xs
xsm
sm
md
lg

เมื่อนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ กำลังท้าทายสังคมไทย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“หนึ่งความคิด”
“สุรวิชช์ วีรวรรณ”

มีใครสักกี่คนที่คิดว่าการที่นักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร ที่ถูกดำเนินคดีด้วยการทุจริตต่อชาติบ้านเมืองไม่ใช่เรื่องของอภิสิทธิชนและการเหยียบย่ำกระบวนการยุติธรรมของไทย

เพราะจนแล้วจนรอดจนถึงวันนี้ทักษิณก็นอนสบายอยู่ในห้องพักที่ดีที่สุดของโรงพยาบาลตำรวจมาแล้วกว่า 120 วัน ยังไม่ถูกนำไปจองจำในคุกของกรมราชทัณฑ์แม้แต่วันเดียว ในขณะที่สังคมไทยไม่มีใครเชื่อว่าทักษิณป่วยจนต้องนอนรักษาตัวในโรงพยาบาลนานขนาดนั้น เขาเชื่อกันว่า นี่เป็นการใช้อำนาจรัฐมาอุ้มชูทักษิณ เพราะทักษิณคือ คนที่มีอำนาจที่แท้จริงในรัฐบาลนี้

เขาพูดกันว่าครม.ชุดนี้ก็จัดกันที่ชั้น 14 เช่นเดียวกับโผโยกย้ายตำรวจที่ถูกจัดขึ้นในชั้นเดียวกัน เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ใครจะกล้าเอาทักษิณกลับเข้าคุก เพราะทักษิณสามารถให้คุณให้โทษได้กับทุกคน

นี่กำลังกลายเป็นการย่ำยีกระบวนการยุติธรรมอย่างรุนแรงที่สุด โดยไม่สนว่าคนในสังคมจะมองอย่างไร และเป็นแบบนี้ทุกครั้งที่ระบอบทักษิณมีอำนาจคือ จะทำอะไรก็ได้ตามที่ตัวเองปรารถนา โดยไม่สนใจความถูกต้อง ไม่สนใจว่า การกระทำเช่นนั้นจะท้าทายสังคมไทยอย่างไร เช่นเดียวกับที่เคยพยายามจะให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์น้องสาวของตัวเองออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้กับตัวเองมาแล้ว

และทักษิณไม่ได้สนใจว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระกรุณาพระราชทานอภัยโทษให้จาก 8 ปี เหลือเพียงปีเดียว ซึ่งทักษิณควรจะยอมรับโทษทัณฑ์ที่ได้รับจากพระมหากรุณาธิคุณนั้น โดยเข้าไปจองจำในเรือนจำในโทษที่ได้ลดเหลือ 1 ปี แต่กลายเป็นว่า ทักษิณเข้าไปไม่กี่ชั่วโมง แล้วอ้างอาการเจ็บป่วยจนมานอนอยู่ในห้องพักที่ดีที่สุดของโรงพยาบาลตำรวจจนถึงเวลานี้ โดยมีอำนาจรัฐทั้งหมดอุ้มชูไม่ให้ทักษิณต้องเข้าไปจองจำอยู่ในเรือนจำ โดยผู้มีอำนาจทุกฝ่ายรู้เห็นเป็นใจ

มันเป็นการสะท้อนจิตใต้สำนึกของทักษิณใช่หรือไม่ว่า เขาไม่ได้สำนึกในการกระทำผิดจริงๆ ไม่ได้กลับเข้ามาประเทศหลังจากหนีไป 16 ปี เพราะยอมรับกระบวนการยุติธรรมจริงๆ ไม่ยอมรับที่จะชดใช้โทษทัณฑ์ที่ได้สร้างความเสียหายต่อประเทศชาติอย่างใหญ่หลวง ในขณะที่คนที่รับใช้ทักษิณจำนวนมากถูกจองจำอยู่ในคุก และคนที่ออกมาต่อสู้กับทักษิณถูกจำคุกและสิ้นเนื้อประดาตัวจากคำพิพากษาของศาลให้ยึดทรัพย์ล้มละลาย

