ขอวิธีลัดไปนิพพาน
ปุจฉา : กราบนมัสการพระคุณเจ้า ดิฉันเพิ่งจะหันมาสนใจธรรมะ เมื่ออายุขึ้นเลข 5 แล้ว ก็อาศัยฝึกปฏิบัติเองตามที่ได้อ่านมา เพราะยังไม่กล้าไปปฏิบัติธรรมที่สำนักไหน เลยมีหลายเรื่องที่ยังไม่เข้าใจ ก็ได้อ่านจากที่พระคุณเจ้าวิสัชนาในหนังสือธรรมลีลา ก็ได้ความรู้ เข้าใจง่ายดี ครั้งนี้ดิฉันมีข้อปุจฉามาถามบ้างค่ะ ข้อ1.วิธีที่จะทำให้ตนเองมีสติอยู่ตลอดเวลา หรือว่ามากที่สุด ควรทำอย่างไรคะ 2.อยากทราบว่าจะมีวิธีลัดในการปฏิบัติไหมคะ ที่จะถึงความหลุดพ้นได้เร็วที่สุด(เพราะดิฉันเริ่มอายุมากขึ้นแล้ว กลัวอยู่อีกไม่นาน) กราบขอบคุณที่ท่านกรุณาวิสัชนาให้ค่ะ...................................ปทุมทิพย์
วิสัชนา : 1. ตั้งใจ จดจ่อ และจับจ้องกับสิ่งที่คุณกำลังเป็นอยู่หรือว่าทำอยู่ในปัจจุบัน นั่นแหละคือการ ฝึกให้มีสติอยู่ตลอดเวลา
2. ทุกอย่างเป็นไปตามเหตุปัจจัยอันพร้อมมูล ปลูกต้นไม้ครั้งเดียวจากเมล็ด แล้วจะให้มันงอกออกต้นเป็นดอกเป็นผลเลยไม่ได้ มันต้องใช้เวลาสะสม ทุกคนที่จะเข้าไปสู่พระนิพพาน มันต้องมีคำว่าบารมี เหมือนกับต้นไม้ที่มันจะผลิดอกออกผลได้ มันก็ต้องมีสารอาหาร มีการสั่งสม ทุกอย่างมีเหตุปัจจัย อยู่ดีๆจะบอกขอทางลัดไม่ได้
เรื่องทุกข์กับสุข
ปุจฉา : นมัสการหลวงปู่ที่เคารพ ผมชอบอ่านที่หลวงปู่ตอบ และผมก็มีเรื่องที่อยากถามด้วย ผมจะไม่รบกวนมากหรอกครับ ผมขอถามเป็นข้อๆนะครับ 1.ชีวิตคนเราทำไมต้องมีความทุกข์ และจะมีวิธีแก้อย่างไร 2.ความสุขที่แท้จริงคืออะไร 3.คุณค่าของชีวิตคืออะไร และจะต้องทำอะไรบ้างให้เกิดคุณค่าที่แท้จริง..............................................................................กันต์
วิสัชนา : 1. มีชีวิตก็ต้องมีทุกข์ คุณไม่จำเป็นต้องให้คนอื่นทำให้คุณมีทุกข์ ตัวคุณเองก็มีทุกข์อยู่แล้ว ปวดท้องก็เป็นทุกข์ หิวก็เป็นทุกข์ เพราะฉะนั้นความทุกข์มันมีทั้งทุกข์ในและทุกข์นอก ทุกข์ของเราและทุกข์ของเขา มันไม่จำเป็นว่าคนอื่นต้องให้ทุกข์แก่ เรา บางครั้งเราก็เป็นคนสร้างความทุกข์ให้แก่ตัวเอง เราเป็นคนรับเอง และเราก็ไปบ่นว่า คนอื่นเอง สุดท้ายเราก็เป็นคนที่ทรมานเอง
วิธีแก้ทำอย่างไร ทุกข์เกิดจากการมีชีวิต ทุกข์เกิดจากการมีอวิชชา ถ้าจะแก้ทุกข์ดับทุกข์ก็ต้องสร้างวิชชา เช่น ถ้าคุณรู้ว่าปากจะเป็นเหตุให้เกิดนรก คุณก็อย่าไปทำให้ปากเป็นเหตุให้เกิดนรก คือหยุดวจีทุจริต ได้แก่ ไม่พูดเท็จ ไม่พูดส่อเสียด นินทาว่าร้าย ไม่พูดเพ้อเจ้อ ไม่พูดคำหยาบ แค่นี้สวรรค์ก็เกิดขึ้นจากปากคุณแล้ว
2. ฉลาดและสงบ นั่นแหละสุข ที่แท้จริง
3.พึ่งตัวเองได้ และเป็นที่พึ่งให้แก่คนอื่นได้
