ทีวีช่องพุทธศาสนาของศรีลังกางบใกล้หมด ขอรับบริจาคเงินทุน
• ศรีลังกา : ผู้จัดการทีวีพุทธศาสนาช่องแรกของศรีลังกา นายภันเตได้ออกมาวิงวอนชาวพุทธให้ช่วยกันบริจาคเพื่อช่วยสนับสนุนทีวีช่องพุทธศาสนาแห่งนี้ ซึ่งได้เปิด ดำเนินการมาด้วยความอุตสาหพยายามของพระภิกษุชาวเดนมาร์ก จากวัดเดนมาร์กเมตตาวิหาร ในศรีลังกา
ทั้งนี้นายภันเต ผู้จัดการทีวีช่องนี้ เปิดเผยว่าตั้งแต่เริ่มดำเนินมาก็ไม่ได้มีการโฆษณาประชาสัมพันธ์อะไรมากมาย ทำให้คนจำนวนมากอาจจะไม่เคยได้ยินเรื่องราวของทีวีช่อง พุทธศาสนาแห่งแรกของศรีลังกา ซึ่งมีชื่อว่า “ธรรมวาหิณี”
โดยเมื่อเร็วๆนี้ ช่องธรรมวาหิณี มีเจ้าหน้าที่ผู้ดำเนินการ เพียง 3-4 คน รวมทั้งนายภันเตด้วย และเงินบริจาคของเอกชนเพียง 2-3 ราย ซึ่งไม่อาจจะอยู่ได้ในระยะยาว
นายภันเตเล่าว่าพระภิกษุชาวเดนมาร์ก จากวัดเมตตาวิหาร เป็นผู้มีคุณูปการต่อพระพุทธศาสนามาก โดยท่านได้ แปลพระไตรปิฎกและจัดทำในรูปแบบฉบับคอมพิวเตอร์ และเปิดให้ใช้ฟรีทางอินเตอร์เน็ต
“วัตถุประสงค์ของพระภิกษุรูปนี้ในการจัดทำโทรทัศน์ช่องพระพุทธศาสนา “ธรรมวาหิณี” นี้ ไม่เพียงแต่เพื่อเผยแผ่ ธรรมะเท่านั้น แต่ที่สำคัญที่สุดคือการพยายามสร้างสังคมของชาวศรีลังกา ซึ่งขาดการพัฒนาและความเจริญ ให้มีคุณค่ามากที่สุดเท่าที่จะทำได้”
โทรทัศน์ช่องดังกล่าวมีค่าใช้จ่ายต่อเดือนราว 250,000 รูปีศรีลังกา หรือราว 2,260 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งนายภันเตหวังว่า จะหาผู้บริจาคจากทั่วโลกให้ได้อย่างน้อย 250 รายต่อปี ซึ่งแต่ละรายสามารถบริจาคได้ปีละ 12,000 รูปีศรีลังกา หรือราว 108 ดอลลาร์สหรัฐ ก็จะทำให้โทรทัศน์ช่องพระพุทธศาสนา แห่งแรกของศรีลังกาสามารถดำเนินการต่อไปได้
(จาก TNO)
“ความรัก” ที่รุมเร้าลบเลือนภาพพุทธแห่งม่อเกาคู
• จีน : ท่ามกลางแสงตะเกียงดวงเล็ก นายช่างกำลังบรรจงป้ายน้ำยาประสานลงบนภาพเขียนสีน้ำล้ำค่าอายุกว่า 1,000 ปี เพื่อต่อชีวิตพุทธศิลป์แห่งถ้ำผาม่อเกาคู เมืองตุนหวง ที่ตั้งอยู่บนเส้นทางสายไหมอันเลื่องลือในอดีต
จิตรกรรมพุทธศิลป์แห่งม่อเกาคูนี้ ถือกำเนิดจากแรงบันดาลใจในคุณค่าพุทธศาสนาเมื่อ 1,650 ปี ผู้สร้างคือ พระที่มาปฏิบัติธรรมในถ้ำผากลางทะเลทรายตั้งแต่ราวศตวรรษที่ 4 ในช่วงราชวงศ์จิ้นตะวันออก (ค.ศ.317-420) และมีการสร้างสรรค์สืบเนื่องกันมาถึงราชวงศ์หยวน (ค.ศ1271-1368) รวมเวลากว่า 1,000 ปี ภาพพระพุทธรูป และเรื่องราวชีวิตที่เกี่ยวโยงกับพุทธศาสนาถูกรังสรรค์ขึ้นอย่างวิจิตรประณีตในถ้ำผาถึง 492 แห่งของม่อเกาคู ความงดงาม อลังการ และคุณค่าทางศิลปะ อีกทั้งคัมภีร์พุทธศาสนาอันล้ำค่านิรันดร ส่งให้ถ้ำผาพุทธศิลป์แห่งม่อเกาคู ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกขององค์การยูเนสโก
ทว่า ณ วันนี้ ภาพพุทธศิลป์เหล่านี้ กำลังเลือนลางไปอย่างน่าใจหาย สืบเนื่องจากกระแสท่องเที่ยว และการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ
