ในความเป็นไป
วรศักดิ์ มหัทธโนบล
ผมเล่าเรื่องอาหารจีนที่คุนหมิงไปหนึ่งตอน แต่ก็ขอบออกก่อนว่า เรื่องอาหารจีนนี้ยังไม่จบ และยังมีให้เล่าอยู่เรื่อยๆ ขึ้นอยู่กับว่าผมไปเจออาหารที่น่าสนใจหรือพิสดารอย่างไรบ้าง ที่นี้ก็ขอกลับมาที่เจ้าหน้าที่หญิงจาก กต.ที่มาดูแลพวกเราต่อ
หลังอาหารเย็นมื้อนั้นแล้ว เธอก็พาเรามาส่งที่โรงแรมพร้อมกับนัดหมายเวลาวันพรุ่งนี้ที่ต้องไปต่างจังหวัด โดยอาหารเช้าเธอแจ้งพวกเราว่าทางโรงแรมมีบริการอยู่แล้ว ให้เรากินกันที่โรงแรมโดยเธอจะมารับพวกเราตอนสายๆ พวกเรารับทราบและตกลงตามนั้น
ห้องนอนของโรงแรมนี้ผมเคยเล่าว่าเป็นโรงแรมที่สร้างในยุคคอมมิวนิสต์ รูปแบบสถาปัตยกรรมจึงเป็นรูปแบบในยุคนั้นที่ผมทราบต่อมาว่ามีอิทธิพลของรัสเซียปรากฏอยู่ เพราะนับแต่ปี 1949 ที่จีนเป็นคอมมิวนิสต์แล้วนั้น จีนได้รับการช่วยเหลือจากรัสเซียในหลายๆ ด้าน และการสร้างอาคารก็เป็นหนึ่งในความช่วยเหลือนั้น
อาคารที่รัสเซียสร้างนี้หลักๆ แล้วจะเป็นอาคารประจำเมืองซึ่งเป็นอาคารใหญ่ เป็นอาคารที่ใช้ในการประชุมใหญ่ จัดงานเลี้ยง จัดแสดงนิทรรศการต่างๆ หรือเป็นที่ต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง เป็นอาคารที่ดูขลังมาก โดยด้านหน้าอาคารจะสร้างเป็นโดมที่ยอดบนสุดมีโคมไฟรูปดาวแดงประดับอยู่ เวลาค่ำคืนไฟของโคมนี้จะถูกเปิด ทั่วทั้งเมืองก็จะเห็นไฟรูปดาวแดงเจิดจรัสอย่างกลางฟ้า
ใครที่เป็นซ้ายแล้วได้มาเห็นก็คงจะมีความสุข ว่าตนได้มาอยู่ในดินแดนแห่งอุดมคติแล้ว
อาคารอีกประเภทหนึ่งก็คือ โรงแรม ซึ่งก็สร้างขึ้นด้วยวัตถุประสงค์ที่ไม่ต่างกันกับอาคารในแบบแรก แต่ในแง่ห้องพักและอาหารแล้วก็จัดว่าสามารถต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองได้อย่างสมเกียรติ เฉพาะห้องพักที่พวกเราพักนั้น จัดเป็นห้องใหญ่ที่พักได้สามคน ห้องนี้จึงมีเตียงอยู่สามเตียง แต่ละเตียงก็ใหญ่พอที่จะนอนได้สองคน
เช้าวันรุ่งขึ้นเราก็เจอกันตามเวลานัด จากนั้นเราก็ออกเดินทางไปต่างจังหวัด และจังหวัดที่เราจะไปนี้ก็คือ อี้ว์ซี ที่ตั้งอยู่ทางใต้ของเมืองคุนหมิงราว 90 กิโลเมตร แต่เนื่องจากเวลานั้นจีนยังอยู่ในช่วงเพิ่งเริ่มการปฏิรูปได้ไม่นาน และยังไม่ได้ร่ำรวยอย่างทุกวันนี้ ถนนหนทางจึงยังเป็นแบบเก่า คือเป็นถนนที่มีเพียงสองเลนส์ ที่จะให้รถวิ่งเร็วแบบกรุงเทพฯ ไปหัวหิน ซึ่งมีระยะทางพอๆ กับคุนหมิงไปอี้ว์ซีนั้นคงเป็นไปได้ยาก จากเหตุนี้ เราจึงใช้เวลาเกือบสามชั่วโมงในการเดินทาง
พอมาถึงแล้วภาพแรกที่ผมเห็นก็พอเปรียบได้กับเมืองในต่างจังหวัดของไทยเมื่อ 50 ปีก่อน คือยังไม่เจริญมากนัก แต่กล่าวในแง่ประวัติศาสตร์แล้วถือเป็นเมืองเก่าแก่เลยทีเดียว กล่าวคือ เป็นเมืองที่ปรากฏอยู่ในบันทึกประวัติศาสตร์ในปี ค.ศ.900 ตั้งแต่ที่อวิ๋นหนันยังไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของจีน
