xs
xsm
sm
md
lg

ทางออก...ที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดของ“สงครามโลกครั้งที่ 3”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทับทิม พญาไท


วิกเตอร์ ออร์บาน นายกรัฐมนตรีฮังการี
ปิดท้ายสัปดาห์นี้...คงต้องสารภาพว่าแทบไม่เหลือเรี่ยว เหลือแรง เหลืออารมณ์พอที่จะไปเสียเวลาปวดหัวกับการวิเคราะห์ วิแคะ อะไรต่อมิอะไรอีกแล้ว เพราะอย่างที่ว่าเอาไว้เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมานั่นแหละว่า โอกาสที่ “สงครามโลกครั้งที่ 3” จะได้รับการป่าวประกาศอย่างเป็นทางการในอีกไม่ช้า-ไม่นาน ไม่ใกล้-ไม่ไกล นับจากนี้...นับวันมันชักจะมีความเป็นไปได้สูงยิ่งเข้าไปทุกที...

การหาทางออก-ทางไปที่อาจพอช่วยไม่ให้บรรดาชาวโลกทั้งหลาย ต้องถูกฉุดกระชากลากถูให้ลื่นไถลลงเหว-ลงนรกไปกับพวก “บ้าสงคราม” หรือพวก “ปัญญาอ่อน” พอๆ กับเด็กทารก อย่างที่อดีตประธานาธิบดีรัสเซียท่านได้ให้คำนิยามถึงบรรดาผู้นำโลกตะวันตกทั้งหลายไว้เมื่อไม่นานมานี้ ดูๆ แล้ว...มันน่าจะเหลืออยู่น้อยนิดเต็มที หรืออาจต้องหันไปรอลุ้น รอจังหวะเวลา อย่างที่นายกรัฐมนตรีฮังการี “นายViktor Orban” ท่านยังหวังๆ เอาไว้อยู่บ้างเล็กๆ-น้อยๆ แม้ว่าจะผิดหวังกับกิริยาอาการกระเหี้ยนกระหือรือของบรรดาประเทศอียู-อีย้วยทั้งหลาย ถึงขั้นว่า... “ตลอดชั่วชีวิต...ผมไม่เคยเห็นสิ่งใดที่ไร้ความรับผิดชอบเท่ากับสิ่งที่ผู้นำชาติยุโรปกำลังกระทำอยู่ในทุกวันนี้” แต่ท่านก็ยังคงรอลุ้นให้ “ทรัมป์บ้า” หวนกลับมาเป็นผู้นำอเมริกาในการเลือกตั้งประธานาธิบดีปลายปีนี้ แบบชนิดกำขี้-ย่อมดีกว่ากำตด อะไรทำนองนั้น...

เพราะสำหรับคุณปู่ผู้ป้ำๆ เป๋อๆ อย่างผู้เฒ่า “โจ ซึมเซา”, “โจ วิตถาร” หรือ “โจ ล้างเผ่าพันธุ์” ฯลฯ ก็แล้วแต่จะเรียก เอาไป-เอามาแล้ว น่าจะไม่ได้สำเหนียก ไม่ได้ตระหนัก หรือไม่ได้หลงเหลือ “สติ” ติดปลายนวมใดๆ ไว้เลยแม้แต่น้อย อย่างที่เพิ่งไปพูดที่โรงเรียนนายร้อยเวสต์ปอยต์ เมื่อช่วงวัน-สองวันที่ผ่านมา ที่ยังอุตส่าห์พร่ำๆ เพ้อๆว่า “อเมริกาคือชาติมหาอำนาจสูงสุดผู้เดียวในโลก” หรือ “ประเทศที่ประชาชาติใดๆ จะขาดเสียมิได้” (Indispensable Nation) ทั้งที่โลกทุกวันนี้...มันได้กลายเป็น “โลกหลายขั้วอำนาจ” อย่างมิอาจปฏิเสธและหลีกเลี่ยงได้อีกต่อไป แค่ดูจากกลุ่มประเทศที่ผนึกหลอมรวมเพื่อผลักดันแนวคิดดังกล่าว อย่างประเทศกลุ่ม “BRICS” (บราซิล-รัสเซีย-อินเดีย-จีน-แอฟริกาใต้) เป็นต้น ทั้งที่ยังไม่ได้เพิ่มจำนวนสมาชิกใหม่ในปีนี้เข้าไปด้วย ไม่ว่าอภิมหาเศรษฐีน้ำมันซาอุฯ หรือประเทศแหล่งสำรองพลังงานอันดับสอง-อันดับสาม อย่างอิหร่าน ฯลฯ ก็ตาม เฉพาะแค่ตัวเลขมวลรวมของ “GDP” ก็มาแรง แซงโค้ง เฉือนกลุ่มประเทศชั้นนำของโลกอย่างพวก “G7” แบบชนิดแทบไม่เห็นฝุ่น-เห็นหาง...