ฟาน ไจ้เสวียน หัวหน้าผู้รับผิดชอบงานปฏิสังขรณ์ภาพจิตรกรรมม่อเกาคู กำลังทำงานแข่งขันกับเวลา เพื่อต่อ ชีวิตแก่มรดกชิ้นเอกของโลกนี้ เขาเล่าว่าในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ภาพเหล่านี้เสื่อมสลายไปอย่างรวดเร็ว อันเป็นผลพวงจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศที่เลวร้ายลง ทุกวัน พายุทะเลทรายที่พัดกรรโชกอย่างรุนแรงบ่อยมากขึ้น ได้ทำลายสมดุลสภาพแวดล้อมภายในถ้ำ
“งานที่ยากที่สุดของเราคือ การปกป้องสิ่งแวดล้อมในถ้ำ โดยเฉพาะจากพายุทะเลทราย ที่เป็นตัวทำลายจิตรกรรมอย่างร้ายกาจที่สุด”
หวัง สี่ว์ตง หัวหน้าสถาบันศึกษาแห่งตุนหวง เล่าถึงความยากลำบากและซับซ้อนของงานปฏิสังขรณ์ว่า “แต่ละถ้ำนั้น มีสภาพความชื้น อุณหภูมิ และละอองแร่ธาตุที่แตกต่างกัน ดังนั้น เราจะต้องกำหนดวิธีการซ่อมแซมที่แตกต่างกันไปในแต่ละถ้ำ”
ถ้ำพุทธศิลป์ถูกค้นพบเมื่อราว 100 ปีที่ผ่านมา ทุกวันนี้ แม้ถ้ำมรดกโลกแห่งนี้ได้รับความสนใจและอนุรักษ์ แต่ก็ กำลังเสี่ยงต่อ “ความรัก” ที่รุมเร้าเข้ามาพร้อมกับพิษที่ถึงตาย ซึ่งเร่งการลบเลือนของจิตรกรรมพุทธศิลป์บนผนังถ้ำ ด้วยกระแสการท่องเที่ยวที่คึกคักขึ้นในจีน ทำให้มีผู้คนหลั่งไหลมาชมถ้ำม่อเกาคูมากกว่าวันละ 7,000 คน ขณะที่ ตัวเลขที่เหมาะสมและปลอดภัยอยู่ที่ 2,000 คน เนื่องจากยิ่งมีผู้คนเข้ามามาก ระดับคาร์บอนไดออกไซด์ อุณหภูมิ และความชื้น ก็ยิ่งเพิ่มสูง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ เป็นศัตรูอันร้ายกาจ ของภาพเขียนสีน้ำบนผนัง นายหวังบอกว่า การที่จะทำให้ สภาพแวดล้อมในถ้ำคืนสู่สภาพปกตินั้น เป็นเรื่องยากมาก สำหรับการปิดถ้ำนั้น ก็เป็นเรื่องยากเช่นกัน เนื่องจาก เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นต้องการรายได้จากการท่องเที่ยว ดังนั้น วิธีการแก้ปัญหา จึงเป็นการซ่อมแซม ซึ่งก็เป็นงานที่ยาก เนื่องจากจะหาช่างฝีมือดี มาทำงานละเอียดประณีตเช่นนี้ได้ยากมาก
(จาก AFP)
ลูกยอดกตัญญูู สร้างสามล้อพาแม่เที่ยวรอบจีน
• จีน : พี่ชายอยู่ด้านหน้าคอยลากรถสามล้อ น้องชายคอยเข็นเสริมแรงอยู่ด้านหลัง ส่วนผู้เป็นแม่นั่งชมทิวทัศน์สองข้างทาง นับเป็นภาพที่แปลกใหม่และเป็นที่สนใจของผู้คน สองข้างทางยิ่งนัก
สามล้อคันนี้ได้ชื่อว่า “รถแห่งกตัญญู” ที่สองพี่น้องตระกูลหวัง แห่งเมืองหลั่นซี มณฑลเฮยหลงเจียง คิดค้นประดิษฐ์ขึ้นเอง เพื่อจะพาหวังอี้ว์เสีย แม่บังเกิดเกล้าวัย 78 ปี ท่องเที่ยวไปยังเมืองต่างๆ
หวังข่ายลูกคนโตบอกว่า หลังจากที่ ตนเองและน้องชายปลดประจำการจากทหาร แล้ว จึงได้คิดประดิษฐ์สามล้อคันดังกล่าว เนื่องจากพ่อมีความฝันอยากออกไปท่องเที่ยว กับแม่สักครั้งด้วยรถสามล้อ โดยมีตนและน้องชายเป็นสารถีให้ แต่ทว่าสามล้อยังสร้างไม่เสร็จพ่อก็ด่วนจากไปเสียก่อนด้วยโรคหัวใจ ดังนั้นด้วยความกตัญญูและเพื่อสร้างฝันของพ่อให้เป็นจริง สองพี่น้องจึงพยายาม สร้างรถสามล้อจนเสร็จ และพาผู้เป็นแม่ออก เดินทางไกล
ทั้งนี้กำหนดการเดินทางของสามแม่ลูกตระกูลหวัง เป้าหมายแรกคือเกาะฮ่องกง แล้วเรื่อยมายังเกาะมาเก๊า จากนั้นกลับสู่ปักกิ่งเพื่อเข้าชมพิธีเปิดมหกรรมโอลิมปิกปักกิ่ง 2008 รวมระยะทาง 4,000 กม. ปัจจุบันทั้งสามได้เดินทางมาถึงยังเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ยด้วยระยะทาง 2,600 กม.