การที่ปรากฏชื่อในปีดังกล่าวไม่ได้หมายความว่าเมืองนี้ตั้งขึ้นในปีที่ว่า เพราะจากหลักฐานทางโบราณคดีและบันทึกประวัติศาสตร์ต่างก็ชี้ว่า เมืองนี้มีมาก่อนสมัยราชวงศ์ฉินหรือก่อน ก.ค.ศ.221 แล้ว ก่อนที่จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของจีนในสมัยราชวงศ์ฮั่น (ก.ค.ศ.206-ค.ศ.24) โดยจัดเป็นเมืองสำคัญเมืองหนึ่งของอวิ๋นหนันมาโดยตลอด
อี้ว์ซีเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในเรื่องใบยาสูบ เมืองนี้จึงเป็นแหล่งผลิตบุหรี่ที่ขึ้นชื่อแห่งหนึ่งของจีนมาช้านาน บุหรี่จึงเป็นสินค้าที่สร้างรายได้ให้กับเมืองนี้ไปด้วย และเมื่อรวมไปถึงความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติเข้าด้วยแล้ว การผลิตทางด้านการเกษตรอื่นๆ ของเมืองนี้ก็ค่อนข้างดี จนเป็นที่รู้กันว่าคนเมืองนี้มีฐานะดีกว่าอีกหลายเมืองของอวิ๋นหนัน
เรื่องใบชากับคนจีนนั้นคงไม่ต้องพูดถึง เพราะเรารู้กันอยู่แล้วว่าคนจีนดื่มชากันเป็นปกติ ชาจีนของหลายเมืองจึงมีชื่อเสียงและเอกลักษณ์ของกลิ่นและรสชาติเฉพาะ แต่กับบุหรี่แล้วในตอนที่ผมไปจีนนั้น คนจีนยังสูบไม่แพ้คนญี่ปุ่น
ยิ่งสมัยนั้นยังไม่มีข้อห้ามสูบบุหรี่ในบางสถานที่ด้วยแล้ว คนจีนต่างก็สูบกันเป็นว่าเล่นในทุกที่ยิ่งกว่าคนไทยเสียอีก โดยเฉพาะในโรงหนังที่ตอนนั้นไทยเราห้ามสูบมานับสิบปีแล้วนั้น แต่ในจีนยังไม่ได้ห้าม การสูบบุหรี่ในโรงหนังจึงเป็นเรื่องปกติ ในเมื่อโรงหนังยังสูบได้ นับประสาอะไรกับสำนักงานทั้งของรัฐและเอกชนจะสูบไม่ได้
ดังนั้น ตั้งแต่ที่ผมได้มาเยือนจีนครั้งแรกเมื่อปี 1989 เรื่อยมาจนถึงขณะนี้ บ่อยครั้งที่ต้องสนทนาพูดคุยหรือประชุมกับคนจีนในโอกาสต่างๆ จะต้องมีคนจีนอย่างน้อยหนึ่งคนที่สูบบุหรี่ไปคุยไป สูบกันจนควันโขมงเต็มห้อง แต่คนที่ร่วมสนทนาด้วยไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรด้วยความเคยชิน รวมทั้งผู้หญิงด้วย
ผมเองยังทันได้อยู่ในช่วงเวลาที่ไทยยังไม่ได้ห้ามสูบบุหรี่ในบางสถานที่ ซึ่งก็ไม่ต่างจากเมืองจีนที่ผมไปสัมผัสจากที่กำลังเล่าอยู่นี้ โดยที่ไทยนั้นเริ่มห้ามไปทีละขั้นทีละสถานที่ เริ่มจากโรงหนังก่อนแล้วจึงค่อยๆ เขยิบไปยังสถานที่อื่นๆ ที่ผมจำได้คือ ตอนที่ห้ามสูบในโรงหนังนั้น บนรถสาธารณะกลับยังไม่ห้าม ตอนนั้นไม่ว่าจะเป็นรถเมล์หรือรถทัวร์คอบุหรี่ไทยจึงสูบกันเป็นปกติ โดยรถทัวร์ที่ผมพูดถึงอยู่นี้คือรถเมล์ปรับอากาศ ลองคิดดูว่า ถ้ามีคนสูบบุหรี่แม้สักคน บรรยากาศในรถจะเป็นอย่างไร โดยเฉพาะคุณผู้หญิงนั้นน่าเห็นใจมาก ยิ่งให้บังเอิญนั่งติดกับคนสูบด้วยแล้วยิ่งน่าสงสาร
