xs
xsm
sm
md
lg

พระที่นั่งวิมานเมฆหายไปไหน ข่าวลืออันไม่จริงว่ารัชกาลที่ 10 ทรงรื้อขายต่างชาติไปแล้ว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์


รูปฐานพระที่นั่งทรงแปดเหลี่ยมของพระที่นั่งมันธาตุรัตนโรจน์ (หรือพระที่นั่งวิมานเมฆในกาลต่อมา) ที่พระจุฑาธุชราชสถาน เกาะสีชัง จังหวัดชลบุรี (ภาพถ่ายโดยเอนก นาวิกมูล ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ประจำปี พ.ศ. 2563)
ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์
สาขาวิชาสถิติศาสตร์
สาขาวิชาพลเมืองวิทยาการข้อมูล
สาขาวิชาวิทยาการประกันภัยและการบริหารความเสี่ยง
คณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์


มีการปล่อยข่าวลือโดยขบวนการที่ไม่หวังดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ว่าในหลวงรัชกาลที่ 10 ทรงรื้อพระที่นั่งวิมานเมฆ พระที่นั่งสร้างจากไม้สักทองที่สวยที่สุดในโลกลงแล้วขายให้ต่างชาติไปจนหมดสิ้น

ไม่รู้ว่าคิดกันได้อย่างไรว่าพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวต้องทรงรื้อพระที่นั่งที่พระบรมราชบุรพการีทรงสร้างลงเป็นกองไม้ขายต่างชาติ!!!

ความจริงที่ถูกบิดเบือนไปนั้นมีดังนี้

หนึ่ง พระที่นั่งวิมานเมฆ เป็นพระที่นั่งไม้สักทองที่ใหญ่ที่สุดในโลก สวยงามมาก เป็นพระที่นั่งรูปตัวแอล (L) ในภาษาอังกฤษ มีสี่ชั้น ชั้นสี่ตรงหัวมุมของตัวแอล เป็นโถงพระที่นั่งทรงแปดเหลี่ยม เป็นห้องพระบรรทมของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระปิยมหาราช ผมเองเคยเข้าไปชมนับครั้งไม่ถ้วนด้วยความประทับใจยิ่ง นักท่องเที่ยวต่างชาตินั้นก็ชอบมากและประทับใจมาก

สอง สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง โปรดพระที่นั่งวิมานเมฆมากที่สุด และขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตจากพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร ภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เมื่อคราวสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี ใน พ.ศ.2525 เพื่อทรงซ่อมบูรณะพระที่นั่งวิมานเมฆ แต่การบูรณะในครั้งนั้นเป็นการบูรณะเครื่องไม้เป็นหลัก ไม่ได้บูรณะฐานองค์พระที่นั่ง

พระที่นั่งวิมานเมฆนี้เป็นสถานที่โปรดที่สุดแห่งหนึ่งของสมเด็จฯ พระพันปีหลวง เสด็จมาพระที่นั่งวิมานเมฆอยู่เสมอ และเนื่องจากทรงงานในเวลากลางคืนอันเป็นพระราชประเพณีของพระมหาจักรีบรมราชวงศ์มาแต่โบราณกาล สมเด็จฯ พระพันปีหลวงเมื่อครั้งยังทรงพระสุขภาพดีจะเสด็จพระที่นั่งวิมานเมฆในเวลากลางคืนเพื่อทรงงานหรือรับแขกและพระสหายเป็นประจำ

สมเด็จฯ พระพันปีหลวง ทรงมีส่วนในการจัดแสดง (Display) พิพิธภัณฑ์พระที่นั่งวิมานเมฆ ด้วยพระองค์เอง เช่น เมื่อทายาทของเจ้าจอมหม่อมราชวงศ์สดับ ลดาวัลย์ในรัชกาลที่ 5 ได้ถวายกำไลมาศ ที่ได้รับพระราชทานสวมให้ด้วยพระหัตถ์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว อันสลักกลอนพระราชนิพนธ์เอาไว้ว่า

กำไลมาศชาตินพคุณแท้   ไม่ปรวนแปรเป็นอื่นย่อมยืนสี
เหมือนใจตรงคงคำร่ำพาที    จะร้ายดีขอให้เห็นเป็นเสี่ยงทาย
ตาปูทองสองดอกตอกสลัก    ตรึงความรักรับไว้อย่าให้หาย
แม้นรักร่วมสวมไว้ให้ติดกาย    เมื่อใดวายสวาทวอดจึงถอดเอย