หวังอี้ว์เสียเปิดเผยอย่างตื้นตันใจว่า หลายปีที่ผ่านมา ตน ไม่ค่อยได้ออกไปไหนไกล เหมือนในครั้งนี้ ทำให้รู้สึกตื่นเต้น เป็นพิเศษ ยิ่งได้เห็นลูกทั้งสองกตัญญูขนาดนี้ ยิ่งรู้สึกว่าตนเป็นแม่ที่โชคดีที่สุด
(จาก Xinhuanet)
พบศาสนวัตถุโบราณ 18 ชิ้นในบังกลาเทศ
• บังกลาเทศ : ทีมนักโบราณคดี 7 คน ซึ่งนำโดย ผู้อำนวยการสำนักโบราณคดีภูมิภาค อับดุล กาลีก ซึ่งกำลังทำการขุดค้นซากพุทธสถานโบราณ ภาสุพิหาร ในตำบลโบกรา ของบังกลาเทศได้พบชิ้นส่วนศาสนวัตถุโบราณหลายชิ้นที่ทำจากดิน รวมทั้งเครื่องหมายธรรมจักร
นักโบราณคดีที่ร่วมกันขุดค้นเชื่อว่าชิ้นส่วนที่ขุดพบ 18 ชิ้นน่าจะมีอายุราว 1,000 ปี ในสมัยราชวงศ์ปาละ นอกจากนี้ นักโบราณคดีเหล่านี้ยังได้พบชิ้นส่วนเล็กๆ 2-3 ชิ้นที่ทำจากโลหะ และก้อนอิฐ 2 ก้อน ที่บริเวณโบราณสถานแห่งนี้ด้วย อย่างไรก็ตาม ยังไม่สามารถวัดอายุของอิฐทั้งสองก้อนนั้นได้
หนึ่งในทีมงานผู้ขุดค้นเปิดเผยแต่เพียงว่า “อิฐก้อนหนึ่งนั้นเก่าแก่มาก”
ความกว้างของก้อนอิฐที่ใช้สร้างกำแพงคล้ายกับอิฐ ที่ใช้สร้างวิหารของภาสุพิหาร ซึ่งหลวงจีนเหี้ยนจังหรือพระถังซัมจั๋งได้เขียนไว้ในบันทึกการเดินทาง โดยอ้างว่าได้เคยเห็นพระสงฆ์กว่า 700 คนที่วิหารแห่งนี้ เมื่อท่านได้ไปเยือนสถานที่นี้ระหว่าง ค.ศ.639-645
(จาก ANI)
ครบ 15 ปีแห่งความความสัมพันธ์ทางการทูตจีนมอบพระพุทธรูปพระโพธิสัตว์ให้เกาหลีใต้
• เกาหลี : ผู้แทนชาวพุทธของจีนได้ทำพิธีส่งมอบพระพุทธรูปพระกษิติครรภมหาโพธิสัตว์ (พระมหาโพธิสัตว์แห่งมหาปณิธานในการโปรดสัตว์นรกทั้งหลายให้พ้น จากนรกให้หมดสิ้น) ซึ่งทำจากไม้สนให้แก่ชาวพุทธเกาหลีใต้ในกรุงโซล
“การแลกเปลี่ยนและการร่วมมือกันทาง ด้านพุทธศาสนาของทั้งสองฝ่าย คือจีนกับเกาหลีใต้ เป็นสิ่งหนึ่งที่สำคัญที่สุดของการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมของทั้งสองประเทศ ผมหวังว่าพระพุทธรูปองค์นี้จะช่วยกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนและชาวพุทธ ในประเทศของเราทั้งสอง” ลี เซี่ยวเหวิน ประธานสมาคมการสื่อสารศาสนาวัฒนธรรม
ของจีน กล่าวในพิธีมอบพระพุทธรูป ซึ่งจัดขึ้นที่วัดบอนเจียนซา
ทั้งนี้ พุทธศาสนิกชนชาวเกาหลีกว่า 4,000 คน ได้เข้าร่วมในพิธีรับมอบพระพุทธรูปครั้งนี้ โดยโฆษกรัฐสภาของเกาหลีใต้ นายอิม เช-ซอง และรัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรมของเกาหลีใต้ นายคิม ซอง-มิน ได้ส่งสาส์น แสดงความยินดีในการนี้ด้วย
พระพุทธรูปดังกล่าวสูง 1.88 เมตร ทำจากไม้สน มีความเกี่ยวข้องกับเจ้าชายองค์หนึ่งแห่งอาณาจักรซิลลาของเกาหลี ซึ่งรู้จักกันดีในนามคิมเกียว-แก พระองค์ได้เดินทางไปประเทศจีนระหว่างราชวงศ์ถัง (ค.ศ. 618-907) และได้ตั้งรกรากอยู่ที่ภูเขา จิวฮัว มณฑลอานฮุย ทางตะวันออกของจีน เพื่อฝึกหัดปฏิบัติธรรม จนกระทั่งสิ้นพระชนม์เมื่ออายุ 99 ปี พุทธศาสนิกชนชาวจีนเชื่อกันว่าพระองค์เป็นพระกษิติครรภมหาโพธิสัตว์ ที่กลับชาติมาเกิด
“กว่า 1,200 ปีล่วงมาแล้ว เจ้าชายคิมแห่งอาณาจักรซิลลา ได้เดินทางไปจีน และได้รับความเคารพศรัทธาว่าเป็นพระกษิติครรภมหาโพธิสัตว์ที่กลับชาติมาเกิด ซึ่งถือ เป็นตำนานแห่งมิตรภาพของจีนและเกาหลี และเนื่องในโอกาสครบรอบ 15 ปีของความ สัมพันธ์ทางการทูตระหว่างจีนและเกาหลีใต้ พระพุทธรูปองค์นี้จะช่วยส่งเสริมมิตรภาพระหว่างกัน” นายหนิง ฟูกุย เอกอัครราชทูตจีนประจำเกาหลีใต้ กล่าว
อนึ่ง จีนและเกาหลีใต้ได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการ ในปีค.ศ.1992
(จาก Xinhuanet)
จีนเตรียมบูรณะพระพุทธรูปแห่งเขาเล่อซัน