ทำบุญอย่างไรจึงจะรวย
ปุจฉา : นมัสการหลวงปู่ที่เคารพอย่างสูง ผมเคยอ่านหรือฟังที่หลวงปู่บอกว่าจงเอาชนะความโลภด้วยการให้ แต่สิ่งที่ผมเจอกับตัวก็คือพวกที่โลภมาก และชอบเอาเปรียบ (หรือว่าเอาเปรียบเพราะโลภมาก) ผมจะทำอย่างไรดีครับกับคนที่ชอบทั้งเอาเปรียบทั้งโลภมาก ผมควรจะหยุดให้ดีหรือไม่ เพราะดูเหมือนให้ไปแล้วก็ไม่หยุดโลภ อ้อ..ถามอีกข้อครับ ทำบุญอย่างไรจึงจะรวยครับ (ข้อนี้เพื่อนชอบถามบ่อย ผมก็ตอบไม่ได้) ................................................................................ณัฐพล
วิสัชนา : 1. ถ้าเจอคนเอาเปรียบก็รู้จักให้อภัย ให้น้ำใจ เพราะการให้ไม่จำเป็นต้องเป็นวัตถุสิ่งของเสมอไป บางครั้งให้น้ำใจก็เป็นการให้เหมือนกัน เอาเป็นว่า คุณเลือกให้ที่คุณสบายใจก็แล้วกัน
2. ทำบุญด้วยความยิ้มแย้มแจ่มใส ทำบุญด้วยหัวใจที่เปี่ยมไปด้วยการให้ โดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทน เพราะนอกจากเราจะรวยทรัพย์แล้ว เรายังรวยปัญญา รวยบริวาร เพราะเรามีน้ำใจ รู้จักให้อภัย ไม่เห็นแก่ตัว นั่นแหละคือความหมายของคำว่ารวยบริบูรณ์ รวยแล้วมีความสุข
(จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 98 ม.ค. 52 โดยหลวงปู่พุทธะอิสระ วัดอ้อน้อย จ.นครปฐม)
ปุจฉา : กราบนมัสการพระคุณเจ้า ดิฉันเพิ่งจะหันมาสนใจธรรมะ เมื่ออายุขึ้นเลข 5 แล้ว ก็อาศัยฝึกปฏิบัติเองตามที่ได้อ่านมา เพราะยังไม่กล้าไปปฏิบัติธรรมที่สำนักไหน เลยมีหลายเรื่องที่ยังไม่เข้าใจ ก็ได้อ่านจากที่พระคุณเจ้าวิสัชนาในหนังสือธรรมลีลา ก็ได้ความรู้ เข้าใจง่ายดี ครั้งนี้ดิฉันมีข้อปุจฉามาถามบ้างค่ะ ข้อ1.วิธีที่จะทำให้ตนเองมีสติอยู่ตลอดเวลา หรือว่ามากที่สุด ควรทำอย่างไรคะ 2.อยากทราบว่าจะมีวิธีลัดในการปฏิบัติไหมคะ ที่จะถึงความหลุดพ้นได้เร็วที่สุด(เพราะดิฉันเริ่มอายุมากขึ้นแล้ว กลัวอยู่อีกไม่นาน) กราบขอบคุณที่ท่านกรุณาวิสัชนาให้ค่ะ...................................ปทุมทิพย์
วิสัชนา : 1. ตั้งใจ จดจ่อ และจับจ้องกับสิ่งที่คุณกำลังเป็นอยู่หรือว่าทำอยู่ในปัจจุบัน นั่นแหละคือการ ฝึกให้มีสติอยู่ตลอดเวลา
2. ทุกอย่างเป็นไปตามเหตุปัจจัยอันพร้อมมูล ปลูกต้นไม้ครั้งเดียวจากเมล็ด แล้วจะให้มันงอกออกต้นเป็นดอกเป็นผลเลยไม่ได้ มันต้องใช้เวลาสะสม ทุกคนที่จะเข้าไปสู่พระนิพพาน มันต้องมีคำว่าบารมี เหมือนกับต้นไม้ที่มันจะผลิดอกออกผลได้ มันก็ต้องมีสารอาหาร มีการสั่งสม ทุกอย่างมีเหตุปัจจัย อยู่ดีๆจะบอกขอทางลัดไม่ได้
เรื่องทุกข์กับสุข
