หญิงสาววัย 30 ต้นๆทายาทตระกูลดัง ซึ่งบุกเบิกห้างสรรพสินค้าระดับตำนานอย่างซีคอนสแควร์ ‘ภัทริน ซอโสตถิกุล’ หรือ ‘แป้ง’ ผู้บริหารบริษัทรีโนวา ซึ่งโชคดี ได้มีโอกาสทำในสิ่งที่เธอรัก และมีความสุขกับการงาน ทั้งทางโลกและทางธรรม
เพราะวันนี้เธอใช้เวลาส่วนหนึ่งของชีวิต ทุ่มเทให้งานทางธรรม ในรูปแบบของสื่อที่สามารถเข้าถึงคนรุ่นใหม่ได้ง่ายขึ้น ซึ่งเธอบอกว่า เป็นความสุขที่ได้ส่งต่อคำตอบของชีวิตจากสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบเมื่อ 2,500 กว่าปีก่อน
ตัวตนของภัทรินเป็นอย่างไร เหตุใดเธอจึงสนใจใฝ่หาธรรมะมาเป็นอาภรณ์ประดับกายใจ และเผื่อแผ่ไปยังผู้คนรอบข้างด้วยใจอารี
‘ห้องสนทนา’ ครั้งนี้ มีคำตอบจากเธอค่ะ
• ตั้งแต่เล็กจนโต คุณแป้งได้รับการเลี้ยงดูมาอย่างไรคะ
แป้งจะเป็นน้องคนสุดท้อง ในจำนวนพี่น้อง 4 คน ที่บ้านก็เลี้ยงดูมาอย่างเรียบง่าย คุณแม่จะพยายามสอนให้ทุกคนรู้จักหน้าที่ของตัวเองและทำหน้าที่ให้อย่างสมบูรณ์ คือ สามารถช่วยตัวเองได้ในสถานการณ์ต่างๆ ท่านสอนเรื่องของการอดทน การที่ไม่ฟุ้งเฟ้อ ซึ่งก็เป็นตัวเราด้วย เพราะชอบอะไรง่ายๆ อยู่ได้ทุกสถานการณ์ ไม่จำเป็นต้องติดหรู หรือใช้ของแบรนด์เนม ซึ่งสิ่งที่เราสัมผัสได้ว่าท่านเน้นเป็นหลัก คือ การทำหน้าที่ของตนเอง เรามีหน้าที่อย่างไร ก็ให้ทำหน้าที่นั้น ต้องให้เกียรติผู้อื่น สามารถช่วยเหลือผู้อื่น ถ้าเรามีโอกาสและสามารถทำได้ เป็นความสุขที่สร้างขึ้นได้ด้วยตัวเอง เป็นความสุขอย่างง่ายๆ ซึ่งคุณพ่อคุณแม่มีส่วนสำคัญในการบ่มเพาะเรา
• แสดงว่าคุณพ่อคุณแม่ปลูกฝังเรื่องธรรมะมาตั้งแต่เล็ก
คิดว่าเป็นอย่างนั้นนะคะ คุณพ่อจะชอบพาไปที่วัด คุณแม่จะนั่งสมาธิ เดินจงกรม เป็นภาพที่เห็นทุกวัน มีหนังสือธรรมะอยู่ที่บ้าน ซึมซับเข้ามา แต่ตอนเด็กๆ อาจจะไม่เข้าใจ หรือลึกซึ้งอะไร ตรงนั้นคงเป็นจุดที่มาสัมผัสตอนโตมากกว่าค่ะ
แป้งจะเคยมีคำถามกับตัวเองสมัยตอนเรียน ตั้งแต่ชั้นมัธยม คือ อยู่ดีๆก็คิดว่าคนเราเกิดมาทำไม เห็นรูปแบบชีวิตของคนรอบข้าง ว่า เมื่อเด็กก็เรียนหนังสือ เรียนจบก็มีครอบครัว พอถึงวัยผู้ใหญ่ก็เลี้ยงหลาน จากนั้นก็เริ่มเจ็บ ไข้ ป่วย และในที่สุดก็ต้องจากไปเลย เหมือนกับมีคำถามขึ้นมาว่า จริงๆแล้วคนเราเกิดมาทำไม มันมีอะไรมากกว่านั้นมั้ย ซึ่งเป็นคำถามที่ค้างในใจ และยังไม่ได้รับคำตอบ