• จีน : เผิงเซียวอี๋ ผู้อำนวยการสถาบันโบราณวัตถุทางวัฒนธรรมของจีนกล่าวว่า จีนเตรียมบูรณะพระพักตร์พระพุทธรูปแห่งเขาเล่อซัน พระพุทธรูปโบราณที่สูงที่สุดในโลก และเป็นพระพุทธรูปชื่อดังของมณฑลเสฉวน เนื่องจากถูกทำลายจากสภาพแวดล้อมมาเป็นเวลาหลายปี โดยทีมนักวิทยาศาสตร์จะเริ่มลงมือบูรณะในปี 2008
พระพุทธรูปเล่อซัน เป็นพระพุทธรูปแกะสลักหน้าผาเหนือจุดบรรจบของแม่น้ำ หมินเจียง ชิงอี และต้าตู้ มี อายุเก่าแก่ถึง 1,200 กว่าปี โดยสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 713 ในสมัยราชวงศ์ถัง (ค.ศ.618-907) ใช้เวลาราว 90 ปี มีความกว้างช่วงพระอังสา(ช่วงไหล่) 28 เมตรและสูง 71 เมตรได้รับการประกาศเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมจากองค์การยูเนสโกในปี 1996
ทั้งนี้ จีนได้ทำการบูรณะพระพุทธรูปเล่อซันหลายครั้งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยใน ปี 2001 ได้ทุ่มเงิน 250 ล้านหยวนซ่อมองค์พระและติดตั้งท่อระบายน้ำหลายท่อ และตั้งแต่ ปี 2003 เป็นต้นมา มีการอพยพประชาชนหลายพันคนออกจากพื้นที่จุดชมวิว รวมถึงย้าย โรงงานไฟฟ้าพลังงานถ่านหิน และโรงงานขนาดเล็กที่ตั้งอยู่ในบริเวณนั้นเพื่อลดมลพิษ
(จาก AFP)
พระเส้าหลินไม่เข้าร่วมแข่งกังฟูในโอลิมปิก
• จีน : แม้จะมีการประกาศให้วูซู ซึ่งรู้จักกันดีทางตะวันตกว่ากังฟู ได้แข่งขันในกีฬาโอลิมปิกที่กรุงปักกิ่ง ในปี 2008 แต่วัดเส้าหลินซึ่งมี ชื่อเสียงโด่งดังด้านกังฟู โดยชีอาน ถ่าเหลียง ผู้จัดการทั่วไปของบริษัท เหอหนานเส้าหลินพัฒนา จำกัด เปิดเผยว่า พระสงฆ์ของวัดเส้าหลินจะไม่เข้าร่วมในการแข่งขันครั้งนี้
“วูซูของจีนได้กลายมาเป็นกีฬาในการแข่งขัน ส่วนวูซูของวัดเส้าหลิน ได้กลายเป็นศิลปะการต่อสู้ที่เป็นมรดกของวัฒนธรรมประเพณี ทั้งสอง แบบนี้มีธรรมชาติ มาตรฐาน และความหมายที่แตกต่างกัน การปฏิบัติของวูซูทั่วไปนั้นสามารถนับจำนวนปริมาณได้ แต่สำหรับวูซูของเส้าหลิน ไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ เพราะศิลปะการต่อสู้ของเส้าหลินนั้นมีรากฐาน มาจากพุทธศาสนา ซึ่งได้ผสมผสานกันระหว่างพุทธศาสนากับกังฟู ในอดีต ผู้คนที่เข้ามาฝึกวูซูของเส้าหลินนั้นก็เพื่อใช้ป้องกันตัวเองจากคนภายนอก ไม่ใช่เพื่อการแข่งขัน กังฟูของเส้าหลินเป็นมรดกทางวัฒนธรรม จึงไม่สามารถไปจัดเป็นกีฬาที่ใช้แข่งขัน และพระทั้งหมดของเส้าหลินก็จะไม่เข้าร่วมในการแข่งขันครั้งนี้” ชีอานกล่าว
อย่างไรก็ตาม ชีอานกล่าวว่า วัดเส้าหลินจะสนับสนุนการจัดกิจกรรมของโอลิมปิก ในหนทางแห่งวัฒนธรรมและจิตวิญญาณ และจะร่วมส่งศิลปะการต่อสู้ของพระวัดเส้าหลินไปแสดงในพิธีเปิดกีฬาโอลิมปิกหากได้รับการร้องขอ
(จาก Xinhuanet)
“เด็กเก็บขยะ” สะสมเงินให้เด็กเอดส์กำพร้า
• จีน : เด็กชายซุน ฮุ่ยสี วัย 12 ปี นักเรียนโรงเรียนมัธยมเสี่ยวหง ในเมืองฮาร์บิน มณฑลเฮยหลงเจียง ของจีน ได้บริจาคเงิน 20,000 หยวน หรือราว 100,000 บาท ให้แก่เด็กกำพร้าที่ติดเชื้อเอดส์ใน มณฑลเหอหนัน ซึ่งเงินก้อนนี้ ซุนเก็บหอมรอมริบได้ จากการเก็บขายขวดน้ำอัดลมพลาสติก 160,000 ใบ
เด็กชายซุนเล่าว่าเขาเริ่มเก็บสะสมเงินก้อนนี้เมื่อ 2 ปีที่แล้วหลังจากที่ได้ยินมาว่า มีการจัดตั้งหน่วยช่วย เหลือเด็กกำพร้า “ริบบิ้นแดง” ในเขตซังฉาย มณฑลเหอหนาน ซึ่งเป็นถิ่นของผู้ติดเชื้อ HIV หรือไวรัสเอดส์
ครั้งแรก ซุนได้อุทิศเงินที่เขาหยอดกระปุกไว้ จำนวน 222 หยวน ให้แก่เด็กกำพร้า ต่อมาก็ได้รับเชิญเข้าร่วมพิธีเปิด“บ้านริบบิ้นแดง” หลังจากที่ซุน ได้บริจาคเงินกว่า 4,000 หยวน ที่เก็บสะสมได้จาก การเก็บขวดขาย และค่าบทความที่เขาเขียนส่งนิตยสารและหนังสือพิมพ์ต่างๆ ทว่า ความมีเมตตาจิตอันสูงส่งของเขา กลับถูกเพื่อนๆล้อหัวเราะเยาะ ต่างพา กันเรียกเขาว่า “ไอ้เด็กเก็บขยะ”
