การออกมาจากโรงพยาบาลตำรวจในฐานะนักโทษของทักษิณนั้น ได้ทำลายกระบวนการยุติธรรมของประเทศลงอย่างย่อยยับ ทักษิณที่ได้รับพระราชทานอภัยลดโทษจาก 8 ปีเหลือ 1 ปีไม่ได้เข้าไปอยู่ในคุกแม้แต่วันเดียว โดยกรมราชทัณฑ์อ้างระเบียบในฐานะคนป่วย ด้วยการรับรองของแพทย์โรงพยาบาลตำรวจว่าทักษิณมีอาการหนักใกล้ตายที่แพทย์ของโรงพยาบาลราชทัณฑ์ไม่สามารถรักษาได้
ทักษิณกลายเป็นนักโทษกิตติมศักดิ์ที่มานอนอยู่ในห้องพักที่ดีที่สุดของโรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งแม้ข้ออ้างของแพทย์โรงพยาบาลตำรวจว่า ทักษิณอยู่ในภาวะที่เสี่ยงจะเป็นอันตรายต่อชีวิตแต่ใครจะเชื่อว่าในขณะที่พ่อใกล้จะตายอย่างที่แพทย์อ้างนั้น กลับไม่มีลูกๆ ที่มีสิทธิ์จะเข้าไปเยี่ยมได้เลยแม้แต่วันเดียว มีแต่อุ๊งอิ๊ง แพทองธารเข้าไปเยี่ยมครั้งเดียวในวันแรกที่ไปถึงเท่านั้น
จะมีใครสักกี่คนที่เชื่อว่านั่นเป็นเรื่องจริงนอกจากการสมรู้ร่วมคิดกันเพื่อรับใช้ทักษิณที่มีอำนาจเหนือรัฐบาล แม้ว่าทักษิณจะใส่ปลอกคอดามแขนออกมาจากโรงพยาบาลคนก็คิดว่านั่นเป็นเพียงอุปกรณ์ประกอบฉากให้ดูเนียนเท่านั้น ส่วนอาการใกล้ตายที่ว่าเพื่ออ้างอยู่ในโรงพยาบาลตำรวจจนครบ 6 เดือนนั้นไม่เห็นทีท่าว่าจะเป็นอย่างนั้นเลย
ความจริงละครที่เขาเล่นกันในบทของคนป่วยนั้นไม่ใช่เพียงครั้งแรกที่อำนาจรัฐไทยสยบต่อทักษิณ แต่การที่ปล่อยให้ทักษิณหลบหนีไปอยู่ต่างประเทศก็น่าจะเป็นละครบทหนึ่งอยู่แล้ว เพราะไม่ว่าใครที่มีอำนาจก็ไม่มีความพยายามที่จะนำตัวทักษิณมาลงโทษเลย ทั้งที่ฐานความผิดฐานทุจริตเป็นฐานความผิดของทุกประเทศในโลกนี้ แถมยังรู้ว่า ทักษิณมีหลักแหล่งที่ไหนอย่างไร
หรือการหนีออกไปต่างประเทศของยิ่งลักษณ์คนทั่วไปต่างก็รู้ว่า เป็นการสมยอมกันของผู้มีอำนาจ วันนี้มีหน่วยงานในกระบวนยุติธรรมไหนบ้างที่มีหน้าที่แล้วกระตือรือร้นจะเอายิ่งลักษณ์กลับมารับโทษ แล้วเชื่อเถอะว่าสุดท้ายยิ่งลักษณ์ก็จะกลับมาแบบทักษิณโดยไม่ติดคุกแม้แต่วันเดียวอีก มีแต่นักการเมืองลิ่วล้อที่รับใช้ทักษิณและตระกูลชินวัตรเท่านั้นที่ติดคุกจริง
การไม่ยอมติดคุกแม้แต่วันเดียว สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นตัวตนของทักษิณนักการเมืองที่ได้รับชื่อว่าขี้โกงและฉ้อฉลมากที่สุดในประเทศไทย จนศาลมีคำพิพากษารวมกัน 10 ปี แต่ศาลให้นับโทษรวมกันเหลือ 8 ปี ไม่นับคดีที่ดินรัชดาฯ ที่ศาลจำคุก 2 ปีและหมดอายุความไปก่อน รวมถึงศาลสั่งให้ยึดทรัพย์ที่ฉ้อโกงด้วยการทุจริตเชิงนโยบายอีก 4 หมื่นกว่าล้านบาทกลับมาเป็นของแผ่นดิน
