วันนี้(29 ม.ค.)นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีตผู้ช่วย รมว.ยุติธรรม โพสต์เฟสบุ๊คระบุข้อความว่า ในวันพุธที่ 31 ม.ค. 2567 ผลของการตัดสินพรรคก้าวไกลจะเป็นอย่างไร พ่อแม่พี่น้องทุกคนอยากให้ผมวิเคราะห์ แต่ผมต้องออกมาบอกก่อนครับว่า ผมเคยเดิมพันกับคุณพิธา และคุณชัยธวัชไว้ว่า ผมจะเลิกเล่นพรรคการเมืองถ้าพรรคก้าวไม่ถูกยุบพรรค
แต่จนถึงปัจจุบันนี้ คุณชัยธวัชกับคุณพิธาไม่ได้ออกมาเดิมพันรับคำท้ากับผม ฉะนั้นสัญญาถือว่าโมฆะ หรือสัญญาไม่เกิดนะครับ เพราะมีผู้เสนอ แต่ไม่มีผู้สนอง สัญญาไม่สมบูรณ์ ซึ่งวันที่ผมเดิมพันไว้หมายความว่า ถ้าพรรคก้าวไกลถูกยุบพรรค แล้วคุณพิธากับคุณชัยธวัชต้องไม่แตะต้องมาตรา 112 อีก แต่คุณชัยธวัชกับคุณพิธาก็ไม่สื่อสารอะไรมา ก็ถือว่าเป็นอันยกเลิก
จนถึงตอนนี้ ผมเห็นครับว่าวันนี้กระบวนการล็อบบี้มันเกิดขึ้นจริงๆ มีขบวนการที่พยายามจะทำให้ วันพุธที่ 31 ม.ค. 2567 ให้คุณพิธารอด พรรคก้าวไกลรอด อย่างที่ผมเคยบอกครับว่า เรื่องมาตรา 112 นั้นถ้าพรรคก้าวไกลถูกยุบ มันจะลามไปที่พรรคเพื่อไทยด้วย เพราะพ่อแม่พี่น้องประชาชนทุกคนก็เคยได้ยิน ว่าแคนดิเคตนายกของพรรคเพื่อไทย ซึ่งก็คือคุณเศรษฐา ทวีสิน ก็บอกว่าจะแก้ไขมาตรา 112 เช่นเดียวกัน จนถึงเวลานี้มันเลยเกิดขบวนการฝุ่นตลบครับ ฝุ่นตลบที่ไหนไม่ต้องพูดกันนะ
แต่เหนือสิ่งอื่นใด วันนี้ผู้มีอำนาจต้องทำในสิ่งที่ถูกต้อง สิ่งที่ถูกต้องหมายความว่าถ้าเกิดการแก้ไขมาตรา 112 นโยบายของพรรคก้าวไกลนั้น ถือเป็นการล้มล้างการปกครอง เป็นการทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างดังนั้นท่านก็ต้องกล้าตัดสินใจ อย่าไปเกรงกลัวที่บอกว่าพรรคก้าวไกลจะโตขึ้น จากผลโพลที่โตขึ้น การเมืองถ้าเรามีกลุ่มลูกค้าให้เขา มีคู่แข่งโดยสภาพอยู่แล้ว
วันนี้เราก็เห็นเเล้วว่า วัยรุ่นกว่าร้อยละ 60% จากโพลล่าสุดก็บอกเลือกพรรคก้าวไกล คนว่างงานก็มีคะแนนนิยมที่จะเลือกพรรคก้าวไกล ในสัดส่วนที่สูง
ผมขออธิบายแบบนี้ว่าส.ส.ในพรรคก้าวไกลไม่ได้เป็นคนชั่วทั้งหมด ไม่ได้เป็นคนไม่ดีทั้งหมด ผมเองทำงานในกรรมธิการอยู่ในสภาหลายคณะ ผมก็มีเพื่อนเป็นส.ส. พรรคก้าวไกลหลายคน หลายคนก็เป็นนักประชาสังคม ช่วยเหลือประชาชน มีจิตใจที่ช่วยเหลือประชาชนมาโดยตลอด แต่มันมีเพียงกลุ่มนึงที่ต้องการจะแก้ไขมาตรา 112 ซึ่งผมขอเรียกกลุ่มนี้ว่ากลุ่ม ซอมบี้ กลุ่มซอมบี้ถ้าไปกัดใครเข้าความคิดของคนที่ถูกกัด ก็จะกลายเป็นซอมบี้ไปด้วย