“ผมเสียใจ ที่ทำความดี แต่ทำไมพวกเขากลับมา ล้อผมแบบนี้ ผมต้องการให้ความรักความอบอุ่นแก่เด็กกำพร้า พวกเขาจะได้ไม่รู้สึกเหงาโดดเดี่ยว ถ้าทุกคนแสดงความรักแก่เขาบ้าง”
สำหรับพ่อแม่ของเด็กชายซุนนั้น สามารถหาเงินได้ในแต่ละเดือน ราว 2,000 หยวน แม่ของซุนมักปรามลูกชายเรื่องเก็บขยะ เนื่องจากกลัวเสียสุขภาพ และบอกให้ลูกเอาเงินไปซื้อของให้ตัวเอง
แต่ซุนกลับบอกแม่ว่า “ผมก็อยากซื้อเกมส์ หรือถุงเท้าเหมือนกัน แต่มันไม่จำเป็นสำหรับผม ส่วนเด็กกำพร้า เงินเหล่านี้สามารถช่วยให้เขามีอาหารกิน และได้ไปโรงเรียน”
ซุนได้รับรางวัลเกียรติยศแห่งชาติ สำหรับการอุทิศให้แก่โครงการต่อต้านเอดส์ของประเทศ และเข้าร่วมรายการพิเศษของสถานีโทรทัศน์กลางแห่งประเทศจีน (CCTV) เนื่องในวันเอดส์โลกปีที่ 20 เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2550
(จาก Chaina Daily)
(จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 86 ม.ค. 51 โดยเภตรา)
• ศรีลังกา : ผู้จัดการทีวีพุทธศาสนาช่องแรกของศรีลังกา นายภันเตได้ออกมาวิงวอนชาวพุทธให้ช่วยกันบริจาคเพื่อช่วยสนับสนุนทีวีช่องพุทธศาสนาแห่งนี้ ซึ่งได้เปิด ดำเนินการมาด้วยความอุตสาหพยายามของพระภิกษุชาวเดนมาร์ก จากวัดเดนมาร์กเมตตาวิหาร ในศรีลังกา
ทั้งนี้นายภันเต ผู้จัดการทีวีช่องนี้ เปิดเผยว่าตั้งแต่เริ่มดำเนินมาก็ไม่ได้มีการโฆษณาประชาสัมพันธ์อะไรมากมาย ทำให้คนจำนวนมากอาจจะไม่เคยได้ยินเรื่องราวของทีวีช่อง พุทธศาสนาแห่งแรกของศรีลังกา ซึ่งมีชื่อว่า “ธรรมวาหิณี”
โดยเมื่อเร็วๆนี้ ช่องธรรมวาหิณี มีเจ้าหน้าที่ผู้ดำเนินการ เพียง 3-4 คน รวมทั้งนายภันเตด้วย และเงินบริจาคของเอกชนเพียง 2-3 ราย ซึ่งไม่อาจจะอยู่ได้ในระยะยาว
นายภันเตเล่าว่าพระภิกษุชาวเดนมาร์ก จากวัดเมตตาวิหาร เป็นผู้มีคุณูปการต่อพระพุทธศาสนามาก โดยท่านได้ แปลพระไตรปิฎกและจัดทำในรูปแบบฉบับคอมพิวเตอร์ และเปิดให้ใช้ฟรีทางอินเตอร์เน็ต
“วัตถุประสงค์ของพระภิกษุรูปนี้ในการจัดทำโทรทัศน์ช่องพระพุทธศาสนา “ธรรมวาหิณี” นี้ ไม่เพียงแต่เพื่อเผยแผ่ ธรรมะเท่านั้น แต่ที่สำคัญที่สุดคือการพยายามสร้างสังคมของชาวศรีลังกา ซึ่งขาดการพัฒนาและความเจริญ ให้มีคุณค่ามากที่สุดเท่าที่จะทำได้”
โทรทัศน์ช่องดังกล่าวมีค่าใช้จ่ายต่อเดือนราว 250,000 รูปีศรีลังกา หรือราว 2,260 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งนายภันเตหวังว่า จะหาผู้บริจาคจากทั่วโลกให้ได้อย่างน้อย 250 รายต่อปี ซึ่งแต่ละรายสามารถบริจาคได้ปีละ 12,000 รูปีศรีลังกา หรือราว 108 ดอลลาร์สหรัฐ ก็จะทำให้โทรทัศน์ช่องพระพุทธศาสนา แห่งแรกของศรีลังกาสามารถดำเนินการต่อไปได้
(จาก TNO)
“ความรัก” ที่รุมเร้าลบเลือนภาพพุทธแห่งม่อเกาคู
• จีน : ท่ามกลางแสงตะเกียงดวงเล็ก นายช่างกำลังบรรจงป้ายน้ำยาประสานลงบนภาพเขียนสีน้ำล้ำค่าอายุกว่า 1,000 ปี เพื่อต่อชีวิตพุทธศิลป์แห่งถ้ำผาม่อเกาคู เมืองตุนหวง ที่ตั้งอยู่บนเส้นทางสายไหมอันเลื่องลือในอดีต
จิตรกรรมพุทธศิลป์แห่งม่อเกาคูนี้ ถือกำเนิดจากแรงบันดาลใจในคุณค่าพุทธศาสนาเมื่อ 1,650 ปี ผู้สร้างคือ พระที่มาปฏิบัติธรรมในถ้ำผากลางทะเลทรายตั้งแต่ราวศตวรรษที่ 4 ในช่วงราชวงศ์จิ้นตะวันออก (ค.ศ.317-420) และมีการสร้างสรรค์สืบเนื่องกันมาถึงราชวงศ์หยวน (ค.ศ1271-1368) รวมเวลากว่า 1,000 ปี ภาพพระพุทธรูป และเรื่องราวชีวิตที่เกี่ยวโยงกับพุทธศาสนาถูกรังสรรค์ขึ้นอย่างวิจิตรประณีตในถ้ำผาถึง 492 แห่งของม่อเกาคู ความงดงาม อลังการ และคุณค่าทางศิลปะ อีกทั้งคัมภีร์พุทธศาสนาอันล้ำค่านิรันดร ส่งให้ถ้ำผาพุทธศิลป์แห่งม่อเกาคู ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกขององค์การยูเนสโก