โดยความผิดที่ทักษิณกระทำการฉ้อฉลแผ่นดินและถูกศาลลงทัณฑ์ดังนี้ คดีทุจริตการจัดซื้อที่ดินย่านรัชดาภิเษกศาลฎีกาฯ พิพากษาจำคุก 2 ปีคดีทุจริตโครงการออกสลากพิเศษแบบเลขท้าย 3 ตัว 2 ตัวหรือที่เรียกกันว่า “คดีหวยบนดิน” ศาลฎีกาฯพิพากษาจำคุก 2 ปีคดีสั่งการให้ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (เอ็กซิมแบงก์) อนุมัติปล่อยเงินกู้ 4,000 ล้านบาทให้แก่เมียนมา ศาลฎีกาฯ พิพากษาจำคุก 3 ปีคดีให้นอมินีถือหุ้น บมจ.ชิน คอร์ปอเรชั่น และเข้าไปมีส่วนได้เสียเพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่นในกิจการโทรคมนาคมศาลฎีกาฯ พิพากษาจำคุก 5 ปี
การที่ทักษิณไม่ติดคุกครั้งนี้แม้แต่วันเดียวยังสะท้อนว่าตอนนี้อำนาจทุกอย่างอยู่ในมือของทักษิณ นับแต่วันนี้ไปทุกเส้นทางก็จะพุ่งเป้าไปที่บ้านจันทร์ส่องหล้าที่จะกลายเป็นศูนย์บัญชาการของรัฐบาลแทนบ้านนรสิงห์ ทำเนียบรัฐบาล ต้องจับตาดูว่าบทบาทของนายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสินจะปรับเปลี่ยนไปอย่างไรนับแต่นี้ เพราะที่ผ่านมาเศรษฐาก็ต้องคอยพินอบพิเทาต่ออุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ลูกสาวของทักษิณที่เศรษฐาเคยหลุดปากว่ามีสถานะเป็นนายกรัฐมนตรีอีกคนมาแล้ว
และต้องดูว่าเก้าอี้นายกรัฐมนตรีของเศรษฐาจะมั่นคงไหม อุ๊งอิ๊งมีความพร้อมจะขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีหรือยัง การปรับเปลี่ยนโควตารัฐมนตรีจะเกิดขึ้นในเร็ววันนี้ไหม
แต่ทักษิณจะเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการเมืองและแทรกแซงการทำงานของเศรษฐาแค่ไหนนั้น ความจริงคนที่น่าจะตอบได้คือนายสมัคร สุนทรเวช เพียงแต่เสียดายที่นายสมัครจากโลกนี้ไปแล้ว
แน่นอนว่าหลังจากนี้รัฐบาลจะเดินเกมอย่างไรจะต้องฟังสัญญาณจากทักษิณ ขนาดตอนที่ทักษิณยังอยู่ชั้น 14 ก็มีคนบอกว่ามีการสั่งการลงมารวมไปถึงการแต่งตั้งโยกย้ายต่างๆ
เชื่อว่าไม่มีใครสักกี่คนที่จะเชื่อว่าทักษิณจะอยู่บ้านเพื่อเลี้ยงหลานตามที่เคยลั่นวาจาไว้ตอนที่จะหลบหนีอยู่ต่างประเทศ เราก็เห็นบทบาทของทักษิณที่ออกมาวิจารณ์การเมืองในตอนที่ยังอยู่ต่างประเทศในระยะหลังว่า เขายังมีความปรารถนาที่จะเข้ามามีบทบาททางการเมือง และที่สำคัญคือ การผลักดันลูกสาวอุ๊งอิ๊งเข้าสู่การเมือง ทักษิณก็ย่อมจะมีภารกิจที่จะทำให้อุ๊งอิ๊งเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศนี้ให้ได้ ดังนั้นไม่มีทางที่ทักษิณจะวางมือทางการเมือง