การออกมาป่าวประกาศแบบเสียงดัง-ฟังชัดของอดีตผู้นำอเมริกาอย่าง “ทรัมป์บ้า” ดังที่ปรากฏอยู่ในคำปราศรัย หาเสียง ที่ “The Liberation Party’s National Convention” เมื่อช่วงวันเสาร์ที่ผ่านมา (25 พ.ค.) ว่าจะเป็นผู้ฟื้นฟู “สันติภาพและเสถียรภาพ” ให้หวนคืนกลับมา จะเป็นผู้สกัดกั้นไม่ให้ “โจ ไบเดน นำพาอเมริกาสวนสนามเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 3” อันเป็นสงครามที่จะสร้างความสูญเสียหนักซะยิ่งกว่าสงครามอื่นๆ เท่าที่เคยมีมา เนื่องจากบรรดา “อาวุธทำลายล้าง” ที่มีอยู่เยอะแยะมากมายกว่าสงครามใดๆ จึงถือเป็นคำพูด คำประกาศ ที่อาจพอ “ฟังหู-ไว้หู” ได้มั่ง เพราะแม้ว่า “ทรัมป์บ้า” ท่านจะ “บ้า” ในเรื่องใดๆ ก็ตาม แต่ในเรื่อง “บ้าสงคราม” น่าจะเบากว่า หรือน้อยกว่า คุณปู่ “โจ ซึมเซา” หรือบรรดาพวกฮาร์ดคอร์ในพรรคเดโมแครต อย่างพวก “ขวาใหม่” หรือพวก “Neo-conservative” ทั้งหลายอยู่พอสมควร...

ส่วน “รายละเอียดของแผนการ” ในอันที่จะหยุดยั้ง “สงคราม” ในแนวรบต่างๆ จะเป็นไปได้-เป็นไปไม่ได้มาก-น้อยเพียงใดอันนั้น...คงต้องไปรอลุ้นกันอีกที แต่ในสายตาของนายกรัฐมนตรีฮังการีที่เคยพบปะ-สนทนากับ “ทรัมป์บ้า” โดยตรงมาก่อนหน้านี้ ท่านเชื่อว่าเพียงแค่อเมริกาไม่ “เติมเงิน” ให้กับยูเครนแม้แต่เพนนีเดียว สงครามยูเครน-รัสเซียใน “แนวรบยุโรปตะวันออก” ก็น่าที่จะสิ้นสุด ยุติ หรือน่าจะทำให้ทั้งสองฝ่ายหวนกลับไปนั่งบนโต๊ะเจรจาได้โดยทันที เนื่องจากยุโรปทั้งยุโรปแทบไม่หลงเหลือขีดความสามารถพอที่จะเติมฟืน เติมไฟ ให้กับแนวรบด้านนี้ต่อไปอีกแล้ว...