พอโตขึ้นมาก็เริ่มรู้สึกว่าชีวิตวุ่นวาย รู้สึกเหนื่อย และอยากหาคำตอบนั้น จากสิ่งที่เราเคยถามว่าคนเราเกิดมาทำไม เลยลองปฏิบัติธรรม และรู้ว่ามันดี รู้ว่าทำแล้วสงบ แต่ก็ไม่ได้อะไรมากมาย จนเมื่อเริ่มทำงานแล้ว และอยาก จะหาคำตอบนี้อีก จึงปฏิบัติธรรมอีกครั้ง จำได้ว่าตอนนั้นไปด้วยความตั้งใจและอยากค้นหาคำตอบจริงๆ และก็ได้รับคำตอบ ซึ่งเป็นคำตอบที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบ เมื่อ 2,500 กว่าปีก่อน
• แล้วสิ่งที่คิดว่าเป็นคำตอบของชีวิต ซึ่งได้จากการปฏิบัติธรรมครั้งนั้น คืออะไรคะ
คือคนเราเกิดมามีทั้งสุขและทุกข์ แต่จริงๆแล้ว ทุกข์มากกว่าสุข สุข คือ ทุกข์น้อย ซึ่งสาเหตุจริงๆ ที่ทุกข์ เพราะว่าคนเรามีกายกับใจ ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดทุกข์ ทั้งสองสิ่งนี้เป็นอะไรที่ไม่เที่ยง การที่เราอยากจะมีความสุข ซึ่งเป็นความต้องการพื้นฐาน ก็คือเราต้องลดทุกข์ ซึ่งต้องกลับมาดูว่า สาเหตุของการเกิดทุกข์คืออะไร ก็คือการที่เรามีกิเลส ความโลภ ความโกรธ ความหลง หากเราสามารถทำให้ทั้ง 3 สิ่งลดลง ก็จะทำให้เราทุกข์น้อยลง
วิธีการลดกิเลส ในแง่ของการทำเหตุ ก็คือ การทำบุญ ซึ่งแบ่งเป็น 3 อย่างค่ะ คือการรักษาศีล ก็เป็นการลดกิเลส ที่ไม่ทำให้ผู้อื่นเป็นทุกข์ การให้ทาน คือ การให้ผู้อื่นเป็นสุข แล้วก็ภาวนา ก็คือ การลดกิเลสทางตรง ด้วยการลดความโลภ ความโกรธ ความหลง โดยการมีสติรู้ ซึ่งทำให้เวลาที่เรารู้ว่าเรากำลังโกรธใคร ความโกรธตรงนั้น ก็จะไม่เที่ยงเหมือนกัน แล้วก็จะค่อยหายไป คือเหมือนกับเราไม่ไปปรุงแต่งต่อ
แต่ถ้าเมื่อไหร่ก็ตามที่เราขาดสติ เราก็จะปล่อยให้ความโกรธตรงนั้น เข้ามาปรุงแต่งต่อ และอาจจะเผลอไปทำร้ายผู้อื่นด้วยกาย วาจา ใจ ซึ่งตรงนี้ จะเป็นคอนเซ็ปต์หลัก ลดกิเลส ด้วยการสร้างบุญ รักษาศีล ทาน ภาวนา ซึ่งตรงนี้แหละ คือ คำตอบของการเกิดที่เราได้รับ
• หลังทราบคำตอบแล้ว ได้นำมาขยายความเข้าใจให้ตัวเอง อย่างไรบ้างคะ
เมื่อพบว่ามาจาก 3 อย่างนี้ แป้งก็เรียกขึ้นมาเองว่าเป็น ‘บัญชีบุญ’ ทั้ง ศีล ทาน ภาวนา คือ สิ่งที่เป็นงานสำคัญของการตอบโจทย์ของการสร้างสุข ลดกิเลส แล้วถ้าวันใดที่เราลดกิเลสจนไม่มีแล้ว เราก็ไม่ต้องเกิด เหมือนที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ หมายความว่า ในการเดินทางไป ถึงนิพพาน ซึ่งท่านก็ชี้แนวทางไว้แล้ว และสอนให้ชาวพุทธ เดินไปในเส้นทางนี้
