xs
xsm
sm
md
lg

ปุจฉา-วิสัชนา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

กังวลแต่เรื่องร้ายๆทำไงดี

ปุจฉา : กราบหลวงปู่ที่เคารพ ดิฉันมีเรื่องขอเรียนถามหลวงปู่ค่ะ คือดิฉันเป็นคนที่โกรธ ง่าย พอโกรธแต่ละครั้งกว่าจะหายก็นาน และพอโกรธใครแล้วก็จะเก็บมาคิดมานึกกังวลไปสารพัด อย่างเคยโกรธคนข้างบ้าน ที่ชอบทำเสียงดัง ดิฉันอดทนมานาน จนทนไม่ไหว โกรธมาก เลยต่อว่าเขาไปเยอะ ตั้งแต่นั้นมาดิฉันก็รู้สึกวิตกกังวลกลัวว่า เขาจะมากลั่นแกล้งหรือมาทำอะไรกับบ้านตอนที่ดิฉันไม่อยู่บ้าน แต่ผ่านมานานก็ไม่มีอะไร=เกิดขึ้น คือดิฉันมักจะเป็นคนที่ชอบกังวลถึงเรื่องที่ยังไม่เกิดขึ้นไปทางด้านร้ายๆอยู่เรื่อย จนทำให้นอนไม่ค่อยหลับ จะมีวิธีแก้ไขอย่างไรบ้างคะ ขอขอบพระคุณหลวงปู่มากค่ะ
วรรณภา

วิสัชนา : จิตนั้นมีธรรมชาติ 3 อย่าง คือ1.กุศลจิต 2.อกุศลจิต 3.อพยากฤต แต่จะไม่พูดถึงอพยากฤตที่แปลว่าจิตเฉยๆ
จิตมนุษย์ที่ทำพูดคิดดี เพราะมีจิตเป็นกุศล มีกุศลจรเข้ามาปรุงจิต มีอารมณ์ที่เป็น บุญเป็นกุศลความฉลาดเข้ามาปรุงจิต จึงทำให้เราทำดีพูดดีคิดดี ขณะเดียวกันถ้าเราทำให้จิตนี้ครุ่นคิดแต่เรื่องไม่ดีตลอด จิตนี้ก็จะมีเหตุปัจจัยในการสร้างสิ่งไม่ดีให้กับการทำพูดคิดของเรา นอนก็จะฝันร้าย ขณะที่มีชีวิตอยู่ก็จะทุกข์ทรมาน เพราะความคิดไม่ดี พูดไม่ดี ทำไม่ดี เช่นที่คุณบอกมาว่า คิดโกรธคนข้างบ้าน นี่ก็เป็นอกุศลจิต คุณโกรธเขาเกลียดเขาแล้วก็มาวิตกกังวลจนนอนไม่หลับ อยากบอกว่ามีแต่คนโง่เท่านั้นแหละที่ทำความทุกข์ให้แก่ตัวเอง เพราะถ้าฉลาดเราจะบอกว่าโกรธคนอื่นเหมือนถ่มน้ำลายรดฟ้า เพราะน้ำลายมันจะถูกหน้าเราก่อน ความทุกข์มันจะเกิดขึ้นกับเราก่อน ก่อนที่คนถูกโกรธจะรู้สึก เพราะการที่คุณโกรธคนข้างบ้าน คุณต้องสะสมอารมณ์โกรธอยู่หลายวันหรือหลายชั่วโมง ครุ่นคิดอยู่นาน ต้องเตรียมตัวโกรธ สมัครใจโกรธ หลายนาทีกว่าที่จะออกปากด่าเขา แต่คนข้างบ้านเขาไม่รู้ ถ้าสมมติว่าเขาจะโกรธ ก็เพิ่งจะโกรธได้แค่ไม่กี่นาทีตอนคุณด่า แสดงว่าเราต้องทุกข์มากกว่าคนที่โดนด่า ถ้าคิดอย่างนี้แล้ว จะไปหาความทุกข์ใส่ชีวิตเราทำไม
ทำให้โกรธมันน้อยลง โลภมันน้อยลง หลงมันน้อยลง ชีวิตจะได้มีความสุขขึ้น