ทว่า ณ วันนี้ ภาพพุทธศิลป์เหล่านี้ กำลังเลือนลางไปอย่างน่าใจหาย สืบเนื่องจากกระแสท่องเที่ยว และการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ
ฟาน ไจ้เสวียน หัวหน้าผู้รับผิดชอบงานปฏิสังขรณ์ภาพจิตรกรรมม่อเกาคู กำลังทำงานแข่งขันกับเวลา เพื่อต่อ ชีวิตแก่มรดกชิ้นเอกของโลกนี้ เขาเล่าว่าในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ภาพเหล่านี้เสื่อมสลายไปอย่างรวดเร็ว อันเป็นผลพวงจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศที่เลวร้ายลง ทุกวัน พายุทะเลทรายที่พัดกรรโชกอย่างรุนแรงบ่อยมากขึ้น ได้ทำลายสมดุลสภาพแวดล้อมภายในถ้ำ
“งานที่ยากที่สุดของเราคือ การปกป้องสิ่งแวดล้อมในถ้ำ โดยเฉพาะจากพายุทะเลทราย ที่เป็นตัวทำลายจิตรกรรมอย่างร้ายกาจที่สุด”
หวัง สี่ว์ตง หัวหน้าสถาบันศึกษาแห่งตุนหวง เล่าถึงความยากลำบากและซับซ้อนของงานปฏิสังขรณ์ว่า “แต่ละถ้ำนั้น มีสภาพความชื้น อุณหภูมิ และละอองแร่ธาตุที่แตกต่างกัน ดังนั้น เราจะต้องกำหนดวิธีการซ่อมแซมที่แตกต่างกันไปในแต่ละถ้ำ”
ถ้ำพุทธศิลป์ถูกค้นพบเมื่อราว 100 ปีที่ผ่านมา ทุกวันนี้ แม้ถ้ำมรดกโลกแห่งนี้ได้รับความสนใจและอนุรักษ์ แต่ก็ กำลังเสี่ยงต่อ “ความรัก” ที่รุมเร้าเข้ามาพร้อมกับพิษที่ถึงตาย ซึ่งเร่งการลบเลือนของจิตรกรรมพุทธศิลป์บนผนังถ้ำ ด้วยกระแสการท่องเที่ยวที่คึกคักขึ้นในจีน ทำให้มีผู้คนหลั่งไหลมาชมถ้ำม่อเกาคูมากกว่าวันละ 7,000 คน ขณะที่ ตัวเลขที่เหมาะสมและปลอดภัยอยู่ที่ 2,000 คน เนื่องจากยิ่งมีผู้คนเข้ามามาก ระดับคาร์บอนไดออกไซด์ อุณหภูมิ และความชื้น ก็ยิ่งเพิ่มสูง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ เป็นศัตรูอันร้ายกาจ ของภาพเขียนสีน้ำบนผนัง นายหวังบอกว่า การที่จะทำให้ สภาพแวดล้อมในถ้ำคืนสู่สภาพปกตินั้น เป็นเรื่องยากมาก สำหรับการปิดถ้ำนั้น ก็เป็นเรื่องยากเช่นกัน เนื่องจาก เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นต้องการรายได้จากการท่องเที่ยว ดังนั้น วิธีการแก้ปัญหา จึงเป็นการซ่อมแซม ซึ่งก็เป็นงานที่ยาก เนื่องจากจะหาช่างฝีมือดี มาทำงานละเอียดประณีตเช่นนี้ได้ยากมาก
(จาก AFP)
ลูกยอดกตัญญูู สร้างสามล้อพาแม่เที่ยวรอบจีน
• จีน : พี่ชายอยู่ด้านหน้าคอยลากรถสามล้อ น้องชายคอยเข็นเสริมแรงอยู่ด้านหลัง ส่วนผู้เป็นแม่นั่งชมทิวทัศน์สองข้างทาง นับเป็นภาพที่แปลกใหม่และเป็นที่สนใจของผู้คน สองข้างทางยิ่งนัก
สามล้อคันนี้ได้ชื่อว่า “รถแห่งกตัญญู” ที่สองพี่น้องตระกูลหวัง แห่งเมืองหลั่นซี มณฑลเฮยหลงเจียง คิดค้นประดิษฐ์ขึ้นเอง เพื่อจะพาหวังอี้ว์เสีย แม่บังเกิดเกล้าวัย 78 ปี ท่องเที่ยวไปยังเมืองต่างๆ
หวังข่ายลูกคนโตบอกว่า หลังจากที่ ตนเองและน้องชายปลดประจำการจากทหาร แล้ว จึงได้คิดประดิษฐ์สามล้อคันดังกล่าว เนื่องจากพ่อมีความฝันอยากออกไปท่องเที่ยว กับแม่สักครั้งด้วยรถสามล้อ โดยมีตนและน้องชายเป็นสารถีให้ แต่ทว่าสามล้อยังสร้างไม่เสร็จพ่อก็ด่วนจากไปเสียก่อนด้วยโรคหัวใจ ดังนั้นด้วยความกตัญญูและเพื่อสร้างฝันของพ่อให้เป็นจริง สองพี่น้องจึงพยายาม สร้างรถสามล้อจนเสร็จ และพาผู้เป็นแม่ออก เดินทางไกล
ทั้งนี้กำหนดการเดินทางของสามแม่ลูกตระกูลหวัง เป้าหมายแรกคือเกาะฮ่องกง แล้วเรื่อยมายังเกาะมาเก๊า จากนั้นกลับสู่ปักกิ่งเพื่อเข้าชมพิธีเปิดมหกรรมโอลิมปิกปักกิ่ง 2008 รวมระยะทาง 4,000 กม. ปัจจุบันทั้งสามได้เดินทางมาถึงยังเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ยด้วยระยะทาง 2,600 กม.