ฉะนั้นผมถึงบอกว่า ถ้ายุบพรรคก้าวไกลจะเป็นหนทางที่ดีที่สุด อย่างที่ผมบอกว่ากระแสการเมืองมีขึ้นมีลง อย่างเลือกตั้งผู้ว่า ก.ท.ม. ตอนที่ยุบพรรคอนาคตใหม่ไปแล้ว พรรคก้าวไกลส่งคุณวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ลงสมัครผู้ว่าราชการจังหวัดกรุงเทพมหานคร แต่คุณวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ยังแพ้คะแนนคุณสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ จากพรรคประชาธิปัตย์ แล้วทั้งนี้การเลือกตั้ง ส.ก. พรรคเพื่อไทยก็ชนะพรรคก้าวไกล แต่พอการเลือกตั้ง ส.ส. ใน กทม. พรรคเพื่อไทยแพ้พรรคก้าวไกลหมดเลย เหลือได้มาแค่เขตเดียวคือเขตลาดกระบัง
ที่ผมต้องบอกแบบนี้มันไม่ใช่ ความนิยมพรรคก้าวไกลคะแนนนิยมขึ้นเพราะยุบพรรคอนาคตใหม่ แต่การเมืองมันเป็นจังหวะ และกระแส ผมถึงคิดว่าถ้ายุบพรรคก้าวไกลแล้ว ส.ส. พรรคก้าวไกลที่มีฝีมือ มีความคิดที่จะช่วยเหลือพ่อแม่พี่น้องประชาชน แต่ยังเอาคงไว้ซึ่งมาตรา 112 หมายความว่ายังรักและพร้อมปกป้องสถาบันอยู่แต่วันนี้เขาแสดงตัวตนไม่ได้
ดังนั้นต้องยุบพรรค ถ้ายุบคนเหล่านี้จะย้ายไปสังกัดพรรคใหม่ ซึ่งก็จะเป็นคนที่มีอุดมการณ์แบบคนรุ่นใหม่แบบพรรคก้าวไกลคือมีอุดมการณ์เหมือนพรรคก้าวไกลแต่รักสถาบันครับ เป็นคนที่มีอุดมการณ์ทางการเมือง ที่อยากจะเห็นบ้านเมืองเปลี่ยนแปลง เป็นคนที่มีวิสัยทัศน์ เป็นคนรุ่นใหม่ นี่มันเคยเกิดขึ้นมาแล้วในอดีต พรรคประชาธิปัตย์ก็เคยมีคุณสมัคร สุนทรเวช ออกจากพรรคประชาธิปัตย์มาตั้งพรรคการเมือง มีคุณคุณเฉลิม อยู่บำรุง มีคุณอุทัย พิมพ์ใจชน และอีกหลายท่าน ที่เป็นคนรุ่นใหม่ในช่วงเวลานั้น ก็ออกมาตั้งพรรค และก็ได้รับการเลือกตั้ง
ก็เฉกเช่นเดียวกันวันนี้ถ้ายุบพรรคก้าวไกล อย่างแรกคืออะไร สถาบันจะอยู่เหนือการเมืองทันที จะไม่มีพรรคการเมืองใดกล้าเอามาตรา 112 มาหาเสียงอีก อย่างหลักฐานที่ คุณพิธามันมีพยานหลักฐานชัดเจนว่า ขึ้นเวทีเเล้วไปแปะสติ๊กเกอร์ยกเลิกมาตรา 112 ตรงไหนที่บอกว่าจะใช้กลไกของสภาแก้ไข ฉะนั้นข้อแก้ตัว หรือแก้ข้อกล่าวหานั้นฟังไม่ขึ้น ผมจึงขอให้ผู้มีอำนาจทำในสิ่งที่ถูกต้องเพื่อประโยชน์ของประชาชน และประเทศชาติ วันที่31 มกราคม ผมฟันธงว่า พรรคก้าวไกลจะไม่สามารถแก้ไขมาตรา 112 ได้อีก และ การกระทำนั้นขัดรัฐธรรมนูญอย่างชัดเจน ฟันธง มติ 9:0