xs
xsm
sm
md
lg

เปิดประวัติ “วอเตอร์ฟรอนด์ สวีท แอนด์ เรสซิเดนท์” หลังอิทธิพล คุณปลื้ม ถูก ป.ป.ช.มีมติเอาผิด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



จากกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิด นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกเมืองพัทยา และเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนในการกรณีพิจารณาออกใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร (แบบ อ.1) เลขที่ 700/2551 ลงวันที่ 10 ก.ย.2551 ให้แก่บริษัท บาลี ฮาย จำกัด เพื่อก่อสร้างอาคารโครงการวอเตอร์ฟร้อนท์ฯ บริเวณเชิงเขาพระตำหนัก เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย

โดยที่ประชุม ป.ป.ช.ลงความเห็นว่า นายอิทธิพล มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และมีมูลสั่งให้พ้นจากตำแหน่งนายกเมืองพัทยา และหลังจากนี้สำนักงาน ป.ป.ช. จะส่งฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตประพฤติมิชอบภาค 2 ต่อไปนั้น

วันนี้ (26 ก.ค.) Manager Onilne จะพาย้อนรอยที่มาที่ไปของการเกิดขึ้นโครงการ “วอร์เตอร์ฟรอนด์ สวีท แอนด์ เรสซิเดนท์” พัทยา จ.ชลบุรี ซึ่งโครงการแห่งนี้เป็นคอนโดมิเนียมสุดหรู ตั้งตระหง่านริมอ่าวพัทยา บริเวณท่าเรือแหลมบาลีฮาย ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี

โดยเป็นโครงการที่มีความสูงขนาด 53 ชั้น ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 2 ไร่ 1 งาน 83 ตารางวา บริหารงานโดยบริษัท บาลีฮาย จำกัด ที่ได้ยื่นขอต่อใบอนุญาตก่อสร้างจากเมืองพัทยาในปี พ.ศ.2551 ในจำนวนห้องพัก 312 ห้อง และในครั้งนั้นมีกลุ่มลูกค้าทั้งชาวไทยและต่างชาติพากันเช่าซื้อในราคากันอย่างคึกคัก สนนราคาตั้งแต่ 4-12 ล้านบาท และทางโครงการระบุในสัญญาว่าจะทำการก่อสร้างให้แล้วเสร็จ พร้อมส่งมอบห้องพักให้ผู้ซื้อได้ภายในเดือน ธ.ค.2558


แต่สุดท้ายในช่วงปลายปี 2551 “นายอิทธิพล คุณปลื้ม” นายกเมืองพัทยาได้มีคำสั่งให้ระงับการก่อสร้าง พร้อมระบุว่า เมืองพัทยาไม่สามารถต่อใบอนุญาตก่อสร้างในรอบที่ 3 ให้ได้เนื่องจากตรวจพบว่ามีการก่อสร้างผิดแบบตั้งแต่ฐานราก รวมทั้งตำแหน่งช่องลิฟต์และบันไดหนีไฟ และยังได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่สำนักการช่าง เข้าตรวจสอบสภาพตัวอาคารเพื่อให้แก้ไขรายละเอียดแบบแปลนรวม 42 จุด 

กระทั่งในช่วงปลายปี 2559 ทางโครงการได้แจ้งต่อเมืองพัทยาว่า พร้อมปฏิบัติตามเงื่อนไขและข้อกำหนดตามกฎหมาย รวมทั้งการลดระดับความสูงของอาคารลง 8 ชั้น เพื่อลดผลกระทบต่อภาคประชาชนที่กำลังต่อต้านอย่างหนัก เนื่องจากโครงการบดบังภูมิทัศน์และตั้งขวางแนวอนุสาวรีย์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ บนเขา สทร.5 พัทยา 

โดยในช่วงที่เมืองพัทยายังไม่ออกใบอนุญาตให้ดำเนินการก่อสร้าง พร้อมมอบหมายให้นิติกรเข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อบริษัท บาลีฮาย จำกัด ซึ่งเป็นเจ้าของโครงการใน 2 ข้อหาคือ 1.ฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงานท้องถิ่น และ 2.บุกรุกพื้นที่สาธารณะบริเวณเชิงเขา จนต่อมาทำให้กลุ่มผู้ซื้อห้องพักรวมตัวเพื่อเรียกร้องสิทธิ และความเสียหาย ทำให้โครงการต้องยื่นเรื่องต่อศาลล้มละลายกลางเพื่อขอฟื้นฟูกิจการหลังต้องแบกภาระหนี้กว่า 2.39 พันล้านบาท ในปี 2561 แต่ศาลไม่รับคำร้อง


ต่อมา ข่าวคราวโครงการวอร์เตอร์ฟรอนด์ฯ กลับมาครึกโครมอีกครั้ง เมื่อทีมทนายฝั่งผู้ซื้อ เปิดแถลงข่าวหลังศาลฎีกาพิพากษาว่าการออกโฉนดที่ดิน “อาชาแลนด์” ซึ่งอยู่ติดกับโครงการไม่ชอบด้วยกฎหมาย พร้อมแจงที่มาว่าแปลงที่ดินของคอนโดฯ มาจากเอกสารสิทธิเดียวกันที่ถูกแบ่งแยกขายออก