ทั้งหมดนี้ เป็นสิ่งที่แป้งได้สัมผัส ซึ่งเมื่อมาเจอตรงนี้แล้ว ทำให้แป้งเปลี่ยนแกนในชีวิตใหม่ แทนที่สมัยก่อนจะมีแต่งานทางโลก แป้งก็มาคิดว่า โอเคชีวิตเราจะเปลี่ยน แล้ว จะทำสองสิ่งนี้ ทั้งงานทางโลกและงานทางธรรมเกี่ยว กับ ศีล ทาน ภาวนา ไปพร้อมๆกัน จำได้ว่า ตอนนั้นอายุ 26 ปี ถึงตอนนี้ก็ประมาณ 4 ปีกว่าแล้วค่ะ
• แล้วการคิดทำสื่อธรรมะ เริ่มจากจุดไหนคะ
อาจจะเป็นจุดที่เมื่อเราได้พบในสิ่งที่มีค่า ก็อยากที่จะแบ่งปันให้กับคนอื่น ให้คนที่เรารัก หรือคนใกล้ตัว ซึ่งเป็นที่มาของการทำวีซีดีสวดมนต์คาราโอเกะ ซึ่งคิดว่ามันน่าจะเหมาะกับคนรุ่นใหม่ จึงเลือกใช้สื่อที่เข้าถึงคนกลุ่มนี้ เพราะส่วนใหญ่จะยังจำคำสวดไม่ได้ เลยคิดว่าอาจจะดีนะ ถ้าทำอะไรที่เหมาะกับคนรุ่นใหม่ให้เขาเข้าถึง
ในวีซีดีชุดนี้จะเป็นลักษณะของการถ่ายทำที่วัด แล้วมีคำสวดมนต์ขึ้นมา สามารถสวดตามได้ ทำให้ใจสงบเร็ว ด้วยเสียงของพระสงฆ์ที่สวด และด้วยอะไรหลายๆอย่าง ก็แจกเป็นธรรมทาน ซึ่งเสียงตอบรับก็ค่อนข้างดี และถือเป็นจุดแรกของการทำสื่อเพื่อธรรมะค่ะ
• เรื่องของ ‘กล่องบุญ’ ล่ะคะ เป็นมาอย่างไร
หลังจากนั้น ก็เริ่มรู้สึกมีความสุขกับสิ่งดีๆ ที่ได้ทำ เริ่มจดบันทึก และมีไดอารี่ของตัวเอง บันทึกพวกเกร็ดความรู้ แง่มุมดีๆ ที่เราได้ ก็รู้สึกว่า อยากที่จะเริ่มทำเป็นหนังสือน่ารักๆ มอบให้กับคนใกล้ตัวในช่วงปีใหม่ เป็นการมอบความสุขให้กับคนที่ได้รับ และเป็นความสุขสำหรับคนที่ทำด้วย เพราะในช่วงที่ได้ทำอะไรดีๆแบบนี้ เรามีความสุขกับทุกงานที่ได้ทำ
เมื่อทำกล่องบุญออกมา ซึ่งผู้ที่ได้รับหรือได้อ่านก็จะมีเสียงตอบรับกลับมาหาเราค่อนข้างดี พอมีโอกาสคุยกับคุณดนัย จันทร์เจ้าฉาย ก็ได้รับคำแนะนำว่า น่าจะทำเป็นหนังสือที่มีการจำหน่ายจริงๆ เพื่อจะได้แผ่ออกไปในวงกว้าง ก็เลยพิมพ์ออกมาเป็นหนังสือธรรมะ ที่มีจำหน่ายใน ท้องตลาด ในราคาที่ไม่สูง เป็นเหมือนกับงานทางธรรมะอย่างหนึ่ง ซึ่งเราทำขึ้น ก็เหมือนกับทำบุญลงไปในงานด้วยค่ะ
• กล่องบุญแต่ละชุดมีเนื้อหาแบบไหนบ้าง
กล่องบุญชุด 1 เป็นเรื่องบัญชีบุญ เป็นเหมือนกับสิ่งที่แป้งได้สัมผัสเป็นครั้งแรก แล้วก็อยากส่งต่อการค้นพบคำสอนของพระพุทธเจ้าเพื่อไปให้คนอื่น ว่าคนเราเกิดมาทำไม คำตอบคือ เกิดมาเพื่อการพ้นทุกข์ที่ถาวร แล้วเราจะไปถึงจุดนั้นได้อย่างไร เราก็ต้องสะสมบัญชีบุญ ซึ่งบัญชีบุญประกอบไปด้วยอะไรบ้าง ก็ประกอบไปด้วย ศีล ทาน ภาวนา ซึ่งจะทำให้เราเกิดความทุกข์น้อยลง
จากนั้นก็จะป็นเรื่องแผนที่บุญ ซึ่งจะบอกไว้ว่า การเดินทางข้างหน้า จะประกอบไปด้วยอะไรบ้าง โดยรวมแล้ว ก็จะเป็นเรื่องของการเล่าภาพรวมพื้นฐานของธรรมะในเบื้องต้น