ไม่มีใครในประเทศนี้สักคนหรอกที่เชื่อว่า ทักษิณป่วยหนักจริงๆ จนต้องนอนในโรงพยาบาลนานขนาดนี้ แม้แต่คนที่นิยมชมชอบทักษิณก็รู้อยู่แก่ใจดีว่า ทักษิณไม่ได้ป่วยหนักจริง หรือต่อให้ป่วยก็ไม่ได้หนักหนาเกินที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์จะรับมือได้

ถ้าทักษิณป่วยหนักจริงทำไมลูกหลานที่สามารถใช้สิทธิเข้าไปเยี่ยมได้จึงไม่มีใครไปเยี่ยมทักษิณเลย และลูกสาวอย่างแพทองธารก็ไม่ได้แสดงอาการตระหนกออกมาเลยว่า พ่อกำลังป่วยหนัก เพราะเหตุผลเดียวที่สามารถอยู่ในโรงพยาบาลตำรวจได้ก็คือต้องมีอาการป่วยหนักหรือไม่ใกล้จะตายจนโรงพยาบาลราชทัณฑ์ไม่สามารถรับมือได้เท่านั้น

เมื่อทางแพทย์ยืนยันที่จะให้ทักษิณรักษาตัวในโรงพยาบาลตำรวจต่อซึ่งต้องรอดูกันว่า โรงพยาบาลตำรวจ กระทรวงยุติธรรมและกรมราชทัณฑ์จะเขียนบทละครอย่างไร เพราะเมื่ออยู่ในโรงพยาบาลจนครบ 120 วัน ต้องมีหนังสือขอความเห็นชอบจากอธิบดีพร้อมกับความเห็นแพทย์ผู้รักษาและหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้องและรายงานให้รัฐมนตรีทราบอีกครั้ง น่าสนใจว่าทางแพทย์จะผ่าตัดรักษาอะไรให้ทักษิณอีกเพื่อเป็นเหตุในการอยู่โรงพยาบาลตำรวจต่อไม่ต้องเข้าคุกไปจนครบ 6 เดือน

ที่บอกว่าครบ 6 เดือน เพราะตาม พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ มาตรา 52 (7) ระบุว่า พักการลงโทษเมื่อนักโทษเด็ดขาดได้รับโทษมาแล้วไม่น้อยกว่าหกเดือนหรือหนึ่งในสามของกำหนดโทษตามหมายศาลในขณะนั้นแล้วแต่อย่างใดจะมากกว่าหรือไม่น้อยกว่าสิบปีในกรณีที่ต้องโทษจำคุกตลอดชีวิตที่มีการเปลี่ยนโทษจำคุกตลอดชีวิตเป็นโทษจำคุกมีกำหนดเวลาและกำหนดระยะเวลาที่จะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขให้กำหนดเท่ากับกำหนดโทษที่ยังเหลืออยู่

สรุปคือ ทักษิณจะใช้การติดคุกแค่ 1 ใน 3 คือถึงเดือนธันวาคมเพื่อขอพักโทษตามที่คนเขาร่ำลือกันไม่ได้ เพราะกฎหมายเขียนไว้ว่า ไม่น้อยกว่าหกเดือนหรือหนึ่งในสามของกำหนดโทษตามหมายศาลในขณะนั้นแล้วแต่อย่างใดจะมากกว่า ดังนั้นจึงต้องยึด 6 เดือน ถ้าทักษิณจะพักโทษกลับไปอยู่บ้านได้ก็คือเดือนกุมภาพันธ์เป็นอย่างเร็ว

ถึงตรงนี้ก็ต้องรอดูว่ากรมราชทัณฑ์อนุญาตให้ทักษิณนอกอยู่ในโรงพยาบาลตำรวจต่อด้วยเหตุผลผลอะไร เพราะถ้าแค่พักฟื้นจากอาการผ่าตัดครั้งที่ 2 ในครั้งนั้นแพทองธาร ลูกสาวบอกว่า ผ่าตัดที่หัวไหล่ 4 จุดซึ่งไม่ใช่การผ่าตัดที่หนักหนาอะไร แต่ถึงตอนนี้กรมราชทัณฑ์ นายแพทย์ในโรงพยาบาลตำรวจ ก็ยังปล่อยให้ทักษิณนอนอยู่ในโรงพยาบาลโดยไม่ยอมส่งกลับเรือนจำหรืออย่างน้อยก็ควรกลับไปอยู่ในโรงพยาบาลราชทัณฑ์

