xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวสารผ่านโลก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วิจัยพบ สุขแต่พอดี ชีวิตยืนยาว-งานการมั่นคง
• สหรัฐอเมริกา : แม้คนที่มีความสุขมีแนวโน้มสุขภาพดีและประสบความสำเร็จในหน้าที่การเงินมากกว่าคนที่โกรธขึ้งและ ซึมเศร้า แต่ดร.เอ็ด ไดเนอร์ จากมหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ สหรัฐฯ ระบุว่าคนที่มีความสุขปานกลางอาจประสบความสำเร็จและมีอายุยืนยาวกว่าคนที่มีความสุขสุดๆ
“ผลการศึกษาของเราบ่งชี้ว่า ความสุขระดับสูงสุดอาจไม่ใช่เป้าหมายที่ต้องการ และมีภาวะที่เป็นสุขในเชิงจิตวิทยานอกเหนือไปจากความสุขสุดขีด” ไดเนอร์ระบุไว้ในรายงานที่ตีพิมพ์ในวารสารเพอร์สเพ็กทีฟส์ ออน ไซโคโลจิคัล ไซน์
นักวิจัยศึกษารายงานว่าด้วยความสุขและผลลัพธ์ในชีวิต 6 ฉบับ เพื่อค้นหาภาวะที่ดีที่สุดของความสุข โดยในรายงานฉบับหนึ่งว่าด้วยการสำรวจค่านิยมทั่วโลก ซึ่งครอบคลุมกลุ่มตัวอย่างเกือบ 120,000 คนจาก 96 ประเทศนั้น พบว่าคนที่มีความสุขพอประมาณที่ให้คะแนนความพึงพอใจ 8 หรือ 9 จากคะแนนเต็ม 10 นั้น ทำเงินได้มาก กว่าคนที่ให้คะแนนความพึงพอใจเต็มสิบ อย่างไรก็ตาม คนทั้งสองกลุ่มมีแนวโน้มมีความสัมพันธ์มั่นคงพอๆ กัน
รายงานอีกฉบับพบว่า นักศึกษาที่มีความ สุขมากที่สุดและเป็นพวกที่เข้าสังคมมากที่สุดนั้น มีคะแนนสอบเฉลี่ยต่ำกว่าเพื่อนที่มีความสุขน้อยกว่าเล็กน้อย
ในการศึกษาอีกสี่ฉบับที่มุ่งเน้นภาวะที่เป็นสุขของแต่ละบุคคลโดยติดตามผลนานหลายปีหลังการประเมินผลความสุขครั้งแรกนั้น พบว่าคนที่มีความสุขที่สุดมีระดับการศึกษาและรายได้ต่ำกว่าคนที่มีความสุขปานกลาง
แม้รายงานฉบับปัจจุบันไม่ได้เน้นประเด็นความสุขและสุขภาพ แต่ไดเนอร์ตั้งข้อสังเกตว่า งานวิจัยชิ้นอื่นๆ แสดงให้เห็นว่าคนที่มีความสุขที่สุดอาจชีวิตไม่ยืนยาวเท่าคนที่มีความสุขพอดีๆ
ไดเนอร์เชื่อว่า คนที่สุขสุดขีดอาจดูแลสุขภาพน้อยลง ขณะเดียวกัน คนที่ตั้งเป้าหมายในชีวิตว่าต้องการมีความสุขสุดๆ อาจเป็นคนที่ชอบท้าทายความเสี่ยง ซึ่งเป็นอันตรายต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด
ในส่วนของความสำเร็จ คนที่มีความสุข มากที่สุดอาจพอใจในสิ่งที่มี จึงอุตสาหะน้อย ลงที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิต เช่น เรียนต่อหรือหางานใหม่
“คนเราอาจไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้มีอารมณ์ปลาบปลื้มปีติอยู่ตลอดเวลา บางทีอาจมีบางเวลาที่เราต้องรู้สึกไม่ดีกับอะไรๆ บ้าง แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า เราควรพยายามทำให้ตัวเองไม่มีความสุข” ไดเนอร์ทิ้งท้าย
(จาก Agency)

