ไหว้พระต้องจุดธูปเทียนมั้ย?
ปุจฉา : นมัสการหลวงปู่ที่เคารพ ที่เขียน มานี้เพื่อจะขอปุจฉาเรื่องการจุดธูปเทียนไหว้พระ เพราะดิฉันเกิดเรื่องโต้เถียงกับน้องสาว เนื่องจากน้องสาวมักจะจุดธูปเทียนไหว้พระก่อนนอนทุกวัน ควันธูปก็อบอวลไปทั้งห้อง เรื่องควันธูปน่ะไม่ค่อยเท่าไหร่ แต่ดิฉันกลัวว่าจะเกิดไฟไหม้ เพราะน้องสาวจุดธูปเทียนไหว้พระ แล้วก็นอนเลย ธูปเทียนยังไหม้ไม่หมด ดิฉันบอกก็ไม่ฟัง จนขี้เกียจบอกแล้ว ก็เลยมานั่งเฝ้าเอง แต่ก็กังวลเวลาที่ดิฉันต้องไปทำงานต่างจังหวัด เขาบอกว่าไหว้พระต้องจุดธูปเทียนถึงจะได้ผลดี ดิฉันก็เลยอยากจะทราบว่า การจุดธูปเทียนเวลาไหว้พระ จะมีผลอะไรหรือไม่คะ ขอขอบพระคุณหลวงปู่มากค่ะที่ช่วยวิสัชนา............................................................................................อมรรัตน์
วิสัชนา : พระพุทธศาสนาแท้ๆไม่ใช้ธูปเทียน แต่เทียนเป็นสิ่งหนึ่งที่คนโบราณคิดกันว่าเป็นเครื่องบูชาธรรม เพราะสมัยก่อนพระเรียนธรรมะอ่านหนังสือดูตำราไม่มีไฟฟ้า ส่วนธูป ในหลักของพระพุทธศาสนาก็ไม่มี แต่ที่ต้องมีพิธีกรรมกันมาจนทุกวันนี้เพราะเห็นว่าศาสนาอื่นก็มีพิธีกรรมของตัวเอง ก็เลยเป็นที่มาของการกำหนดศาสนพิธี คือ พิธีทางศาสนาว่าต้องมีธูป 3 ดอก มีเทียน 2 เล่ม หรืออาจจะใช้ธูปเทียนจำนวนไม่เท่ากัน ก็สุดแท้แต่ประเพณีเดิมที่ทำกันมาของแต่ละที่
การจุดธูปเทียนไม่มีผลอะไร แต่จะมีอีกอย่างที่คุณบอกมาคือ เผาบ้านให้ไหม้ ถ้าเผลอ จุดแล้วปล่อยทิ้งเอาไว้ คนโบราณเขาถึงบอกว่าให้สวดมนต์ภาวนานานๆเพื่อรอให้เทียนดับ ธูปหมด เพราะเขาจะไม่ดับธูปเทียนกลางคัน แต่สมัยนี้ไม่ค่อยภาวนากันแล้ว ธูปเทียนยังไม่ทันดับ ก็นอน
อยากช่วยพ่อตายแล้วแต่กำลังมีทุกข์
ปุจฉา : กราบหลวงปู่พุทธะอิสระที่เคารพ และนับถือ ดิฉันอ่านปุจฉามานาน ไม่คิดว่าจะมีเรื่องอะไรถาม และก็มีหลายเรื่องที่ได้คำตอบตรงกับเรื่องที่จะถามไปแล้ว แต่คราวนี้มีเรื่องไม่ค่อยสบายใจ เลยต้องเขียนมาถาม คือว่าพ่อของดิฉันที่เสียชีวิตไปแล้ว กำลังได้รับทุกข์ทรมานมากๆ ดิฉันจะทำอย่างไรดีคะถึงจะช่วยพ่อได้ การทำสังฆทานอุทิศส่วนกุศลจะช่วยได้มากน้อยแค่ไหนคะ.................................................... .....................................................ลูกผู้กำลังมีทุกข์
วิสัชนา : คุณรู้ได้อย่างไรว่าพ่อคุณกำลังได้รับทุกข์ ทรมาน คาดเดาเอาเอง หรือมีคนมาบอก จะจริงเท็จ แค่ไหนอย่างไรก็ไม่มีใครรู้ แต่ถ้าเชื่อว่าการทำดีมีผล เหมือนปลูกมะม่วง ก็ย่อมได้ผลมะม่วง ทำดีก็ย่อมได้ดี ทำชั่วก็ย่อมได้ชั่ว แล้วก็วิเคราะห์ดูว่า พ่อของคุณขณะมีชีวิตอยู่เขาทำดีหรือทำชั่ว ถ้าทำชั่วก็แน่นอนเขาต้องได้รับทุกข์ แต่ถ้าเขาทำดี แล้วจะไปบอกว่าเขาได้ผลชั่ว ก็คงไม่ได้ การวิเคราะห์อย่างนี้จึงมีที่มาที่ไป สามารถสืบสาวหาเหตุหาผลได้
