xs
xsm
sm
md
lg

เติมใจให้กัน:

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ครั้งที่ 56
ไฟชราเผาชีวิต

จริงทีเดียว นักปราชญ์ผู้ประกอบด้วยปัญญาอันแหลมลึกกว้างขวาง เป็นที่ยอมรับนิยมเลื่อมใสของคนทั่วไป พูดจาอะไรก็มีคนคอยจำคอยจด คอยเงี่ยโสตลงสดับเสมือนหงายภาชนะไว้รองรับน้ำฝน อันรู้ว่าจะตกลงมาเป็นเพชรนิลจินดา แต่เป็นการยากเหลือเกินที่จะให้คนในครอบครัวหรือญาติพี่น้องมีความรู้สึกเช่นนั้นไปด้วย

เมื่อพระธรรมเสนาบดีสารีบุตร เห็นว่าไม่อาจชักนำมารดาให้นิยมตามตนได้แล้วก็ลาจากไป และได้สั่งภิกษุทั้งหลายผู้เป็นสหธรรมิกว่า 'ถ้าเรวัตกุมารน้องชายของข้าพเจ้ามีความประสงค์จะบวช มาหาท่านทั้งหลาย ก็ขอให้บวชได้ทันทีไม่ต้องคอยให้ลามารดาบิดา ขอให้ถือว่าข้าพเจ้านี่แหละเป็นทั้งมารดาและบิดาของเรวัตกุมาร'

ฝ่ายมารดาของพระสารีบุตรก็มีความมุ่งมั่นที่จะผูก เรวัตกุมารไว้ด้วยเครื่องผูกคือการครองเรือน ผูกด้วยโซ่คือสตรี จึงหมั้นเด็กหญิงคนหนึ่งผู้มีตระกูลและทรัพย์สมบัติเสมอกัน กำหนดวันเรียบร้อยแล้ว ประดับตกแต่งเรวัตกุมารพาไปสู่เรือนของญาติผู้ใหญ่ของกุมาริกานั้น พร้อมด้วยบริวารชนเป็นอันมาก

เมื่อญาติทั้งสองฝ่ายประชุมกันพร้อมแล้วเพื่อเริ่มมงคลพิธี ญาติทั้งสองฝ่ายให้กุมารและกุมาริกาจุ่มมือลงในถาดน้ำเรียบร้อยแล้ว ญาติผู้ใหญ่ได้กล่าวอวยพรเด็กหญิง ว่า 'ขอเจ้าจงได้เห็นธรรมอย่างที่ยายของเจ้าได้เห็นแล้ว ขอเจ้าจงมีอายุยืนเช่นเดียวกับยายของเจ้า'

เรวัตกุมารได้ยินดังนั้นคิดว่า 'อะไรหนอคือธรรมที่ยายเห็นแล้ว?' จึงถามขึ้นว่า 'คนไหนคือยายของกุมาริกานี้?'

ญาติแนะนำหญิงชราคนหนึ่งให้เรวัตรู้จัก พร้อมกล่าวว่า 'หญิงชรานี้เป็นยายของเด็กหญิง ท่านมีอายุได้ 120 ปีแล้ว บัดนี้ ฟันหัก ผมหงอก หนังหดเหี่ยว หย่อนยาน ตัวตกกระ หลังโกง ดุจกลอนเรือน'

เรวัตกุมารคิดอย่างเด็กฉลาดและมีบารมีในทางธรรมว่า 'สรีระแม้ที่สวยงามเห็นปานนี้ อย่างกุมาริกานี้ ย่อมแปรผันไปสู่ความไม่งาม พึงรังเกียจในที่สุด เพราะไฟคือชราเผาให้ไหม้เกรียม ดุจใบไม้สดในเบื้องแรก แปรเป็นสีเหลืองแล้วหล่นจากต้น ถูกแดดแผดเผาให้เกรียมกรอบโดยรอบ เป็นของอันใครๆ จับต้องไม่ได้ เป็นปริโยสาน อา ! ชีวิต ! ชีวิตช่างน่าสังเวชสลดใจเสียนี่กระไร !

อุปติสสะพี่ชายของเรา คงจักเห็นความจริงเรื่องนี้เป็นแน่แท้แล้ว จึงสละทรัพย์สินสมบัติออกบวชอย่างไม่อาลัย เราควรหาอุบายออกบวชเสียในวันนี้แหละ เพราะแม้สรีระของเราเองก็ต้องลงท้ายด้วยความแก่และตาย'

เมื่อเสร็จพิธีแล้ว ญาติได้อุ้มเรวัตขึ้นสู่ยานน้อยพากลับบ้านของตน เรวัตหาอุบายได้อย่างหนึ่ง เมื่อเดินทางมาได้หน่อยหนึ่ง จึงบอกญาติว่าตนปวดท้อง ขอแวะลงทำธุระส่วนตัว ขอให้หยุดยานไว้และรอคอย

เขาลงจากยานแล้ว เข้าไปยังพุ่มไม้แห่งหนึ่ง ทำชักช้าอยู่หน่อยหนึ่ง แล้วกลับมาสู่ยานเดิม เขาทำอย่างนี้บ่อยครั้ง จนญาติพี่น้องสิ้นสงสัย นอนใจว่าเรวัตช่างขยันไปขยันมาเสียจริง จึงเลิกระวังรักษา ครั้งหลังสุดเรวัตลงจากยานแล้วบอกญาติว่าขอให้ขับยาน ล่วงหน้าไปก่อน อีกสักครู่จะตามไป ญาติผู้สิ้นระแวงแล้วจึงขับยานล่วงหน้าไป

เรวัตได้โอกาสจึงเดินเข้าไปในป่า พบสำนักสงฆ์ซึ่งมีภิกษุพำนักอยู่ประมาณ 30 รูป เข้าไปไหว้ท่านแล้วขอบวช โดยบอกว่าท่านคือน้องชายของท่านอุปติสสะหรือพระสารีบุตรนั่นเอง ภิกษุทั้งหลายจึงให้เรวัตบรรพชาเป็นสามเณร โดยการให้เปล่งวาจาถึง พระรัตนตรัย รับศีล 10 แล้วบอกตจปัญจกกัมมัฏฐานให้
กำลังโหลดความคิดเห็น