นักวิทยาศาสตร์ยืนยันภาพเขียนสีน้ำมันที่บามิยันเก่าแก่ที่สุดในโลก
• ญี่ปุ่น :
เมื่อเร็วๆนี้ สถาบันวิจัยสมบัติทางวัฒนธรรมแห่งญี่ปุ่น ในกรุงโตเกียว ได้นำภาพถ่ายจากภาพวาดสีน้ำมันจิตรกรรมฝาผนังที่เกี่ยวกับพระพุทธศาสนา ที่ค้นพบภายในถ้ำแห่งหนึ่งของเทือกเขาบามิยัน ในอาฟกานิสถาน ออกมาแสดงให้ชม พร้อมทั้งเปิดเผยว่าภาพวาดสีน้ำมันดังกล่าวเป็นภาพวาดสีน้ำมันที่เก่าแก่ที่สุดในโลก โดยการเปรียบเทียบกับภาพวาดในวิหารทามามูชิโนซูชิ ของวัดโฮริวจิ ในเมืองนารา และภาพวาดอันมีค่าของโชโซอิน ที่วัดโทดาอิจิ ปรากฏว่าเป็นภาพวาดสีน้ำมันลักษณะเดียวกัน การค้นพบภาพวาดสีน้ำมันที่ยังหลงเหลืออยู่ในบามิยัน ซึ่งเป็นเส้นทางสายไหมในอดีต อาจเป็นไปได้ว่ามีความเกี่ยวพันกับศิลปะโบราณของญี่ปุ่น
โยโกะ ทานิกูจิ นักวิจัยของสถาบันฯ ได้ประกาศถึงการค้นพบดังกล่าว ว่ามีถ้ำ มากมายในหุบเขาบามิยัน ที่ฝาผนังและเพดานของถ้ำเต็มไปด้วยภาพวาดทางพุทธศาสนา ซึ่งกล่าวได้ว่าวาดขึ้นในระหว่างศตวรรษที่ 15 และศตวรรษที่ 10 โดยสถาบันวิจัยสมบัติทางวัฒนธรรมแห่ง ญี่ปุ่น ร่วมกับสถาบันแสงซินโครตรอนแห่งยุโรป ได้ทำการวิเคราะห์ชิ้นส่วนที่นำมาจากถ้ำ 50 แห่ง และพบว่าภาพวาดในถ้ำ 12 แห่งวาดจากสีน้ำมัน ระหว่างศตวรรษที่ 7 และศตวรรษที่ 10 รายละเอียดบางอย่าง เช่น สีน้ำมันที่ใช้เป็นตะกั่วเหลือง ซึ่งเป็นแร่ธรรมชาติ กับเม็ดสีแดง ซึ่งเคยใช้ในสมัยนารา ของญี่ปุ่น และน้ำมันก็เคยใช้ในการเคลือบเครื่องใช้โลหะในสมัยกรุงโรม และอียิปต์ อย่างไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์ยืนยันว่า จิตรกรรมฝาผนังในบามิยันเป็นภาพเขียนสีน้ำมันที่เก่าแก่ที่สุดของโลก
“เป็นที่น่าประหลาดมากที่เทคนิคการเขียนภาพสีน้ำมันได้เคยใช้ในการเขียนภาพทางพุทธศาสนาในเอเซียกลาง อาจจะเป็นไปได้ในการที่จะรู้กำเนิดของเทคนิคนี้จากการวิเคราะห์ซากปรักหักพังและวัตถุที่มนุษย์ทำขึ้นในแถบเอเชีย ซึ่งรวมทั้งเปอร์เซียและอินเดีย” โคซาคุ มาอีดา ศาสตราจารย์เกียรติคุณทางประวัติศาสตร์เอเชีย แห่งมหาวิทยาลัยวาโกะ กล่าว
(จาก The Yomiuri Shimbun)