แต่ถ้าเขาทำชั่วขณะมีชีวิต เมื่อตายไปแล้ว เราจะช่วยเขาได้อย่างไร จริงๆแล้วเราช่วยเขา ไม่ได้ เพราะกรรมใดใครก่อ ผู้นั้นก็ย่อมรับผลแห่งกรรมนั้นๆ แต่โดยอ้อมก็อาจพอช่วยได้ บ้างโดยการทำบุญอุทิศส่วนกุศล แผ่เมตตา แบ่งส่วนบุญที่มีอยู่ให้กับพ่อ หรือโดยการสวด มนต์ภาวนาเจริญสมาธิ เหล่านี้มีผลต่อญาติของเราที่เราจะให้ได้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นหรือตาย
ดูเหมือนดี แต่ไม่ดี
ปุจฉา : กราบหลวงปู่พุทธะอิสระที่เคารพ ดิฉันมีเรื่องที่อยากเรียนถามหลวงปู่ ดังนี้ค่ะ คือมีคนอยู่คนหนึ่งในที่ทำงาน เขาก็ดูท่าทีเงียบสงบ ดูเหมือน จะดี แต่ดิฉันรู้สึกว่าอึดอัด ไม่ชอบอยู่ใกล้คนคนนี้ เวลาทำงานที่ต้องประสานกัน ดิฉันก็รู้สึกไม่มีความสุข โดยหาสาเหตุไม่เจอ ดิฉันไม่ชอบภาวะและความรู้สึกแบบนี้เลย หลวงปู่มีข้อคิดในภาวะนี้อย่างไรคะ และอีกเรื่องหนึ่งค่ะ คือทำอย่างไรจะให้มีความสุขในชีวิต ขอความเมตตาจากหลวงปู่ด้วยค่ะ............................................................................................รัชนี
วิสัชนา : 1. ความดีก็เหมือนน้ำ ความดีที่ออกจาก หัวใจที่เอื้ออารี ใครอยู่ใกล้ก็จะชุ่มฉ่ำ เหมือนเราอยู่ใกล้น้ำ มันจะรู้สึกสดชื่น ถ้าเขาเป็นคนดีจริงๆเราจะไม่อึดอัด เว้นแต่คนคนนั้นเสแสร้งแกล้งดี เราก็จะรู้สึกอึดอัดและลำบากใจ อีกอย่างหนึ่งก็คือ เขาเป็นคนดีจริงๆ แต่เราเป็นคนไม่ดี เหมือนเป็นแป้ง เมื่ออยู่ใกล้น้ำก็เลยอึดอัด ไม่สบายกายไม่สบายใจ เพราะกลัวว่าน้ำมันจะมาละลายเรา ทำลายเรา ทำให้เรารู้สึกอึดอัดลำบากใจ ถ้าเป็นอย่างนั้นแสดงว่าคุณต้องหันมาดูตัวเองแล้ว
จงจำไว้ว่า เปลี่ยนคนอื่นน่ะยาก แต่เปลี่ยนตัวเองไม่ลำบาก มันเป็นเรื่องยากที่จะให้คนอื่นเขาเปลี่ยนอะไรเพื่อเรา แต่มันเป็นเรื่องไม่ลำบากกับการที่จะเปลี่ยนอะไรในตัวเราเพื่อคนอื่น เพราะบางทีเราก็มัวแต่จ้องที่จะเปลี่ยนคนอื่น จ้องที่จะจับผิดคนอื่น โดยลืมดูว่าตัวเองก็มีผิด ที่ต้องเปลี่ยนเหมือนกัน
2. ถ้ารู้จักคำว่า ‘พอ’ ให้เป็น ทุกเรื่องในชีวิตก็จะเป็นสุข แต่ถ้า ‘พอ’ ไม่เป็น อะไรก็เป็นทุกข์ คนมีเงินล้นฟ้า ถ้าพอไม่เป็น ก็เป็นทุกข์เหมือนกัน เพราะที่มีก็คิดว่าไม่มี อะไรที่เป็นเรื่องไม่รู้จักพอ มันเป็นทุกข์ทั้งนั้น เพราะมันจะเกินความพอดีในชีวิต
(จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 90 พ.ค. 51 โดยหลวงปู่พุทธะอิสระ วัดอ้อน้อย จ.นครปฐม)