หวังอี้ว์เสียเปิดเผยอย่างตื้นตันใจว่า หลายปีที่ผ่านมา ตน ไม่ค่อยได้ออกไปไหนไกล เหมือนในครั้งนี้ ทำให้รู้สึกตื่นเต้น เป็นพิเศษ ยิ่งได้เห็นลูกทั้งสองกตัญญูขนาดนี้ ยิ่งรู้สึกว่าตนเป็นแม่ที่โชคดีที่สุด
(จาก Xinhuanet)
พบศาสนวัตถุโบราณ 18 ชิ้นในบังกลาเทศ
• บังกลาเทศ : ทีมนักโบราณคดี 7 คน ซึ่งนำโดย ผู้อำนวยการสำนักโบราณคดีภูมิภาค อับดุล กาลีก ซึ่งกำลังทำการขุดค้นซากพุทธสถานโบราณ ภาสุพิหาร ในตำบลโบกรา ของบังกลาเทศได้พบชิ้นส่วนศาสนวัตถุโบราณหลายชิ้นที่ทำจากดิน รวมทั้งเครื่องหมายธรรมจักร
นักโบราณคดีที่ร่วมกันขุดค้นเชื่อว่าชิ้นส่วนที่ขุดพบ 18 ชิ้นน่าจะมีอายุราว 1,000 ปี ในสมัยราชวงศ์ปาละ นอกจากนี้ นักโบราณคดีเหล่านี้ยังได้พบชิ้นส่วนเล็กๆ 2-3 ชิ้นที่ทำจากโลหะ และก้อนอิฐ 2 ก้อน ที่บริเวณโบราณสถานแห่งนี้ด้วย อย่างไรก็ตาม ยังไม่สามารถวัดอายุของอิฐทั้งสองก้อนนั้นได้
หนึ่งในทีมงานผู้ขุดค้นเปิดเผยแต่เพียงว่า “อิฐก้อนหนึ่งนั้นเก่าแก่มาก”
ความกว้างของก้อนอิฐที่ใช้สร้างกำแพงคล้ายกับอิฐ ที่ใช้สร้างวิหารของภาสุพิหาร ซึ่งหลวงจีนเหี้ยนจังหรือพระถังซัมจั๋งได้เขียนไว้ในบันทึกการเดินทาง โดยอ้างว่าได้เคยเห็นพระสงฆ์กว่า 700 คนที่วิหารแห่งนี้ เมื่อท่านได้ไปเยือนสถานที่นี้ระหว่าง ค.ศ.639-645
(จาก ANI)
ครบ 15 ปีแห่งความความสัมพันธ์ทางการทูตจีนมอบพระพุทธรูปพระโพธิสัตว์ให้เกาหลีใต้
• เกาหลี : ผู้แทนชาวพุทธของจีนได้ทำพิธีส่งมอบพระพุทธรูปพระกษิติครรภมหาโพธิสัตว์ (พระมหาโพธิสัตว์แห่งมหาปณิธานในการโปรดสัตว์นรกทั้งหลายให้พ้น จากนรกให้หมดสิ้น) ซึ่งทำจากไม้สนให้แก่ชาวพุทธเกาหลีใต้ในกรุงโซล
“การแลกเปลี่ยนและการร่วมมือกันทาง ด้านพุทธศาสนาของทั้งสองฝ่าย คือจีนกับเกาหลีใต้ เป็นสิ่งหนึ่งที่สำคัญที่สุดของการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมของทั้งสองประเทศ ผมหวังว่าพระพุทธรูปองค์นี้จะช่วยกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนและชาวพุทธ ในประเทศของเราทั้งสอง” ลี เซี่ยวเหวิน ประธานสมาคมการสื่อสารศาสนาวัฒนธรรม
ของจีน กล่าวในพิธีมอบพระพุทธรูป ซึ่งจัดขึ้นที่วัดบอนเจียนซา
ทั้งนี้ พุทธศาสนิกชนชาวเกาหลีกว่า 4,000 คน ได้เข้าร่วมในพิธีรับมอบพระพุทธรูปครั้งนี้ โดยโฆษกรัฐสภาของเกาหลีใต้ นายอิม เช-ซอง และรัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรมของเกาหลีใต้ นายคิม ซอง-มิน ได้ส่งสาส์น แสดงความยินดีในการนี้ด้วย
พระพุทธรูปดังกล่าวสูง 1.88 เมตร ทำจากไม้สน มีความเกี่ยวข้องกับเจ้าชายองค์หนึ่งแห่งอาณาจักรซิลลาของเกาหลี ซึ่งรู้จักกันดีในนามคิมเกียว-แก พระองค์ได้เดินทางไปประเทศจีนระหว่างราชวงศ์ถัง (ค.ศ. 618-907) และได้ตั้งรกรากอยู่ที่ภูเขา จิวฮัว มณฑลอานฮุย ทางตะวันออกของจีน เพื่อฝึกหัดปฏิบัติธรรม จนกระทั่งสิ้นพระชนม์เมื่ออายุ 99 ปี พุทธศาสนิกชนชาวจีนเชื่อกันว่าพระองค์เป็นพระกษิติครรภมหาโพธิสัตว์ ที่กลับชาติมาเกิด
“กว่า 1,200 ปีล่วงมาแล้ว เจ้าชายคิมแห่งอาณาจักรซิลลา ได้เดินทางไปจีน และได้รับความเคารพศรัทธาว่าเป็นพระกษิติครรภมหาโพธิสัตว์ที่กลับชาติมาเกิด ซึ่งถือ เป็นตำนานแห่งมิตรภาพของจีนและเกาหลี และเนื่องในโอกาสครบรอบ 15 ปีของความ สัมพันธ์ทางการทูตระหว่างจีนและเกาหลีใต้ พระพุทธรูปองค์นี้จะช่วยส่งเสริมมิตรภาพระหว่างกัน” นายหนิง ฟูกุย เอกอัครราชทูตจีนประจำเกาหลีใต้ กล่าว
อนึ่ง จีนและเกาหลีใต้ได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการ ในปีค.ศ.1992
(จาก Xinhuanet)
จีนเตรียมบูรณะพระพุทธรูปแห่งเขาเล่อซัน
• จีน : เผิงเซียวอี๋ ผู้อำนวยการสถาบันโบราณวัตถุทางวัฒนธรรมของจีนกล่าวว่า จีนเตรียมบูรณะพระพักตร์พระพุทธรูปแห่งเขาเล่อซัน พระพุทธรูปโบราณที่สูงที่สุดในโลก และเป็นพระพุทธรูปชื่อดังของมณฑลเสฉวน เนื่องจากถูกทำลายจากสภาพแวดล้อมมาเป็นเวลาหลายปี โดยทีมนักวิทยาศาสตร์จะเริ่มลงมือบูรณะในปี 2008
พระพุทธรูปเล่อซัน เป็นพระพุทธรูปแกะสลักหน้าผาเหนือจุดบรรจบของแม่น้ำ หมินเจียง ชิงอี และต้าตู้ มี อายุเก่าแก่ถึง 1,200 กว่าปี โดยสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 713 ในสมัยราชวงศ์ถัง (ค.ศ.618-907) ใช้เวลาราว 90 ปี มีความกว้างช่วงพระอังสา(ช่วงไหล่) 28 เมตรและสูง 71 เมตรได้รับการประกาศเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมจากองค์การยูเนสโกในปี 1996