สามีกับพี่น้องระหองระแหง

ปุจฉา : นมัสการหลวงปู่พุทธะอิสระที่เคารพ อย่างสูง ดิฉันชอบอ่านปุจฉา-วิสัชนามาก ค่ะ ครั้งนี้ดิฉันก็มีเรื่องขอรบกวนเรียนปุจฉาหลวงปู่ เพราะกลุ้มใจมาก ไม่รู้จะพึ่งใครดี ไม่รู้ว่าจะแก้ไข ปัญหาอย่างไร เลยต้องขอพึ่งบารมีของหลวงปู่ช่วยวิสัชนาให้เห็นทาง ออกด้วยค่ะ
ดิฉันแต่งงานมาได้เกือบ 5 ปีแล้ว มีลูกชายคนเดียว แต่งงานเมื่ออายุเกือบ 40 แล้ว สามีแก่กว่า 7 ปี ปัญหาก็คือ สามีกับญาติพี่น้องของดิฉัน ไม่ค่อยลงรอยกัน จริงๆแล้วสามีของดิฉันก็เป็นคนดี รักลูกรักเมีย ส่วนพี่น้องของดิฉันเขาก็ดีต่อดิฉันมาก ตอนแต่งงานเขาก็ไม่ได้ขัดขวางอะไร ดิฉันเองก็ไม่ได้สังเกตว่าเขาไม่พอใจอะไรกันตั้งแต่เมื่อไหร่ ซึ่งเรื่องนี้ทำให้ดิฉันในฐานะคนกลางไม่สบายใจมาก ไหนจะสามี ไหนจะพี่น้อง คุยกับพี่น้องเขาก็จะว่าสามี ตอนคุยกับสามีเขาก็จะว่าพี่น้องดิฉัน ไม่ทราบว่าดิฉันควรจะปฏิบัติตัวอย่างไรดีคะ
ปิยพร

วิสัชนา : วิธีที่ดีที่สุดคือทำใจให้เหมือนแม่น้ำและแผ่นดิน ทำใจดั่งแผ่นดินคือหนัก แน่น อย่าโยกโคลนสั่นคลอน คืออย่าเอาความข้างนี้ไปพูดให้กับความข้างโน้น ทำใจดั่งแม่น้ำคือช่วยชำระความโกรธ ความอาฆาตพยาบาทในใจของกันและกันทั้งสองฝ่าย ให้เข้ากันประสานกัน เมื่อเขาพูดว่าฝั่งโน้นไม่ดี เราก็พยายามพูดแก้ต่างให้ เพื่อทำให้เขาสบายใจ พูดให้เขารู้สึกผ่อนคลายทั้งสองฝ่าย ถ้าทำได้อย่างนี้คุณก็เป็นบุญแล้ว ทำให้คนที่เขาเกลียดกัน รักกัน ทำให้คนที่เขาไม่ชอบใจกัน รักกันดีกัน เท่ากับคุณสร้างบารมีธรรม สร้างความเป็นผู้นำในชีวิต เพราะฉะนั้นทำใจดั่งน้ำและแผ่นดินจะเป็นคุณสมบัติที่คุณจะช่วยสร้างสัมพันธภาพให้เกิดขึ้นระหว่างคนทั้งสองฝ่ายได้

ตายแบบมีสติกับไม่มีสติ

ปุจฉา : นมัสการหลวงปู่ที่เคารพ ผมมีปัญหาขอถามหลวงปู่เรื่องหนึ่ง คือคนที่กำลังจะตายแต่สติสัมปชัญญะยังดี แตกต่างอย่างไรกับคนที่กำลังจะตายแต่สติสัมปชัญญะไม่ดี คือจำอะไรไม่ได้ แม้บุญหรือบาปที่เคยกระทำไว้ เพราะเท่าที่ผมเคยรู้คือถ้าคิดดีก่อนตายก็ไปดี ไม่รู้ใช่หรือเปล่า ขอบคุณครับ
ธนโชติ

วิสัชนา : กรรมมันให้ผลทั้งขณะมีชีวิตอยู่ หลังมีชีวิตอยู่ แม้กระทั่งกำลังจะวายชนม์ ก็เป็นการส่งผลของกรรมชนิดหนึ่ง
ทำไมบางคนมีสติรู้ชัดจนถึงวันสุดท้ายแห่งความตาย ทำไมบางคนนี้จึงมัวเมา ประมาท ขาดสติ โวยวาย ตีโพยตีพายจนกระทั่งนาทีสุดท้ายของชีวิต ก็เพราะอำนาจของกรรมของแต่ละคนทำมาไม่เท่ากัน
พวกโวยวายต้องไปทุคติ ไปเป็นสัตว์เดรัจฉาน เปรต อสุรกาย ส่วนพวกที่สงบมี สันติสุข ก็ไปสู่สุคติ

(จาก ธรรมลีลา ฉบับที่ 104 กรกฎาคม 2552 โดยหลวงปู่พุทธะอิสระ วัดอ้อน้อย จ.นครปฐม)
กำลังโหลดความคิดเห็น