เปิด10 สุดยอดสถานที่ทางพุทธศาสนาของจีน
• จีน :
กรมศาสนาของจีนได้คัดเลือก 10 สุดยอดสถานที่ทางพุทธศาสนาในจีน จากทั้งหมดประมาณ 1,000 แห่ง โดยมีวัดเส้าหลินซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกของเมืองเหอหนาน เป็น 1 ใน 10 การคัดเลือกครั้งนี้ได้จัดขึ้นเมื่อเดือนกรกฏาคมปีที่แล้วโดยคน 8 ล้านคนเข้าร่วมในการโหวตครั้งนี้
นอกจากวัดเส้าหลินแล้ว สถานที่อีก 9 แห่งที่ได้รับการโหวตคือ ภูเขาหวู่ไถ่ ในมณฑลชานซี, พระราชวังโปตาลา ในทิเบต, เขาจิ่วหัวซาน และวัดชานซู แห่งภูเขาเทียนจู
ในมณฑลอานฮุย, ภูเขาผู่โถวซาน ในมณฑล เจ้อเจียง, ภูเขาอี้เหมยและพระพุทธรูปเล่อซาน ในมณฑลเสฉวน, พระราชวังหยงเหอกงหรือวัดลามะ ในปักกิ่ง และวัดถาเอ่อซื่อ ในชิงไห่
(จาก Peoples Daily)

พระสงฆ์พุทธคยาประท้วงติดรูปผู้นำอินเดียเหนือรูปพระพุทธเจ้า
• อินเดีย :
พระสงฆ์นับร้อยในพุทธคยาได้ประท้วงประกาศของรัฐบาลแห่งรัฐพิหาร ที่ได้ติดรูปถ่ายของนางปฏิภา ปาติละ ประธานาธิบดีของอินเดีย และนายนิติช กุมาร มุขมนตรีรัฐพิหาร อยู่เหนือรูปของพระพุทธเจ้า โดยบรรดาพระสงฆ์ได้เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ของรัฐพิหารรับผิดชอบในการทำร้ายความรู้สึกของชาวพุทธในครั้งนี้
“รูปของพระพุทธเจ้า ติดอยู่ใต้ประกาศของรัฐบาลที่มีรูปของประธานาธิบดี และ มุขมนตรีรัฐพิหาร ถือเป็นการดูถูกพระพุทธศาสนาในดินแดนของพระพุทธเจ้า” ภัททัน-เต อานันทะ ประธานคณะกรรมการอิสระมหาโพธิมหาวิหารของอินเดียกล่าว
อานันทะกล่าวอีกว่า รัฐบาลได้ติดประกาศที่ลงในหนังสือพิมพ์ ซึ่งมีรูปภาพผู้หญิงเต้นรำอยู่เหนือภาพของพระพุทธเจ้า ทั้งนี้ บรรดาพระสงฆ์ได้มาประท้วงอยู่หลายชั่วโมง
ก่อนที่ประธานาธิบดีปาติละจะไปเยี่ยมวัดมหาโพธิ ที่พุทธคยา
(จาก IANS)