แม้ว่าประเทศเสาหลักของอียูอย่างฝรั่งเศส ที่ถูกรัสเซีย “ถีบ” ออกจากดินแดนแอฟริกา (Sahel) จนมีอันต้องเสียหน้า และเสียทรัพยากรสำคัญๆ อย่างแร่ยูเรเนียมที่เอาไว้ใช้เติมพลังงานให้กับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ จะยังออกอาการกระเหี้ยนกระหือรือทำท่าว่าจะส่ง-ไม่ส่งทหารฝรั่งเศสไปสู้กับกองทัพรัสเซียในสมรภูมิยูเครนโดยตรงหรือไม่? อย่างไร? หรือออกอาการกำๆ กวมๆ แบบที่เรียกซะเก๋ๆ ไก๋ๆ ว่า “Strategic Ambiguity” แต่ถ้าดูจากประเทศเสาหลักอีกรายอย่างเยอรมนี หลังๆ นี้...ต้องเรียกว่าชักได้ “สติ” ขึ้นมามั่งแล้ว สำหรับผู้นำประเภทล้านเลี่ยน-เตียนโล่ง อย่าง “นายOlaf Scholz” ที่ออกมาให้สัมภาษณ์นิตยสาร “The Economist” เมื่อช่วงวันพฤหัสฯ ที่ผ่านมา (23 พ.ค.) ว่า “แม้ว่าเยอรมนีจะยังคงให้เงินสนับสนุนยูเครนต่อไป แต่จะไม่ทำสิ่งใดๆ ที่จะส่งผลให้เบอร์ลินต้องกลายเป็นผู้เผชิญหน้าโดยตรงกับมอสโก”...

นอกเหนือไปจากนั้น...ยังออกมาปฏิเสธไม่คิดจะเอาด้วยกับแนวคิดการจัดตั้งเขตห้ามบิน หรือ “No Fly Zone” ที่อดีตเลขาฯ “NATO” “นายAnders Fogh Rasmussen” พยายามนำเสนอไว้เมื่อไม่นานมานี้ อีกทั้งยังพร้อมที่จะยึดมั่นกับกฎ-กติกาของศาลอาญาระหว่างประเทศอย่าง “ICC” ที่ได้อนุมัติหมายจับผู้นำอิสราเอล พันธมิตรอันศักดิ์สิทธิ์ของคุณพ่ออเมริกาอย่าง “นายBenjamin Netanyahu” อันถือเป็นท่าทีที่ขัดแย้งแบบ 180 องศากับอเมริกา เช่นเดียวกับอีกหลายประเทศในยุโรป ไม่ว่าสเปน ไอร์แลนด์ และนอร์เวย์ ฯลฯ ซึ่งได้ออกมารับรองการจัดตั้ง “รัฐปาเลสไตน์” สวนทางกับการคัดค้านของอเมริกาและอิสราเอลแบบคนละเรื่อง-คนละม้วน...

ดังนั้น...แม้ว่าอดีตผู้นำอเมริกาอย่าง “ทรัมป์บ้า” จะเคยเป็นผู้สนับสนุนผู้นำอิสราเอลอย่าง “นายNetanyahu” แบบสุดลิ่มทิ่มริดสีดวงทวารมาก่อนก็ตาม แต่การหาจุดจบ หาข้อยุติให้กับ “แนวรบตะวันออกกลาง” ก็ใช่ว่าจะถึงกับลำบากยากเย็นอะไรมากมาย หรืออย่างที่ผู้เชี่ยวชาญด้านตะวันออกกลาง อย่าง “นายMurad Sadygzade” ประธานศูนย์ “The Middle East Studies Center” ได้อ้างถึงบทสัมภาษณ์ของอดีตผู้นำอเมริการายนี้ต่อนิตยสาร “Times Magazine” ไว้ในข้อเขียน บทความชิ้นล่าสุดเรื่อง “Will the Rafah assault break Netanyahu” นั่นแหละว่า ไม่เพียงแต่อดีตผู้นำอเมริการายนี้จะหลีกเลี่ยงที่จะพูดถึง “นายNetanyahu” โดยตรง แล้วหันไปยกย่องคู่แข่ง-คู่ชิงอย่าง “นายBenny Gantz” ไว้ซะวิลิศมาหราแต่ยังได้ระบุไว้ด้วยว่า “ที่นั่น(อิสราเอล)ยังมีคนดีๆ อีกเยอะที่จะสามารถรับหน้าที่เหล่านี้ได้” อันถือเป็นการปิดฉาก ปิดกล่องพวกที่ “บ้าสงคราม” หรือพวก “ขวาสุดโต่ง” ในอิสราเอล อย่างเห็นได้โดยชัดเจน...