ส่วนในชุด 2 จะเหมือนเป็นภาคต่อของชุดแรก ในหัวข้อของภาวนา จะพูดถึงเรื่องของสติ โดยที่จะไปเชื่อมโยง หมวดความจริง 3 ประการ ก็จะมีเนื้อหาในเรื่องของไตรลักษณ์ ซึ่งไม่ได้ใช้ภาษาหรือหัวข้อที่ยากนะคะ คือทำ ออกมาในลักษณะที่เข้าใจง่ายขึ้น ว่าความจริง 3 ประการของชีวิตคนเรานั้น มีความทุกข์ ความไม่เที่ยง ความไม่มีตัวตน คือ ตัวเรา ของเรา ซึ่งก็คือการเชื่อมโยงในเรื่องของ สติ ชุดนี้อาจจะเหมาะกับคนที่เคยศึกษาธรรมะมาบ้างแล้ว
อย่างเล่ม 3 Love Box ก็จะไปเกี่ยวข้องกับโครงการ วรรณกรรมคุ้มใจของกระทรวงศึกษาธิการ เป็นเรื่องราวของธรรมะกับความรักของคนรุ่นใหม่ เพื่อให้เป็นหลักยึดของวัยรุ่น ให้มีความรักและรู้จักความรักอย่างไม่เป็นทุกข์
ส่วนเล่ม 4 ก็เป็นความตั้งใจ ซึ่งอาจจะมาจากเสียงสะท้อนของผู้อ่าน ว่าอยากที่จะใช้ชีวิตอย่างไรให้มีความสุข หรือในแง่ของการทำงาน แต่ตอนนี้ที่เป็นโครงร่างคร่าวๆ อาจเป็นเรื่อง Life Box คือ เป็นเหมือนกล่องชีวิตที่ใส่เคล็ดลับดีๆ จากหลักธรรมที่เข้าใจง่ายๆ เกี่ยวกับเรื่องจะใช้ชีวิตอย่างไรให้มีความสุข แต่ว่าในรายละเอียดอาจมีการปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมค่ะ
• รูปแบบน่ารักๆของ ‘กล่องบุญ’ ได้แฝงความคิดอะไรไว้คะ
เราอยากให้กล่องบุญ เป็นหนังสือธรรมะอินเทรนด์ เหมาะกับคนรุ่นใหม่ และอยากให้ผู้ที่สัมผัสมีมุมมองว่า ธรรมะป็นเรื่องทันสมัยของทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย เพราะบางคนอาจมีความคิดว่า ธรรมะเป็นเรื่องเชย เป็นเรื่องของคนแก่
อย่างชุด 1 ก็จะเป็นหนังสือของขวัญที่อยู่ในกล่องกลม มีบัญชีบุญเป็นเล่มอยู่ในกล่อง พร้อมปากกาไว้บันทึกบัญชีบุญ และมีน้องหมีคอยเป็นตัวแทนเล่าเรื่องราว
ส่วนชุด 2 ซึ่งเป็นเรื่องของไตรลักษณ์ คือ ความจริง 3 ประการ เราจึงเปรียบชีวิตเหมือนกับกล่องอาหาร ก็เลยทำเป็นรูปแบบกล่องอาหารเบนโตะซูชิ มีข้าวปั้นที่ทำจากเทียนหอม 3 ก้อน ข้าวปั้นแทนร่างกายและใจคนที่ไม่ เที่ยง เน่าบูดเหมือนกันหมด แล้วเทียนคือความส่องสว่าง ของปัญญา ส่วนความหอมหมายถึงบุญและความดี และในกล่องจะมีคู่มือฝึกทำอาหารอิ่มบุญ และเกมส์ให้ทบทวนการรู้ทันของร่างกายและใจ
พอมาถึงชุดที่ 3 กล่องเป็นรูปหัวใจ ใส่ลูกเล่นน่ารักๆ เหมือนเป็นคุกกี้บุญ แต่ในนั้นไม่ใช่คุกกี้ทั่วไปนะคะ คุกกี้บุญเป็นโอวาท วาทะ ทางธรรมที่ว่าด้วยเรื่องความรัก แต่ละกล่องจะมีคุกกี้ที่สีต่างกัน มีวาทะไม่ซ้ำกัน คือพอเปิดกล่องออกมาแล้วได้ลุ้น