พบถ้ำผาสลักพระพุทธรูปขนาดใหญ่ อายุร่วม 1,600 ปี
• จีน :
ทีมงานวิจัยจากศูนย์วิจัยค้นคว้าวัฒนธรรมราชวงศ์โจวและฉินได้ค้นพบถ้ำผาสลักโบราณกลุ่มหนึ่ง ในเขตตำบลไช่เจียพอ มณฑลส่านซี ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของจีน จากการศึกษาลักษณะและรูปแบบการแกะสลัก นักโบราณคดีคาดว่ามีอายุประมาณ 1,600 ปี ซึ่งตรงกับยุคราชวงศ์เหนือใต้ โดยถ้ำผาสลักบนภูเขาที่ถูกค้นพบนั้น มีลักษณะเป็นถ้ำที่ถูกขุดเจาะเข้าไป บางแห่งมีลักษณะสี่เหลี่ยม บางแห่งโค้งมน และภายในถ้ำมีพระพุทธรูปแกะสลักประดิษฐานอยู่พร้อมกับพระสาวก 7-8 รูป ส่วนด้านข้างของประตูถ้ำทั้งซ้ายและขวามีรูปปั้นคนและสิงโตคอยเฝ้ายาม นอกจากนี้ ยังพบว่าตรงกลางถ้ำที่มีขนาดใหญ่ที่สุดมีพระพุทธรูปแกะสลักสูง 2.5 เมตรประดิษฐานอยู่ และด้านข้างถ้ำมีข้าวของเครื่องใช้โบราณวางอยู่ด้วย
อี่ว์อันจวิน ทีมงานจากศูนย์วิจัยฯกล่าวว่า ได้สำรวจพบพระพุทธรูปหินสลักเมื่อปีที่ผ่านมา โดยเล่าว่าวิธีการแกะสลักพระพทุธรูปบางองค์มีลักษณะคล้ายคลึงกับวิธีการแกะสลักที่ปรากฏในราชวง์ถัง สำหรับพระพุทธรูปองค์ใหญ่นั้น คาดว่าน่าจะอยู่ในยุคของราชวงศ์เป่ยเว่ย หรือเว่ยเหนือ
ทั้งนี้ในอดีต พุทธศาสนาในจีนได้รับการเผยแผ่อย่างกว้างขวาง สำหรับการค้นพบถ้ำผาสลักในพื้นที่ดังกล่าว ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่คู่ควรแก่การอนุรักษ์และศึกษาค้นคว้าเป็นอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตาม อี่ว์อันจวินได้เตรียมเสนอโครงการผ่านรัฐบาลมณฑลเพื่อพิจารณารักษาสมบัติของชาติต่อไป
(จาก China net)

โบสถ์น้ำแข็งทำพิธีได้แต่ห้ามใช้เทียน
• โรมาเนีย :
โบสถ์คริสต์แห่งหนึ่งในโรมาเนียที่สร้าง จากน้ำแข็งทั้งหลัง ได้รับความนิยมขนาดหนักถึงขั้นที่ต้องห้ามศาสนิกชนจุดเทียนทำพิธี เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำแข็งละลาย
ผู้คนมากมายหลั่งไหลมาทำพิธีล้างบาปและพิธีแต่งงานในโบสถ์บนเขาคาร์พาเทียน กระทั่งการตกแต่งภายในโบสถ์น้ำแข็งได้ละลายกลายเป็นน้ำไหลไม่หยุด
โบสถ์ขนาด 200 ตารางฟุตแห่งนี้ สร้างอยู่ใกล้ทะเลสาบบาเล และอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 6,673 ฟุต โดยผู้สร้างคือ อาร์โนลด์ คิงเลส ที่กำลังลงทุนสร้างโรงแรม น้ำแข็งในละแวกใกล้เคียง
(จาก Ananova)

จีนบัญชาให้ปันเชนลามะ เรียนลัทธิคอมมิวนิสต์
• จีน :
จีนสั่งให้ปันเชนลามะ ศึกษาลัทธิคอมมิวนิสต์และความรักชาติจีนให้มากขึ้นในโอกาสครบรอบวันเกิด 18 ปีของปันเชนลามะ ผู้นำจิตวิญญาณอันดับ 2 ของทิเบต รองจากองค์ทะไลลามะ
ปันเชนลามะได้พบกับนายอู๋ปังกั๋ว ประธานสภาประชาชนจีนที่กรุงปักกิ่งท่ามกลางพระลามะทิเบตชั้นผู้ใหญ่อีกหลายรูปที่มาร่วมงาน โดยสถานีโทรทัศน์ของทางการจีนรายงานว่า นายอู๋ได้แสดงความหวังอย่าง ยิ่งว่าท่านปันเชนลามะจะขวนขวายเพิ่มพูนความรู้เกี่ยวกับจิตวิญญาณของที่ประชุมใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์ ครั้งที่ 17 และความรักชาติ พร้อมกับนำหลักการเหล่านี้มาผสมผสานกับศาสนาพุทธนิกายทิเบต
“ท่านควรมีส่วนช่วยปกป้องรักษาเอกภาพของแผ่นดินแม่ และความเป็นปึกแผ่นของชาติด้วย” นายอู๋กล่าว
รัฐบาลจีนได้แต่งตั้งปันเชนลามะองค์ปัจจุบัน ซึ่งเป็นองค์ที่ 11 ในปี 1995 โดยปฏิเสธลามะเกดุน โชกีนีมา เด็กชายซึ่งทะไลลามะทรงคัดเลือก ภายหลังการทดสอบตามหลักความเชื่อทางศาสนาในการค้นหา บุคคลซึ่งเชื่อกันว่าเป็นลามะชั้นผู้ใหญ่ที่กลับชาติมาเกิด
ทั้งนี้ จีนส่งกองทัพเข้ารุกรานทิเบตในปี 1950 โดยทะไลลามะได้เสด็จลี้ภัยและตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นในอินเดีย ในปี 1959 หลังจากชาวทิเบตลุกฮือโค่นล้มผู้ปกครองจีนไม่สำเร็จ
สำหรับปันเชนลามะองค์ที่ 11 (ลามะเกดุน) ซึ่งทะไลลามะทรงคัดเลือกนั้น ไม่ปรากฏตัวต่อสาธารณชน อีกเลยนับตั้งแต่ปี 1995 ซึ่งเวลานั้นท่านมีอายุได้ 6 ขวบ โดยเชื่อกันว่าถูกรัฐบาลจีนควบคุมตัวอยู่แต่ในบ้านพักมานับตั้งแต่นั้น
(จาก Reuter)