ส่วนใน “แนวรบทะเลจีนใต้” นั้น...แม้ว่าอดีตผู้นำอย่าง “ทรัมป์บ้า” ท่านจะเป็นโรค “Xenophobia” อย่างมิมีวันรักษาหายแต่ด้วยเหตุที่ไม่ได้ “บ้าสงคราม” นั่นเอง อย่างมาก...ก็คงหันไปหมกมุ่น มัวเมา อยู่กับสงครามการค้า สงครามเทคโนโลยีหรือสงครามรถอีวี ฯลฯ ซะเป็นหลัก ไม่ได้ถึงกับเป็นผู้ริเริ่มคิดจะ “ปักหมุด” ไว้ในเอเชีย (Pivot to Asia) ดังที่รัฐบาลโอมาบ้า (โอบามา) หรืออดีตรัฐมนตรีต่างประเทศ “ฮิลลารี คลินตัน” แห่งพรรคเดโมแครตเป็นผู้เริ่มต้นมาก่อนหน้านั้น การหวนกลับสู่ตำแหน่งประธานาธิบดีอเมริกันของ “ทรัมป์บ้า” จึงเป็นอะไรที่พอได้ลุ้น ได้รอ อย่างที่นายกรัฐมนตรีฮังการี ท่านหวังๆ เอาไว้สักกี่มาก-น้อยก็แล้วแต่ อย่างไม่ถึงกับต้อง “สิ้นหวัง” ลงไปซะทั้งหมด ทั้งแผง...

แต่ก็นั่นแหละ...อาจด้วยเหตุเพราะการมาแรง-แซงโค้งของ “ทรัมป์บ้า” ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีอเมริกาปลายปีนี้ ชักจะเป็นจริง-เป็นจังยิ่งเข้าไปทุกที “รายงานข่าว” จากสำนักข่าว “NBC News” เมื่อช่วงวันศุกร์ที่ผ่านมา (24 พ.ค.) จึงได้หันไปอ้าง “แหล่งข่าวระดับสูงในทำเนียบขาว” ระบุว่าการเดินทางไปเยือนเกาหลีเหนือของผู้นำรัสเซียเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ อาจนำไปสู่ฉากสถานการณ์ที่ถึงกับเรียกขานไว้ว่า “October surprise” หรือหันไปป้ายขี้ โยนขี้ ให้กับรัสเซียและเกาหลีเหนือ ว่ากำลังคิดจะ “แทรกแซง” การเลือกตั้งประธานาธิบดีอเมริกา ด้วยการก่อเหตุ ก่อการ ก่อฉากสถานการณ์อันน่าตกตะลึงพรึงเพริด ก่อนที่บรรดาอเมริกันชนจะออกมาหย่อนบัตรลงคะแนนเพียงแค่เดือนเดียวเอาเลยก็ไม่แน่!!!

เพื่อที่จะกรุยทางให้ “ทรัมป์บ้า” หวนกลับมาเป็นผู้นำอเมริกาอีกรอบ แถมรัฐมนตรีกลาโหมผิวสี อย่าง “พลเอกLloyd Austin” ยังอุตส่าห์ไปให้การกับคณะกรรมาธิการรัฐสภาอเมริกัน ถึงความร่วมมือทางยุทธศาสตร์ที่เพิ่มขึ้นๆ (Growing nexus) ระหว่างรัสเซีย-จีน-เกาหลีเหนือ-และอิหร่าน ว่าเป็นสิ่งที่ “เรากำลังจับตา...อย่างใกล้ชิด” เพื่อไม่ให้นำมาซึ่งการแทรกแซงการเมืองในอเมริกา นำไปสู่การบั่นทอนสถานภาพของประเทศผู้นำประชาธิปไตย ที่กำลังยืนหยัดต่อสู้กับ “ทรราชย์ผู้โหดร้าย” (A Brutal Tyrant) หรือเพื่อดำรงรักษา ความเป็น “มหาอำนาจสูงสุดแต่เพียงผู้เดียว” ต่อไปให้จงได้!!! ไม่ว่าจะต้องวัดตัดสินกันด้วย “สงคราม” หรือด้วยความพังพินาศฉิบหายของมวลมหาประชาชนชาวโลก ในระดับหนักหนา-สาหัส เพียงใดก็ตามที...


กำลังโหลดความคิดเห็น