เจ้าจอมหม่อมราชวงศ์สดับ ลดาวัลย์ ได้สวมกำไลมาศนี้ไว้กับตนด้วยความจงรักภักดียิ่งจนถึงแก่อสัญกรรมใน พ.ศ.2526 ทายาทจึงได้ถวายสมเด็จฯ พระพันปีหลวง ในงานพระราชทานเพลิงศพท่านเจ้าจอม สมเด็จฯ พระพันปีหลวง โปรดให้อัญเชิญกำไลมาศนี้มาเก็บรักษาไว้ในห้องพระบรรทม ณ ชั้นสี่ของพระที่นั่งวิมานเมฆ

สาม พระที่นั่งวิมานเมฆเดิมชื่อพระที่นั่งมันธาตุรัตนโรจน์ สร้างบนเกาะสีชัง ในพระจุฑาธุชราชสถาน รูปที่เห็นนั้นเป็นฐานพระที่นั่งทรงแปดเหลี่ยม ที่เกาะสีชัง ยังคงสภาพแข็งแรงดีมาก เพราะเกาะสีชังฐานเป็นหินแข็งแรง ผ่านมาเป็นร้อยปีก็ยังแข็งแรง

สี่ สาเหตุที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงตั้งพระนามพระจุฑาธุชราชสถานเนื่องจากสมเด็จพระศรีพัชรินทรบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงมีพระประสูติกาลสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก กรมขุนเพ็ชรบูรณ์อินทราไชย บนเกาะสีชัง

ห้า เกาะสีชัง เป็นสถานที่ตากอากาศที่เหมาะสมกับพระสุขภาพของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมากที่สุด เนื่องจากในสมัยนั้น อุณหภูมิที่เกาะสีชังในแต่ละวันต่างกันสูงสุดไม่เกิน 4 องศาเซลเซียส ทำให้สบายพระวรกาย ไม่ต้องปรับพระองค์หนัก ทำให้ทรงพระสำราญ ต่างจากอากาศในพระนครที่อุณหภูมิในเวลากลางวันกับกลางคืนต่างกันมาก และแพทย์ประจำพระองค์ แนะนำให้ไปประทับที่พระที่นั่งมันธาตุรัตนโรจน์ เกาะสีชัง เพื่อพักฟื้นพระวรกาย

หก การก่อสร้างพระที่นั่งต่างๆ ในพระจุฑาธุชราชสถาน ยังไม่ทันสำเร็จสมบูรณ์ดีก็เกิดวิกฤตการณ์ ร.ศ.112 ขึ้นมาก่อน การก่อสร้างทั้งหมดจึงยุติลง ฝรั่งเศสมาปิดปากอ่าวไทย ทำให้ไทยต้องเสียดินแดนอันเป็นดินแดนลาว (ดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง) และกัมพูชาไปเป็นจำนวนมาก เสียค่าปฏิกรรมสงครามมหาศาล แต่ประเทศไทยก็รอดพ้นปากเหยี่ยวปากกามาได้ด้วยเงินถุงแดง แต่วิกฤติการณ์ ร.ศ.112 ก็เป็นเหตุทำให้พระที่นั่งมันธาตุรัตนโรจน์ เกาะสีชัง เป็นสถานที่ที่ไม่ปลอดภัยที่จะเสด็จไปประทับรักษาพระวรกายอีกต่อไป จึงต้องทรงงด เพราะกองทัพฝรั่งเศสนั้นยึดจันทบุรีและตราดเอาไว้ ทำให้ดินแดนชายทะเลภาคตะวันออกไม่ใช่สถานที่ปลอดภัยอีกต่อไป

เจ็ด เกาะสีชังนั้นมีลักษณะทางภูมิศาสตร์ที่เป็นพิเศษ เพราะอ่าวไทยรูปตัว ก.ไก่ ตั้งแต่แถบอำเภอบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี มาจนถึงบริเวณจังหวัดชลบุรีนั้นตื้นมาก เพียงประมาณ 10-15 เมตร ทำให้เรือเดินสมุทรขนาดใหญ่ที่กินน้ำลึก ไม่สามารถเข้าไปได้ และเข้าไปในร่องแม่น้ำเจ้าพระยาก็ไม่ได้ เพราะจะติดสันดอนปากแม่น้ำเจ้าพระยา แต่บริเวณโดยรอบเกาะสีชังเข้ามาจากอ่าวไทยตอนนอกนั้น เป็นร่องน้ำลึกโดยรอบประมาณ 30 เมตร ทำให้เรือเดินสมุทรลำใหญ่ที่กินน้ำลึกสามารถเดินทางเข้ามาได้ เกาะสีชังจึงเป็นท่าเรือน้ำลึกมาแต่โบราณกาล โดยใช้ขนถ่ายสินค้าจากเรือเดินสมุทรขนาดใหญ่ที่กินน้ำลึก ลงเรือเล็กที่เรียกว่าเรือ Feeder เพื่อขนถ่ายสินค้าเข้าไปในอ่าวไทยตอนในรูปตัว ก.ไก่ และแล่นเข้าไปในแม่น้ำเจ้าพระยามาเทียบท่าที่ท่าน้ำราชวงศ์ ท่าเตียน หรือแม้แต่ท่าเรือคลองเตย ดังนั้นในทางยุทธศาสตร์และในทางพาณิชยศาสตร์ เกาะสีชัง จึงเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญมาก และค่อนข้างจะมีอันตรายได้ง่าย เพราะมีความสำคัญมาแต่โบราณแม้จนกระทั่งในปัจจุบันนี้