ปุจฉา : นมัสการหลวงปู่ที่เคารพ ที่เขียน มานี้เพื่อจะขอปุจฉาเรื่องการจุดธูปเทียนไหว้พระ เพราะดิฉันเกิดเรื่องโต้เถียงกับน้องสาว เนื่องจากน้องสาวมักจะจุดธูปเทียนไหว้พระก่อนนอนทุกวัน ควันธูปก็อบอวลไปทั้งห้อง เรื่องควันธูปน่ะไม่ค่อยเท่าไหร่ แต่ดิฉันกลัวว่าจะเกิดไฟไหม้ เพราะน้องสาวจุดธูปเทียนไหว้พระ แล้วก็นอนเลย ธูปเทียนยังไหม้ไม่หมด ดิฉันบอกก็ไม่ฟัง จนขี้เกียจบอกแล้ว ก็เลยมานั่งเฝ้าเอง แต่ก็กังวลเวลาที่ดิฉันต้องไปทำงานต่างจังหวัด เขาบอกว่าไหว้พระต้องจุดธูปเทียนถึงจะได้ผลดี ดิฉันก็เลยอยากจะทราบว่า การจุดธูปเทียนเวลาไหว้พระ จะมีผลอะไรหรือไม่คะ ขอขอบพระคุณหลวงปู่มากค่ะที่ช่วยวิสัชนา............................................................................................อมรรัตน์
วิสัชนา : พระพุทธศาสนาแท้ๆไม่ใช้ธูปเทียน แต่เทียนเป็นสิ่งหนึ่งที่คนโบราณคิดกันว่าเป็นเครื่องบูชาธรรม เพราะสมัยก่อนพระเรียนธรรมะอ่านหนังสือดูตำราไม่มีไฟฟ้า ส่วนธูป ในหลักของพระพุทธศาสนาก็ไม่มี แต่ที่ต้องมีพิธีกรรมกันมาจนทุกวันนี้เพราะเห็นว่าศาสนาอื่นก็มีพิธีกรรมของตัวเอง ก็เลยเป็นที่มาของการกำหนดศาสนพิธี คือ พิธีทางศาสนาว่าต้องมีธูป 3 ดอก มีเทียน 2 เล่ม หรืออาจจะใช้ธูปเทียนจำนวนไม่เท่ากัน ก็สุดแท้แต่ประเพณีเดิมที่ทำกันมาของแต่ละที่
การจุดธูปเทียนไม่มีผลอะไร แต่จะมีอีกอย่างที่คุณบอกมาคือ เผาบ้านให้ไหม้ ถ้าเผลอ จุดแล้วปล่อยทิ้งเอาไว้ คนโบราณเขาถึงบอกว่าให้สวดมนต์ภาวนานานๆเพื่อรอให้เทียนดับ ธูปหมด เพราะเขาจะไม่ดับธูปเทียนกลางคัน แต่สมัยนี้ไม่ค่อยภาวนากันแล้ว ธูปเทียนยังไม่ทันดับ ก็นอน
อยากช่วยพ่อตายแล้วแต่กำลังมีทุกข์
ปุจฉา : กราบหลวงปู่พุทธะอิสระที่เคารพ และนับถือ ดิฉันอ่านปุจฉามานาน ไม่คิดว่าจะมีเรื่องอะไรถาม และก็มีหลายเรื่องที่ได้คำตอบตรงกับเรื่องที่จะถามไปแล้ว แต่คราวนี้มีเรื่องไม่ค่อยสบายใจ เลยต้องเขียนมาถาม คือว่าพ่อของดิฉันที่เสียชีวิตไปแล้ว กำลังได้รับทุกข์ทรมานมากๆ ดิฉันจะทำอย่างไรดีคะถึงจะช่วยพ่อได้ การทำสังฆทานอุทิศส่วนกุศลจะช่วยได้มากน้อยแค่ไหนคะ.................................................... .....................................................ลูกผู้กำลังมีทุกข์
วิสัชนา : คุณรู้ได้อย่างไรว่าพ่อคุณกำลังได้รับทุกข์ ทรมาน คาดเดาเอาเอง หรือมีคนมาบอก จะจริงเท็จ แค่ไหนอย่างไรก็ไม่มีใครรู้ แต่ถ้าเชื่อว่าการทำดีมีผล เหมือนปลูกมะม่วง ก็ย่อมได้ผลมะม่วง ทำดีก็ย่อมได้ดี ทำชั่วก็ย่อมได้ชั่ว แล้วก็วิเคราะห์ดูว่า พ่อของคุณขณะมีชีวิตอยู่เขาทำดีหรือทำชั่ว ถ้าทำชั่วก็แน่นอนเขาต้องได้รับทุกข์ แต่ถ้าเขาทำดี แล้วจะไปบอกว่าเขาได้ผลชั่ว ก็คงไม่ได้ การวิเคราะห์อย่างนี้จึงมีที่มาที่ไป สามารถสืบสาวหาเหตุหาผลได้