จึงเรียกร้องให้หน่วยงานภาครัฐเข้าตรวจสอบและทำการเพิกถอนโฉนดตามคำสั่งศาลที่มีพิพากษาให้ที่ดินของ บ.อาชาแลนด์ ออกโดยไม่ชอบตามกฎหมาย ซึ่งที่ดินแปลงนี้อยู่ติดกัน และมีที่มาจากเอกสารสิทธิเดียวกันที่ถูกแบ่งออกเป็นหลายแปลง

ขณะที่คดีความคืบหน้าการฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายชะงักลง หลังผู้รับผิดชอบโครงการถอนคดี จนผู้ซื้อต้องรวบรวมเอกสารส่งฟ้องเรียกทรัพย์สินคืน

ในครั้งนั้น นายอภิชาต วีปรปาล รองนายกเมืองพัทยา ซึ่งมาจากการแต่งตั้งของ คสช.ในปี 2560 ได้ลงนามคำสั่งเมืองพัทยาแบบ ค.15 เลขที่ 367/2560 ประกาศให้มีการรื้อถอนอาคารตามมาตรา 4 และ 43 วรรคสาม (กรณีที่ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่นที่ให้ยื่นคำขอรับใบอนุญาต แก้ไขเปลี่ยนแปลงอาคาร หรือแก้ไขเปลี่ยนแปลงใบอนุญาต) โดยแจ้งความไป บริษัท บาลีฮาย จำกัด

ระบุว่าตามที่เจ้าพนักงานท้องถิ่นได้มีคำสั่งให้ระงับการก่อสร้าง ดัดแปลง เคลื่อนอาคาร การรื้อถอนอาคาร ตามมาตรา 41 วรรคหนึ่ง กรณีที่กระทำผิดไปจากที่ได้รับอนุญาตหรือคำสั่งห้ามใช้อาคารหรือยินยอมให้บุคคลใดใช้อาคารที่อาจเป็นภยันตรายตามมาตรา 40 วรรคหนึ่งและมาตร 41 วรรคหนึ่ง ซึ่งปรากฏว่าทางโครงการมิได้ดำเนินการให้เสร็จภายในเวลาที่กำหนด

จึงอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 42 และ มาตรา 43 วรรคสาม แห่ง พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2511 ให้ทำการรื้ออาคาร ค.ส.ล.50 ชั้น 3 ชั้นใต้ดิน ขนาด 19.70×91.35 เมตร จำนวน 1 หลัง ในส่วนที่ไม่ตรงกับแบบแปลนที่ได้รับอนุญาตให้แล้วเสร็จใน 365 วันหลังได้รับคำสั่ง โดยหากพ้นระยะเวลาที่กำหนดจะดำเนินการทางกฎหมาย


กระทั่งในปี 2563 นายสนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา ได้ลงนามหนังสือประกาศคำสั่ง เมืองพัทยาที่ ชล. 52304/9377 ลงวันที่ 27 ต.ค.2563 ออกประกาศเชิญชวนภาคเอกชนร่วมเสนอราคาและวิธีการรื้อถอนอาคารอย่างเป็นทางการอีกครั้ง โดยมีเนื้อหาระบุว่า เมืองพัทยาจำเป็นต้องดำเนินการรื้อถอนอาคารโครงการ ซึ่งก่อสร้างผิดแบบจากแบบแปลนที่ได้รับอนุญาตหลังมีคดีความยืดเยื้อมานานนับ 10 ปี

จนกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในสังคมมานานหลายปีว่า โครงการดังกล่าวจะจบลงอย่างสวยงาม และมีการใช้อำนาจทางกฎหมายเข้ามาดำเนินการได้จริงเพียงใด จนกระทั่งในวันนี้ ป.ป.ช. ได้มีมติชี้มูลความผิด นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมออกใบอนุญาตก่อสร้างอาคารดังกล่าวไม่ถูกต้องตามกฏหมาย

อย่างไรก็ตาม กรณีดังกล่าวในช่วงที่ นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นนายกเมืองพัทยา ได้มีการระบุว่าสำหรับการขออนุญาตก่อสร้างคอนโดมิเนียม “วอร์เตอร์ฟรอนด์” มีการดำเนินการยื่นเอกสารการขออนุญาตที่ถูกต้อง ทั้งเรื่องของอาคารที่มีวิศวกรรับรอง

และตรวจสอบโดยเจ้าพนักงานสำนักช่างเมืองพัทยา รวมทั้งโฉนดที่ดินที่ตั้งของโครงการซึ่งมีมาแสดงอย่างครบถ้วนจึงได้พิจารณาอนุญาตไป กระทั่งต่อมามีคำสั่งระงับการต่อใบอนุญาตก่อสร้าง ด้วยพบว่ามีความผิดฐานในเรื่องของแนวที่ตั้งอาคารก่อนมอบหมายให้นิตกรแจ้งความดำเนินคดีฐาน 1.ฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงานท้องถิ่น และ 2.บุกรุกพื้นที่สาธารณะบริเวณเชิงเขาพระตำหนัก

ทั้งนี้ การชี้มูลความผิดของคณะกรรมการ ป.ป.ช.ยังไม่ถือเป็นที่สุด โดยผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมดมีสิทธิต่อสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในชั้นศาลได้อีก




กำลังโหลดความคิดเห็น