ปุจฉา : นมัสการหลวงปู่ที่เคารพ ผมชอบอ่านที่หลวงปู่ตอบ และผมก็มีเรื่องที่อยากถามด้วย ผมจะไม่รบกวนมากหรอกครับ ผมขอถามเป็นข้อๆนะครับ 1.ชีวิตคนเราทำไมต้องมีความทุกข์ และจะมีวิธีแก้อย่างไร 2.ความสุขที่แท้จริงคืออะไร 3.คุณค่าของชีวิตคืออะไร และจะต้องทำอะไรบ้างให้เกิดคุณค่าที่แท้จริง..............................................................................กันต์
วิสัชนา : 1. มีชีวิตก็ต้องมีทุกข์ คุณไม่จำเป็นต้องให้คนอื่นทำให้คุณมีทุกข์ ตัวคุณเองก็มีทุกข์อยู่แล้ว ปวดท้องก็เป็นทุกข์ หิวก็เป็นทุกข์ เพราะฉะนั้นความทุกข์มันมีทั้งทุกข์ในและทุกข์นอก ทุกข์ของเราและทุกข์ของเขา มันไม่จำเป็นว่าคนอื่นต้องให้ทุกข์แก่ เรา บางครั้งเราก็เป็นคนสร้างความทุกข์ให้แก่ตัวเอง เราเป็นคนรับเอง และเราก็ไปบ่นว่า คนอื่นเอง สุดท้ายเราก็เป็นคนที่ทรมานเอง
วิธีแก้ทำอย่างไร ทุกข์เกิดจากการมีชีวิต ทุกข์เกิดจากการมีอวิชชา ถ้าจะแก้ทุกข์ดับทุกข์ก็ต้องสร้างวิชชา เช่น ถ้าคุณรู้ว่าปากจะเป็นเหตุให้เกิดนรก คุณก็อย่าไปทำให้ปากเป็นเหตุให้เกิดนรก คือหยุดวจีทุจริต ได้แก่ ไม่พูดเท็จ ไม่พูดส่อเสียด นินทาว่าร้าย ไม่พูดเพ้อเจ้อ ไม่พูดคำหยาบ แค่นี้สวรรค์ก็เกิดขึ้นจากปากคุณแล้ว
2. ฉลาดและสงบ นั่นแหละสุข ที่แท้จริง
3.พึ่งตัวเองได้ และเป็นที่พึ่งให้แก่คนอื่นได้
ทำบุญอย่างไรจึงจะรวย
ปุจฉา : นมัสการหลวงปู่ที่เคารพอย่างสูง ผมเคยอ่านหรือฟังที่หลวงปู่บอกว่าจงเอาชนะความโลภด้วยการให้ แต่สิ่งที่ผมเจอกับตัวก็คือพวกที่โลภมาก และชอบเอาเปรียบ (หรือว่าเอาเปรียบเพราะโลภมาก) ผมจะทำอย่างไรดีครับกับคนที่ชอบทั้งเอาเปรียบทั้งโลภมาก ผมควรจะหยุดให้ดีหรือไม่ เพราะดูเหมือนให้ไปแล้วก็ไม่หยุดโลภ อ้อ..ถามอีกข้อครับ ทำบุญอย่างไรจึงจะรวยครับ (ข้อนี้เพื่อนชอบถามบ่อย ผมก็ตอบไม่ได้) ................................................................................ณัฐพล
วิสัชนา : 1. ถ้าเจอคนเอาเปรียบก็รู้จักให้อภัย ให้น้ำใจ เพราะการให้ไม่จำเป็นต้องเป็นวัตถุสิ่งของเสมอไป บางครั้งให้น้ำใจก็เป็นการให้เหมือนกัน เอาเป็นว่า คุณเลือกให้ที่คุณสบายใจก็แล้วกัน
2. ทำบุญด้วยความยิ้มแย้มแจ่มใส ทำบุญด้วยหัวใจที่เปี่ยมไปด้วยการให้ โดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทน เพราะนอกจากเราจะรวยทรัพย์แล้ว เรายังรวยปัญญา รวยบริวาร เพราะเรามีน้ำใจ รู้จักให้อภัย ไม่เห็นแก่ตัว นั่นแหละคือความหมายของคำว่ารวยบริบูรณ์ รวยแล้วมีความสุข
(จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 98 ม.ค. 52 โดยหลวงปู่พุทธะอิสระ วัดอ้อน้อย จ.นครปฐม)