นั่นคือทั้งหมด ซึ่งเป็นสไตล์ของกล่องบุญ
• เรียกว่าโดนใจวัยรุ่นนะคะ แล้วคิดว่าจะมีวิธีการอื่นอีกมั้ยคะที่จะจูงใจให้วัยรุ่นหันมาสนใจธรรมะมากขึ้น
แป้งไม่ได้มองว่า วัยรุ่นมีโอกาสน้อยที่จะเข้ามาตรงนี้ เพียงแต่เราเองก็ต้องเลือกนำเสนอสื่อ หรือให้ความเข้าใจต่างๆ ที่ค่อนข้างตรงกับความสนใจของเขาด้วย เพราะวัยรุ่นเป็นวัยที่ฉลาดเลือก และสามารถใช้ชีวิตได้ด้วยความคิดของเขาเอง คือ หากเราสามารถให้วัยรุ่นใช้ประโยชน์ใน สิ่งไหนได้ สามารถทำให้เขารู้ว่า อันนี้เอามาใช้แล้วเขาจะได้รับประโยชน์อย่างไร ตรงนี้ก็น่าจะเหมาะ อย่างถ้าเราสามารถทำให้วัยรุ่นเห็นได้ว่า ถ้าเขามาปฏิบัติธรรม แล้วทำให้ชีวิตของเขาดีขึ้นได้ยังไง เขาก็จะน้อมเข้ามารับไปเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตได้มากขึ้น
อย่างตัวแป้ง หรือหลายๆคนที่สนใจธรรมะ เพราะว่าเรานำหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้ามาลองใช้ปฏิบัติในชีวิต แล้วพบว่ามีประโยชน์ ทำให้ชีวิตสุขมากขึ้น มีความทุกข์น้อยลง ตรงนี้ก็จะยิ่งทำให้อยากจะเข้าไปศึกษา ปฏิบัติธรรม ยิ่งอยากที่จะอ่านหนังสือธรรมะ
อีกส่วนหนึ่งคิดว่าอาจจะมีส่วนบ้าง ก็ในเรื่องของแพ็คเกจ อย่างกล่องบุญ ซึ่งมีสีสัน มีรูปแบบเฉพาะ ซึ่งตรงนี้อาจจะทำให้เขารู้สึกว่า มันเป็นส่วนหนึ่งของเขาเหมือนกัน เพราะการ์ตูนกราฟิกที่อยู่ในเล่ม เป็นกราฟิกสมัยใหม่ มีอะไรกุ๊กกิ๊ก มีเรื่องราวที่อินเทรนด์ ตรงนี้ก็จะทำให้เขารู้สึกว่ามันอยู่ใกล้ตัว
โดยสรุป ก็คือ หนึ่ง เรื่องของการมีดีไซน์ให้ดูทันสมัย นำเสนอในเรื่องราวที่ใกล้กับตัวเขา สอง ให้เขาเห็นประโยชน์ว่าถ้านำไปใช้แล้วจะเกิดผลดีอย่างไร คิดว่าสองสิ่งนี้ น่าจะจูงใจ ชักชวนคนรุ่นใหม่ กลุ่มวัยรุ่นได้ดี
• เก่งนะคะที่ต้องดูแลทั้งธุรกิจทางโลกและทำงานทางธรรมไปด้วย
ในความรู้สึกของแป้งนะคะ คือคนทุกคนมีความถนัดไม่เหมือนกัน ทุกคนมีด้านที่ตัวเองทำได้ดี คือ ถ้าให้ แป้งมองตัวเองก็คิดว่ายังมีอะไรที่ต้องพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ อย่างทุกวันนี้อาจจะมีอาการขึ้นๆลงๆ ของสิ่งที่เข้ามากระทบอยู่ ก็จะใช้หลักธรรมทำให้เราต้องรู้จักปล่อยวางให้ ได้มากขึ้น ทั้งที่เราชอบและไม่ชอบ อย่างเช่นว่า ถ้ามีใครเข้ามาชมเรา เราก็มีสติ ฝึกที่จะไม่ให้พอง หรือไปยึดติดกับคำชมตรงนั้น คือ ต้องฝึกให้มีใจเป็นกลาง และเมื่อมีคนชื่นชม ก็ต้องมีคนติหรือนินทา ตรงนี้ก็ต้องนำสิ่งนั้นมา ดูว่าเราเป็นอย่างนั้นรึเปล่า และในขณะเดียวกันก็ต้องยอมรับกับความทุกข์ ความไม่ชอบ หรืออะไรหลายๆอย่าง ในชีวิต ด้วยใจที่สงบ ซึ่งตรงนี้เอง แป้งก็คิดว่ามันเป็นสิ่งที่ท้าทาย ที่จะต้องฝึกต่อไป