แปด หลังจากทิ้งพระที่นั่งต่าง ๆ ระงับการก่อสร้างนับแต่เกิดวิกฤตการณ์ ร.ศ.112 ในที่สุด พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระพุทธเจ้าหลวง ทรงตัดสินพระทัย ให้รื้อพระที่นั่งมันธาตุรัตนโรจน์ จากเกาะสีชังทั้งหมด มาไว้ที่พระราชวังสวนดุสิตแทน และทรงตั้งพระนามพระที่นั่งใหม่ว่าพระที่นั่งวิมานเมฆ มีพระยาราชสงคราม (กร หงสกุล) เป็นแม่กองก่อสร้างและย้ายพระที่นั่ง มีสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ทรงออกแบบ

เก้า พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ประทับที่พระที่นั่งวิมานเมฆอยู่หลายปี จนกระทั่งพระที่นั่งอัมพรสถาน สร้างเสร็จเรียบร้อยใน พ.ศ. 2449 และอยู่ในบริเวณติดกันพระที่นั่งวิมานเมฆ โดยมีพระที่นั่งอุดรภาค คั่นกลาง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงได้เสด็จแปรพระราชฐานมาประทับที่พระที่นั่งอัมพรสถานเป็นการถาวร จนกระทั่งเสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ.2453

สิบ ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดให้สมเด็จพระนางเจ้าอินทรศักดิศจี พระวรราชายา ประทับ ณ พระที่นั่งวิมานเมฆ เมื่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวสวรรคต พระที่นั่งวิมานเมฆก็ไม่ได้มีเจ้านายพระองค์ใดประทับอยู่อีกต่อไปจึงปิดทิ้งไว้

สิบเอ็ด ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง กรุงเทพถูกทิ้งระเบิด (บอมบ์) โดยเครื่องบินของฝ่ายสัมพันธมิตร ระเบิดได้ตกใส่พระที่นั่งวิมานเมฆ เกิดไฟไหม้พื้นพระที่นั่งวิมานเมฆ แต่ไฟก็ดับไปเองอย่างน่ามหัศจรรย์ โดยไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่าลูกระเบิดตกลงใส่พระที่นั่งวิมานเมฆ

สิบสอง พระที่นั่งวิมานเมฆ ใช้วิธีการเข้าลิ่มแบบช่างไม้โบราณในการก่อสร้างหรือปรุงเรือน ไม่ตอกตะปู ทำให้สามารถถอดประกอบรื้อย้ายได้ ฐานพระที่นั่งใช้แพซุงไม้สักผูกร้อยโซ่เหล็กเพื่อถ่ายน้ำหนัก แล้วจึงก่ออิฐถือปูนสร้างฐานพระที่นั่ง ก่อนประกอบติดตั้งเสาไม้บนฐานก่ออิฐถือปูนที่ก่อบนแพซุงอีกที

รองศาสตราจารย์ ดร.ต่อตระกูล ยมนาค วิศวกรโยธา ได้กรุณาอธิบายว่า ฐานรากแบบแพไม้ซุง อาคารต้องวางน้ำหนักให้แผ่ลงสม่ำเสมอกัน เหมือนกับการวางของบนแพที่ลอยน้ำ ถ้ามีน้ำหนักซีกใดหนักกว่ามากก็อาจเอียงไปได้เช่นเดียวกัน

สิบสาม ชั้นดินกรุงเทพ เป็นดินเลนอ่อน ใต้ดินมีน้ำใต้ดินมาก ผ่านไปนับร้อยปี แพซุงไม้สักผูกโซ่เหล็กทรุดไม่เท่ากัน ฐานก่ออิฐถือปูนก็เปื่อยผุไปเพราะแช่น้ำ ทำให้พระที่นั่งวิมานเมฆ ทรุดไม่เท่ากัน ทำให้องค์พระที่นั่งไม้สักเริ่มฉีกออกจากกัน เสียหาย และจะเป็นอันตรายได้ ถ้าทรุดเท่าๆ กันทั้งหมดขององค์พระนั่งรูปตัวแอลจะไม่เป็นปัญหาเลย ในขณะที่ฐานพระที่นั่งมันธาตุรัตนโรจน์ที่เกาะสีชัง ผ่านมาเป็นร้อยปียังไม่ทรุดเลย เพราะมีลักษณะต่างจากดินในกรุงเทพอย่างสิ้นเชิง