หลังจากนี้อุ๊งอิ๊งก็น่าจะมีบทบาทมากขึ้นนอกจากเป็นนายกฯ ซอฟต์เพาเวอร์แข่งใส่กางเกงช้างแล้ว ก็น่าจะได้รับการผลักดันให้มีบทบาทในด้านอื่นเพิ่มขึ้นเพื่อการเตรียมการขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งส่วนตัวผมเชื่อว่า อุ๊งอิ๊งน่าจะขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีในสมัยนี้ และเศรษฐาไม่น่าจะอยู่ครบวาระ เพราะถ้าไปรอการเลือกตั้งครั้งหน้าไม่มีหลักประกันอะไรว่า อุ๊งอิ๊งจะได้ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะต้องต่อสู้กับกระแสของพรรคก้าวไกลที่กำลังจะมาแรง
เชื่อกันว่าการกลับบ้านแบบเท่ๆ ไม่ต้องติดคุกแม้แต่วันเดียวโดยที่อำนาจทุกอำนาจในประเทศนี้สยบยอมหมดก็เพราะความร้อนแรงของพรรคก้าวไกลที่ท้าทายต่อการดำรงอยู่ของสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่มีคำถามว่าการหวังพึ่งพิงมันสมองและความสามารถของทักษิณจะสามารถดึงมวลชนที่หันไปนิยมพรรคก้าวไกลให้กลับมานิยมพรรคเพื่อไทยได้จริงๆ หรือ
ผมเองก็ยอมรับนะว่า ณ สถานการณ์ตอนนี้ของฝ่ายอนุรักษนิยมที่อ่อนแอเต็มทีไม่มีทางเลือกใดไปมากกว่านี้ นอกจากต้องพึ่งพิงทักษิณเพื่อตั้งรับกับพรรคก้าวไกล แต่ก็มีคำถามเหมือนกันว่า ทักษิณวันนี้ที่เป็นนักการเมืองเก่าตกรุ่นแล้ว ในพรรคเพื่อไทยก็เต็มไปด้วยนักการเมืองเก่าคร่ำคร่าจะรับมือกับพรรคก้าวไกลที่เต็มไปด้วยนักการเมืองรุ่นใหม่ที่มีความร้อนแรงได้หรือ หรือเพียงแต่จะช่วยชะลอวันเวลาลงไปได้สักระยะหนึ่ง
แล้วคิดว่าทักษิณที่คนส่วนหนึ่งยังชิงชังและหวาดระแวงจะช่วยให้สถานการณ์ของฝ่ายอำนาจเก่าที่ต้องการรักษารูปแบบและระบอบของรัฐเอาไว้จากความท้าทายของพรรคก้าวไกลนั้นจะยังมีบารมีมากพอที่จะรวบรวมเสียงส่วนใหญ่ไว้ในมือเพื่อต่อกรกับพรรคก้าวไกลได้ไหม
เมื่อทักษิณมีภารกิจที่จะต้องต่อสู้กับพรรคก้าวไกลที่หลายคนเชื่อว่านี่เป็นส่วนหนึ่งของ “ดีล” ทักษิณจะเข้าไปแทรกแซงทางการเมืองอย่างไรเพื่อทำภารกิจที่ได้รับมอบหมาย แล้วสุดท้ายประเทศไทยจะมีนายกรัฐมนตรีกี่คน
ติดตามผู้เขียนได้ที่ https://www.facebook.com/surawich.verawan