อย่างธรรมะ จะมีบอกว่า ไม่ว่าจะสุข หรือทุกข์ ไม่ว่าสรรเสริญ หรือนินทา ไม่ว่ามีลาภ หรือหมดลาภ ตรงนี้เป็น สิ่งที่มีค่าเหมือนกันในการที่จะรับได้ด้วยใจที่สงบ เป็นจุด หนึ่งซึ่งแป้งว่าเป็นอะไรที่ท้าทาย ตัวแป้งเองก็คิดว่าตัวเองโชคดี ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก ไม่ว่างานอะไรที่ต้องทำอยู่หลายๆอย่าง
• มีความคาดหวังอะไรอีกมั้ยคะ นอกเหนือจากความสุขที่ได้ทำกล่องบุญขึ้นมา
ในแง่ความตั้งใจกับผลตอบรับที่ได้กลับมา ถือเป็นกำลังใจอย่างมาก ทำให้หลายๆคนที่เคยมีความรู้สึกว่าธรรมะเป็นเรื่องเชย ก็อาจจะมีมุมมองที่เห็นว่า ธรรมะเป็น เรื่องที่อยู่ใกล้ตัวมากขึ้น ทันสมัย สามารถนำมาใช้ในชีวิต ประจำวันได้จริงๆ ซึ่งทีมงานทุกคนก็หวังและยังอยากให้ผลลัพธ์ที่ได้ เดินในแนวทางนี้ต่อ และตั้งใจที่จะพัฒนา กล่องบุญให้มีประโยชน์ยิ่งๆขึ้นไป น่าจะเป็นตรงนั้นมากกว่าค่ะ
• ทุกวันนี้ไปปฏิบัติธรรมบ่อยแค่ไหนคะ
ส่วนมากถ้าไปก็จะไปครั้งละประมาณ 7-10 วัน ไปประมาณ ปีละ 4 ครั้ง คือไปเหมือนปลีกวิเวก นุ่งขาว ห่มขาว แล้วไปอยู่ที่วัดเลย
แต่อย่างที่แป้งเรียนไปว่า มีศีล เราก็สามารถรักษาศีลได้ตลอดชีวิต เรื่องทาน เราก็สามารถให้ทานได้ตลอดเวลา ไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องของเงินเท่านั้น การที่เรามีความ ช่วยเหลือ มีเมตตา มีการให้อภัย การให้ธรรมทาน การยิ้มแย้มแจ่มใส เหล่านี้ก็เป็นการปฏิบัติเรื่องของทานได้แล้ว
ส่วนการภาวนา ก็คือเรื่องของการมีสติ การที่เรามีสติรู้กาย รู้ใจ ของเราในชีวิตประจำวันก็ถือว่าเราได้ทำแล้ว ซึ่งตรงนี้ คือไม่ได้จะยึดติดว่าจะต้องไปที่ใดที่หนึ่ง หรือว่า จะต้องไปอยู่ที่วัดเท่านั้น คือจริงๆแล้วการปฏิบัติธรรม เป็นเรื่องที่เราสามารถจะทำได้ตลอดเวลา ทำให้เป็นเรื่อง ธรรมชาติในชีวิตประจำวันของเราได้นั่นเอง
.........
‘กล่องบุญ’ ใบแล้วใบเล่า ที่ถูกเปิดออก ย่อมนำมาซึ่ง ความอิ่มเอมใจในรสแห่งธรรมเป็นเบื้องต้น และนำมาซึ่งความสุขสงบและสันติในหัวใจเมื่อได้นำไปประพฤติปฏิบัติ ดังเช่น ‘ภัทริน’ เจ้าของกล่องบุญ หญิงสาวผู้เปี่ยมบุญคนนี้
(จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 91 มิ.ย. 51 โดย ภาษิตา)