สิบสี่ พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงตัดสินพระทัยรื้อพระที่นั่งวิมานเมฆ โดยทรงให้ถอดรื้อเป็นชิ้นๆ ถอดลิ่มไม้ฝีมือช่างโบราณอย่างประณีต ถ่ายรูปและเขียนเลขกำกับไว้เพื่อต่อประกอบคืนได้ โปรดเกล้าให้สร้างฐานพระที่นั่งใหม่ เป็นเสาเข็มและคอนกรีตแบบสมัยใหม่ แต่การรื้อต่อประกอบแบบช่างโบราณ เป็นงานที่ใช้ทุนมหาศาล และใช้เวลาและแรงงานฝีมือมากมหาศาลเช่นกัน สร้างใหม่เสียเลยจะง่ายและเร็วกว่ามาก อีกทั้งค่าใช้จ่ายก็จะถูกกว่ามาก แต่มีพระราชประสงค์จะทรงอนุรักษ์ไว้อย่างดีที่สุด

Facebook Page โบราณนานมาได้ใช้ Google Earth ถ่ายภาพถ่ายทางอากาศด้วยดาวเทียมของพระที่นั่งวิมานเมฆในระหว่างซ่อมบูรณะใหม่ระหว่าง พ.ศ. 2560-2565 เอาไว้ ซึ่งจะเห็นได้ว่าเป็นการถอดรื้อพระที่นั่งวิมานเมฆออก แล้วสร้างฐานรากใหม่ แล้วต่อประกอบองค์พระที่นั่งวิมานเมฆกลับคืนในตำแหน่งที่ตั้งเดิมทุกประการ

ผมไม่แน่ใจว่าในปัจจุบันการบูรณะพระที่นั่งวิมานเมฆแล้วเสร็จสมบูรณ์แล้วหรือไม่


สิบห้า ข่าวลือที่ว่า รัชกาลที่ 10 ทรงรื้อพระที่นั่งวิมานเมฆ ขายต่างชาติ จึงเป็นเรื่องโกหก ฉะนี้แล ด้วยองค์พระที่นั่งวิมานเมฆนั้นเกี่ยวกับกับประวัติศาสตร์ชาติไทยในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญยิ่งคือวิกฤตการณ์ ร.ศ.112 ทั้งยังเคยเป็นที่ประทับพักผ่อนเป็นพระราชวังฤดูร้อนเพื่อพักฟื้นพระสุขภาพของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว บนเกาะสีชัง เป็นพระที่นั่งที่พระพุทธเจ้าหลวงประทับอยู่นานปีในพระราชวังดุสิต และเป็นพระที่นั่งที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงบูรณะด้วยพระองค์เอง ทั้งยังเป็นสถานที่โปรดของพระราชชนนีในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นสถานที่ที่มีความสำคัญยิ่งในประวัติศาสตร์ชาติไทยและต่อพระมหาจักรีบรมราชวงศ์ เหตุใดจะทรงขายให้ต่างชาติไปได้อย่างที่คนไม่ดีปล่อยข่าวลือและคนโง่หลงเชื่อ

ข่าวลือแบบนี้ก็ไม่ได้ต่างจากข่าวลือเรื่องวชิราลงกรณ์คอมเพล็กซ์ ที่สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล เป็นคนปล่อย โปรดอ่านได้จาก พระราชขันติต่อข่าวลือวชิราลงกรณ์คอมเพล็กซ์ https://mgronline.com/daily/detail/9660000050086

สิบหก คนไทยจำนวนมากที่เคยเข้าชมหรือไม่เคยเข้าชมพระที่นั่งวิมานเมฆอันแสนงดงามและมีเสน่ห์ยิ่ง คงปรารถนาจะได้เข้าชมพระที่นั่งวิมานเมฆอีกครั้งหนึ่งภายหลังการบูรณะใหญ่เสร็จสิ้นลง ทั้งนี้ก็สุดแล้วแต่จะมีพระบรมราชวินิจฉัยลงมา

ทั้งนี้บริเวณพระที่นั่งวิมานเมฆในปัจจุบัน ต้องถวายความปลอดภัยสูงสุด เนื่องจากอยู่ติดกับพระที่นั่งอุดรภาคและพระที่นั่งอัมพรสถาน อันเป็นที่ประทับในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวในปัจจุบัน


กำลังโหลดความคิดเห็น