แต่ถ้าเขาทำชั่วขณะมีชีวิต เมื่อตายไปแล้ว เราจะช่วยเขาได้อย่างไร จริงๆแล้วเราช่วยเขา ไม่ได้ เพราะกรรมใดใครก่อ ผู้นั้นก็ย่อมรับผลแห่งกรรมนั้นๆ แต่โดยอ้อมก็อาจพอช่วยได้ บ้างโดยการทำบุญอุทิศส่วนกุศล แผ่เมตตา แบ่งส่วนบุญที่มีอยู่ให้กับพ่อ หรือโดยการสวด มนต์ภาวนาเจริญสมาธิ เหล่านี้มีผลต่อญาติของเราที่เราจะให้ได้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นหรือตาย
ดูเหมือนดี แต่ไม่ดี
ปุจฉา : กราบหลวงปู่พุทธะอิสระที่เคารพ ดิฉันมีเรื่องที่อยากเรียนถามหลวงปู่ ดังนี้ค่ะ คือมีคนอยู่คนหนึ่งในที่ทำงาน เขาก็ดูท่าทีเงียบสงบ ดูเหมือน จะดี แต่ดิฉันรู้สึกว่าอึดอัด ไม่ชอบอยู่ใกล้คนคนนี้ เวลาทำงานที่ต้องประสานกัน ดิฉันก็รู้สึกไม่มีความสุข โดยหาสาเหตุไม่เจอ ดิฉันไม่ชอบภาวะและความรู้สึกแบบนี้เลย หลวงปู่มีข้อคิดในภาวะนี้อย่างไรคะ และอีกเรื่องหนึ่งค่ะ คือทำอย่างไรจะให้มีความสุขในชีวิต ขอความเมตตาจากหลวงปู่ด้วยค่ะ............................................................................................รัชนี
วิสัชนา : 1. ความดีก็เหมือนน้ำ ความดีที่ออกจาก หัวใจที่เอื้ออารี ใครอยู่ใกล้ก็จะชุ่มฉ่ำ เหมือนเราอยู่ใกล้น้ำ มันจะรู้สึกสดชื่น ถ้าเขาเป็นคนดีจริงๆเราจะไม่อึดอัด เว้นแต่คนคนนั้นเสแสร้งแกล้งดี เราก็จะรู้สึกอึดอัดและลำบากใจ อีกอย่างหนึ่งก็คือ เขาเป็นคนดีจริงๆ แต่เราเป็นคนไม่ดี เหมือนเป็นแป้ง เมื่ออยู่ใกล้น้ำก็เลยอึดอัด ไม่สบายกายไม่สบายใจ เพราะกลัวว่าน้ำมันจะมาละลายเรา ทำลายเรา ทำให้เรารู้สึกอึดอัดลำบากใจ ถ้าเป็นอย่างนั้นแสดงว่าคุณต้องหันมาดูตัวเองแล้ว
จงจำไว้ว่า เปลี่ยนคนอื่นน่ะยาก แต่เปลี่ยนตัวเองไม่ลำบาก มันเป็นเรื่องยากที่จะให้คนอื่นเขาเปลี่ยนอะไรเพื่อเรา แต่มันเป็นเรื่องไม่ลำบากกับการที่จะเปลี่ยนอะไรในตัวเราเพื่อคนอื่น เพราะบางทีเราก็มัวแต่จ้องที่จะเปลี่ยนคนอื่น จ้องที่จะจับผิดคนอื่น โดยลืมดูว่าตัวเองก็มีผิด ที่ต้องเปลี่ยนเหมือนกัน
2. ถ้ารู้จักคำว่า ‘พอ’ ให้เป็น ทุกเรื่องในชีวิตก็จะเป็นสุข แต่ถ้า ‘พอ’ ไม่เป็น อะไรก็เป็นทุกข์ คนมีเงินล้นฟ้า ถ้าพอไม่เป็น ก็เป็นทุกข์เหมือนกัน เพราะที่มีก็คิดว่าไม่มี อะไรที่เป็นเรื่องไม่รู้จักพอ มันเป็นทุกข์ทั้งนั้น เพราะมันจะเกินความพอดีในชีวิต
(จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 90 พ.ค. 51 โดยหลวงปู่พุทธะอิสระ วัดอ้อน้อย จ.นครปฐม)