ทั้งนี้ จีนได้ทำการบูรณะพระพุทธรูปเล่อซันหลายครั้งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยใน ปี 2001 ได้ทุ่มเงิน 250 ล้านหยวนซ่อมองค์พระและติดตั้งท่อระบายน้ำหลายท่อ และตั้งแต่ ปี 2003 เป็นต้นมา มีการอพยพประชาชนหลายพันคนออกจากพื้นที่จุดชมวิว รวมถึงย้าย โรงงานไฟฟ้าพลังงานถ่านหิน และโรงงานขนาดเล็กที่ตั้งอยู่ในบริเวณนั้นเพื่อลดมลพิษ
(จาก AFP)
พระเส้าหลินไม่เข้าร่วมแข่งกังฟูในโอลิมปิก
• จีน : แม้จะมีการประกาศให้วูซู ซึ่งรู้จักกันดีทางตะวันตกว่ากังฟู ได้แข่งขันในกีฬาโอลิมปิกที่กรุงปักกิ่ง ในปี 2008 แต่วัดเส้าหลินซึ่งมี ชื่อเสียงโด่งดังด้านกังฟู โดยชีอาน ถ่าเหลียง ผู้จัดการทั่วไปของบริษัท เหอหนานเส้าหลินพัฒนา จำกัด เปิดเผยว่า พระสงฆ์ของวัดเส้าหลินจะไม่เข้าร่วมในการแข่งขันครั้งนี้
“วูซูของจีนได้กลายมาเป็นกีฬาในการแข่งขัน ส่วนวูซูของวัดเส้าหลิน ได้กลายเป็นศิลปะการต่อสู้ที่เป็นมรดกของวัฒนธรรมประเพณี ทั้งสอง แบบนี้มีธรรมชาติ มาตรฐาน และความหมายที่แตกต่างกัน การปฏิบัติของวูซูทั่วไปนั้นสามารถนับจำนวนปริมาณได้ แต่สำหรับวูซูของเส้าหลิน ไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ เพราะศิลปะการต่อสู้ของเส้าหลินนั้นมีรากฐาน มาจากพุทธศาสนา ซึ่งได้ผสมผสานกันระหว่างพุทธศาสนากับกังฟู ในอดีต ผู้คนที่เข้ามาฝึกวูซูของเส้าหลินนั้นก็เพื่อใช้ป้องกันตัวเองจากคนภายนอก ไม่ใช่เพื่อการแข่งขัน กังฟูของเส้าหลินเป็นมรดกทางวัฒนธรรม จึงไม่สามารถไปจัดเป็นกีฬาที่ใช้แข่งขัน และพระทั้งหมดของเส้าหลินก็จะไม่เข้าร่วมในการแข่งขันครั้งนี้” ชีอานกล่าว
อย่างไรก็ตาม ชีอานกล่าวว่า วัดเส้าหลินจะสนับสนุนการจัดกิจกรรมของโอลิมปิก ในหนทางแห่งวัฒนธรรมและจิตวิญญาณ และจะร่วมส่งศิลปะการต่อสู้ของพระวัดเส้าหลินไปแสดงในพิธีเปิดกีฬาโอลิมปิกหากได้รับการร้องขอ
(จาก Xinhuanet)
“เด็กเก็บขยะ” สะสมเงินให้เด็กเอดส์กำพร้า
• จีน : เด็กชายซุน ฮุ่ยสี วัย 12 ปี นักเรียนโรงเรียนมัธยมเสี่ยวหง ในเมืองฮาร์บิน มณฑลเฮยหลงเจียง ของจีน ได้บริจาคเงิน 20,000 หยวน หรือราว 100,000 บาท ให้แก่เด็กกำพร้าที่ติดเชื้อเอดส์ใน มณฑลเหอหนัน ซึ่งเงินก้อนนี้ ซุนเก็บหอมรอมริบได้ จากการเก็บขายขวดน้ำอัดลมพลาสติก 160,000 ใบ
เด็กชายซุนเล่าว่าเขาเริ่มเก็บสะสมเงินก้อนนี้เมื่อ 2 ปีที่แล้วหลังจากที่ได้ยินมาว่า มีการจัดตั้งหน่วยช่วย เหลือเด็กกำพร้า “ริบบิ้นแดง” ในเขตซังฉาย มณฑลเหอหนาน ซึ่งเป็นถิ่นของผู้ติดเชื้อ HIV หรือไวรัสเอดส์
ครั้งแรก ซุนได้อุทิศเงินที่เขาหยอดกระปุกไว้ จำนวน 222 หยวน ให้แก่เด็กกำพร้า ต่อมาก็ได้รับเชิญเข้าร่วมพิธีเปิด“บ้านริบบิ้นแดง” หลังจากที่ซุน ได้บริจาคเงินกว่า 4,000 หยวน ที่เก็บสะสมได้จาก การเก็บขวดขาย และค่าบทความที่เขาเขียนส่งนิตยสารและหนังสือพิมพ์ต่างๆ ทว่า ความมีเมตตาจิตอันสูงส่งของเขา กลับถูกเพื่อนๆล้อหัวเราะเยาะ ต่างพา กันเรียกเขาว่า “ไอ้เด็กเก็บขยะ”
“ผมเสียใจ ที่ทำความดี แต่ทำไมพวกเขากลับมา ล้อผมแบบนี้ ผมต้องการให้ความรักความอบอุ่นแก่เด็กกำพร้า พวกเขาจะได้ไม่รู้สึกเหงาโดดเดี่ยว ถ้าทุกคนแสดงความรักแก่เขาบ้าง”
สำหรับพ่อแม่ของเด็กชายซุนนั้น สามารถหาเงินได้ในแต่ละเดือน ราว 2,000 หยวน แม่ของซุนมักปรามลูกชายเรื่องเก็บขยะ เนื่องจากกลัวเสียสุขภาพ และบอกให้ลูกเอาเงินไปซื้อของให้ตัวเอง
แต่ซุนกลับบอกแม่ว่า “ผมก็อยากซื้อเกมส์ หรือถุงเท้าเหมือนกัน แต่มันไม่จำเป็นสำหรับผม ส่วนเด็กกำพร้า เงินเหล่านี้สามารถช่วยให้เขามีอาหารกิน และได้ไปโรงเรียน”
ซุนได้รับรางวัลเกียรติยศแห่งชาติ สำหรับการอุทิศให้แก่โครงการต่อต้านเอดส์ของประเทศ และเข้าร่วมรายการพิเศษของสถานีโทรทัศน์กลางแห่งประเทศจีน (CCTV) เนื่องในวันเอดส์โลกปีที่ 20 เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2550
(จาก Chaina Daily)
(จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 86 ม.ค. 51 โดยเภตรา)