ที่ว่ามานี้ยังไม่รวมเครื่องบินนะครับ ที่ตอนนั้นก็ยังไม่ได้ห้ามเช่นกัน
การที่คนจีนสูบบุหรี่กันมากมายนี้ได้ทำให้อุตสาหกรรมยาสูบของจีนอยู่มาได้ กล่าวเฉพาะอี้ว์ซีนี้ถือว่าภาษีหลักของเมืองที่ส่งให้แก่รัฐก็คือภาษีที่มาจากบุหรี่นี้เอง เมื่อไปด้วยกันได้ทั้งผู้สูบและผู้ผลิตเช่นนี้แล้ว บุหรี่ในเวลานั้นจึงเป็นสินค้าที่ไม่มีทางที่จะลดการผลิตไปได้
อย่างไรก็ตาม การที่บุหรี่จีนยืนอยู่ได้นอกจากจะเป็นเพราะมีคนสูบกันมากมายแล้ว ผู้นำจีนก็ยังเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้บุหรี่ยืนอยู่ได้อีกด้วย เพราะเวลานั้นผู้นำจีนยังสูบกันเป็นปกติ การรณรงค์ให้ลดละเลิกบุหรี่แบบในไทยจึงยังไม่มี ซึ่งจะด้วยประเพณีทางการเมืองหรือด้วยอะไรก็ตามที ลองคิดดูว่าถ้าเกิดมีการรณรงค์ให้ลดละเลิกบุหรี่โดยบอกว่า บุหรี่เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งปอดแล้ว ทางราชการจีนจะทำอย่างไรในขณะที่ผู้นำของตนต่างก็พ่นควันบุหรี่กันฉุยๆ
ผู้นำจีนที่สูบบุหรี่นั้นโดยมากมักจะเป็นผู้นำรุ่นเก่าคือรุ่นที่หนึ่งและสอง ผู้นำที่สูบบุหรี่ที่โดดเด่นที่สุดคือ เหมาเจ๋อตงกับเติ้งเสี่ยวผิง ที่เป็นผู้นำรุ่นที่หนึ่งและสองตามลำดับ ผู้นำทั้งสองต่างก็ติดบุหรี่และสูบเป็นปกติแม้ในเวลาต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง โดยเฉพาะประธานเหมานั้น ว่ากันว่า สูบกันแบบมวนต่อมวนเลยก็ว่าได้ ซึ่งก็คงจะจริง เพราะผมเคยดูหนังจีนที่เกี่ยวกับชีวิตของเหมานั้น คนสร้างก็สร้างได้สมจริง คือไม่ได้ตัดฉากที่เหมาสูบบุหรี่ออกไปเลย ไม่ต้องสร้างภาพแบบที่บางประเทศมักจะทำกัน
จำได้ว่า ครั้งหนึ่งที่ผมเดินผ่านแผงขายบุหรี่แล้วเห็นบุหรี่นับสิบยี่ห้อวางเรียงเป็นตับ ผมจึงถามเพื่อนชาวจีนที่เดินด้วยกันว่า ประธานเหมาสูบบุหรี่ยี่ห้ออะไร เพื่อนตอบว่า ยี่ห้อหมีแพนด้า ผมจึงถามว่า หาซื้อได้ไหม? เพื่อนตอบว่า ไม่ได้ เขาผลิตให้เฉพาะผู้นำเท่านั้น
ตอนที่รู้คำตอบนั้นผมถึงกับทึ่ง ว่าผู้นำจีนนี้ไม่เลวเลยนะ ขนาดบุหรี่ก็ยังมียี่ห้อเป็นของตัวเอง
ว่ากันว่า บุหรี่ที่ประธานเหมาสูบนั้นถูกผลิตขึ้นมาเป็นพิเศษ แต่จะพิเศษอย่างไรไม่มีใครบอกได้นอกจากจะได้ลองสูบด้วยตนเอง แต่หลังยุคประธานเหมาไปแล้ว ผู้นำจีนรุ่นต่อๆ มาก็ไม่มีใครสูบบุหรี่อีก บุหรี่ที่ผลิตให้เฉพาะผู้นำก็มีอันเลิกไป
หลังจากนั้นผมก็เจอบุหรี่ยี่ห้อหมีแพนด้าอยู่บนแผงขายบุหรี่ ผมจึงถามเพื่อนชาวจีนว่า ซองไหนคือบุหรี่ที่ประธานเหมาสูบ ก็ไม่มีใครตอบได้ นี่แสดงว่าเขาให้ผลิตบุหรี่ยี่ห้อหมีแพนด้าได้ก็จริง แต่ก็ให้เฉพาะรูปหมีแพนด้าน่ารักๆ มาเท่านั้น ไม่ได้ให้สูตรตัวยาสูบหมีแพนด้าของประธานเหมามาด้วย