้วถ้าคุณมีโอกาสได้เลี้ยงเขา ทำไมคุณจึงไปถือโทษโกรธเขาทำไมต้องทำให้เขาไม่สบายใจ คุณต้องคิดซะใหม่ กลับใจซะใหม่ เพราะพ่อแม่ถือว่าเป็นพรหมของบุตร เป็นสุดยอดของชีวิตเรา กว่าจะโตมาถึงวันนี้ได้ มีชีวิต มีอาชีพการงาน มีหน้าตาในสังคม ถ้าไม่ได้พ่อแม่ช่วยเหลืออนุเคราะห์การุณ เราจะมีปัญญา จนถึงวันนีี้หรือ ถ้ารู้จักคิดในมุมกลับแบบนี้คุณจะรู้จักให้อภัยและเห็นอกเห็นใจคนแก่ ซึ่งต้องการการเอาใจใส่ดูแล และต้องการความเห็นอกเห็นใจ
ถ้าเทียบกับน้องสาวคุณที่นานๆ มาหาพ่อสักครั้ง มันเทียบกันไม่ติด เหมือนคุณมีต้นไม้สองต้น ต้นหนึ่งปีหนึ่งคุณรดน้ำใส่ปุ๋ยครั้งเดียว กับอีกต้นหนึ่งดูแลรักษาใส่ปุ๋ยรดน้ำทุกวัน คุณคิดว่าต้นไม้สองต้นนี้ ต้นไหนจะโตกว่ากัน จริงแล้วพ่อแม่อยู่ใกล้ลูกก็ เป็นสุข ยิ่งถ้าอยู่ใกล้แล้วทำให้พ่อแม่สบายใจก็ยิ่งดี


ทำกรรมกับแมว

ปุจฉา : กราบหลวงปู่ที่เคารพ ดิฉันมีปัญหาขอปรึกษาหลวงปู่หน่อยค่ะ คือเมื่อ 7-8 ปีที่ผ่านมาคุณแม่ได้เลี้ยงแมวไว้ 1 ตัว อยู่มาวันหนึ่ง น้องสาวของดิฉันแกล้งเอาหนังสติ๊กไปรัดไว้ที่ขาข้างหนึ่ง แล้วลืมเอาออก นาน 1 วัน 1 คืน ปรากฏว่าที่ขาแมวมีแผลช้ำมาก จึงพาไปหาหมอ ซึ่งหมอบอกว่าต้องตัดขาแมวออก เพราะถ้าปล่อยทิ้งไว้จะเน่า ดิฉันก็ต้องทำตามที่หมอบอก ทำให้มันเหลือแค่ 3 ขา ตอนนี้น้องสาวดิฉันรู้สึกผิดมาก เลยไปบวชชีพราหมณ์ ถือศีล 8 ทำสังฆทาน ทำบุญหลายๆครั้ง เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แมวตัวนี้ ซึ่งปัจจุบันก็ยังคงเลี้ยงดูอยู่ แต่ดวงตาของแมวดูเหมือนยังคงอาฆาตอยู่ตลอดเวลาค่ะ ไม่เหมือนแมวปกติที่ขี้เล่น วิ่งไปวิ่งมา ไม่ทราบว่าน้องสาวของดิฉันจะต้องทำบุญอย่างไรถึงจะชดใช้ กรรมที่ทำกับแมวครั้งนี้ได้ ขอหลวงปู่เมตตาด้วยค่ะ...................................................................................................................นิรศา
วิสัชนา : พยายามเลี้ยงดูเขาต่อไปอย่างดี ให้ความใส่ใจ เวลาที่เขาใกล้จะหลับ พูดกรอกหูเขา ขอให้เขาช่วยอโหสิกรรมให้เรา และทุกครั้งที่เราทำบุญมาก ก็บอกเขาว่าฉันไปทำบุญมานะ ฉันแบ่งบุญให้เธอด้วย ทำอย่างนี้ทุกๆวัน แล้วความรู้สึกของเขาก็ดีขึ้น มันก็กลายเป็นการอโหสิกรรมได้บ้าง

ทำไงดี ชีวิตมีแต่ปัญหา

ปุจฉา : นมัสการหลวงปู่พุทธะอิสระ ผมอยากรู้ว่า ทำไมชีวิตของคนเราถึงต้องมีปัญหา มากมายมาให้แก้ได้ทุกวัน จบเรื่องนี้ก็มีเรื่องนั้น ปัญหาบางเรื่องก็น่าปวดหัว ไปทำงานก็เจอปัญหาในที่ทำงาน กลับมาบ้านก็เจอปัญหาที่บ้าน ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ใช่ปัญหาที่เกิดจากผมหรือเป็นปัญหาของผมโดยตรง ทำให้บางครั้งผมรู้สึกปวดหัว ไม่อยากคิดอะไร กินยาแก้ปวดแล้วก็นอนให้หลับๆไปซะ แต่พอตื่นขึ้นมาเจอปัญหาก็ปวดหัวอีก บางทีผมก็หนีไปเที่ยวไกลๆ ไม่อยากเจอะอยากเจอกับสภาพที่มีแต่ปัญหารอบตัว ผมก็รู้สึกดีขึ้น แต่พอกลับมามันก็เหมือนเดิม ผมไม่รู้ว่าจะมีวิธีไหนบ้างที่จะทำให้ชีวิตมีความสุขขึ้นบ้าง ขอขอบคุณล่วงหน้าครับที่ท่านช่วยชี้แนวทางให้ผม.......................................................................................................................วิชิต
วิสัชนา : มนุษย์เมื่อมีลมหายใจ ก็ต้องมีปัญหา คนไม่มีปัญหาคือคนตาย เพราะฉะนั้นถ้าเข้าใจความหมายของปัญหา อย่ากลัวมัน อย่าหนีมัน ทุกครั้งที่คุณเผชิญกับปัญหา ต้องเข้าใกล้มัน ไปสัมผัสจับต้องมัน และเข้าไปเรียนรู้ศึกษามัน ที่สุดเมื่อสามารถแก้มันได้ ปัญหา นั้นมันจะช่วยผลักดันจิตวิญญาณ และความรู้สึกของ คุณให้เป็นคนแกร่งและกล้า ที่จะเผชิญกับปัญหาในครั้งต่อไปได้อย่างเป็นผู้ทรนง องอาจ และสง่างาม
ตรงกันข้าม ถ้าคุณเกลียดและกลัวปัญหา แล้วพยายามที่จะหนีปัญหา ในที่สุดแม้แต่ ปัญหาของคุณก็ยอมรับมันไม่ได้ เมื่อนั้นแหละคุณจะกลายเป็นคนที่แย่มาก อ่อนแอมาก ท้อถอยมาก และเป็นที่พึ่งแก่ใครไม่ได้มาก แม้แต่ตัวคุณเองก็พึ่งตัวเองไม่ได้เลย อยากจะบอกว่า อย่าหนีปัญหา หันกลับไปดูมัน ไปศึกษามัน และหาวิธีแก้ด้วยตัวคุณเอง ถ้ายังแก้ไม่ได้ หันไปถามผู้รู้ ถามคนที่คุณคิดว่าจะ ช่วยหาวิธีแก้ปัญหานั้นๆให้คุณได้ นี่คือวิธีที่จะสร้างสรรค์ความสุขและความสำเร็จให้เกิดขึ้นในชีวิตของคุณ


(จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 97 ธ.ค. 51 โดย หลวงปู่พุทธะอิสระ วัดอ้อน้อย จ.นครปฐม)
กำลังโหลดความคิดเห็น