พระพุทธรูปศตวรรษที่ 5 ถูกขโมยจากแคว้นโอริสสา
• อินเดีย :
สัญชัย กุมารปัณฑะ ผู้อำนวยการสถานีตำรวจของหมู่บ้านกาเนียปาลี เปิดเผยว่า พระพุทธรูปเก่าแก่ซึ่งประเมินค่ามิได้ ถูกขโมยไปจากหมู่บ้านกาเนียปาลี ขณะที่พระพุทธรูปอีกองค์หนึ่งถูกตัดเศียร โดยพระพุทธรูปองค์ที่ถูกขโมยไปนั้น เชื่อว่ามีอายุในราวพุทธศตวรรษที่ 5 ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังพยายามติดตามจับกุมคนร้ายดังกล่าว
นารายัน ปรูเสฏฐ์ ผู้เชี่ยวชาญประวัติศาสตร์ท้องถิ่นกล่าวว่าพระพุทธรูปทั้งสององค์สูงราว 2 ฟุต เป็นพระพุทธรูปในพระอิริยาบถประทับนั่ง ขณะที่ชาวบ้านอ้างว่าวัตถุโบราณรวมทั้งพระพุทธรูปในหมู่บ้านดังกล่าวที่ถูกขโมยและถูกทำลายนั้น เกิดจากความไม่ใส่ใจดูแลของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง
นารายันกล่าวว่าก้อนอิฐโบราณที่ขุดได้จากบริเวณหมู่บ้านกาเนียปาลี นั้น มีลักษณะเช่นเดียวกับก้อนอิฐในช่วงสมัยราชวงศ์กุษาณของอินเดีย
(จาก PTI)

ไต้หวันโชว์คัมภีร์ล้ำค่าทางพุทธศาสนา
• ไต้หวัน :
คัมภีร์ล้ำค่าทางพุทธศาสนา ซึ่งทำขึ้นระหว่างศตวรรษที่ 17-18 ได้ถูกนำมาจัดแสดงเป็นครั้งแรกในพิพิธภัณฑ์พระราชวังของไต้หวัน
คัมภีร์ดังกล่าวเป็นงานคลาสสิคชิ้นเยี่ยม ที่เขียนเป็นภาษาทิเบต ใช้ทองคำ 250 กิโลกรัมในการจัดสร้าง และประดับตกแต่งด้วยอัญมณีราว 15,000 ชิ้น
ทั้งนี้ ทางพิพิธภัณฑ์วางแผนที่จะถ่ายภาพคัมภีร์นี้ทั้งหมดและจัดพิมพ์เป็นหนังสือ โดยตั้งราคาขายเล่มละ 1.2 ล้านเหรียญไต้หวัน หรือราว 37,000 ดอลลาร์สหรัฐ
(จาก CCTV.com)

(จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 88 มี.ค. 51 โดย เภตรา)
กำลังโหลดความคิดเห็น