แน่นอนว่า คนที่จะรับรองว่าทักษิณยังจำเป็นต้องนอนรักษาตัวในชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจก็คือ นายแพทย์ของโรงพยาบาลตำรวจ และนายแพทย์ของกรมราชทัณฑ์ที่ต้องมีความเห็นร่วมกัน ซึ่งเชื่อว่า นายแพทย์เหล่านี้จะต้องรับรองให้ทักษิณอยู่ต่ออย่างแน่นอน แม้ว่าการกระทำนั้นจะสุ่มเสี่ยงต่อจรรยาบรรณของแพทย์และความผิดทางกฎหมาย เพราะพวกเขาเชื่อว่าคนที่จะให้คุณให้โทษกับเขาก็คือทักษิณนั่นเอง

ยังไม่รวมว่า หากนักโทษที่ได้รับอนุญาตให้ออกมารักษาตัวนอกโรงพยาบาลราชทัณฑ์ไม่ใช่ทักษิณแล้วจะได้นอนอยู่ในห้องพักที่ดีที่สุดของโรงพยาบาลตำรวจหรือไม่

และที่สังคมไทยกำลังจับตาดูก็คือ อำนาจรัฐจะใช้ “ระเบียบกรมราชทัณฑ์ ว่าด้วยการดำเนินการสำหรับการคุมขังในสถานที่คุมขัง พ.ศ.2566” ที่ออกมาเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2566 เพราะสาระสำคัญของระเบียบฉบับดังกล่าวคือการกำหนดเงื่อนไขและหลักเกณฑ์ในการกำหนดสถานที่คุมขังอื่นที่มิใช่เรือนจำ โดยเปิดทางให้คุมขังผู้ต้องขังในสถานที่สำหรับอยู่อาศัยหรือสถานพยาบาลได้ โดยถือเป็นระยะเวลาจำคุก หรือเรียกง่ายๆ ว่า “ระเบียบขังนอกคุก”

เมื่อไปดูระเบียบฉบับนี้แล้วพูดง่ายๆ ว่า กรมราชทัณฑ์สามารถให้ทักษิณกลับอยู่ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า เพราะยอมรับแล้วว่าคุณสมบัติของทักษิณเข้ากับระเบียบที่ออกใหม่นี้ ก็จับตาดูว่า อำนาจรัฐในอุ้งมือของทักษิณจะกล้านำระเบียบนี้มาใช้กับทักษิณหรือไม่ หรือกล้าที่จะกระทำการที่เหยียดหยามและท้าทายสังคมไทยอีกครั้งหรือไม่

สมศักดิ์ เทพสุทิน ซึ่งปูทางเขียนระเบียบติดคุกที่บ้านเอาไว้ตั้งแต่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม บอกว่า ทักษิณเป็นผู้หนึ่งที่เข้าเกณฑ์คุมขังนอกเรือนจำ เพราะโทษจำคุกไม่เกิน 4 ปี ไม่ได้เป็นบุคคลที่อยู่ในข่ายน่ากลัวของสังคม เช่น โทษฆ่าข่มขืน ซึ่งจำเป็นต้องถูกคุมขังในเรือนจำ หากเป็นโทษที่ไม่เป็นภัยต่อสังคม ในระบบสากลสามารถคุมขังนอกเรือนจำได้ รวมถึงเหลือโทษน้อยด้วย

นักการเมืองที่ถูกศาลพิพากษาว่า ทุจริตคอรัปชั่นโกงกินแผ่นดินนั้นไม่ได้เป็นภัยต่อสังคมหรือ เพราะความคิดแบบนี้ในจิตใต้สำนึกใช่หรือไม่ที่ทำให้นักการเมืองทุกคนเมื่อเข้าสู่อำนาจแล้วล้วนแต่หาประโยชน์ส่วนตัวทั้งสิ้น

สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นจากกรณีของทักษิณในประเทศนี้คือ การทำลายความเสมอภาคทางกฎหมาย: หลักการของความเท่าเทียมกันภายใต้กฎหมายที่ทุกคนควรได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกันภายใต้ระบบกฎหมาย ละเมิดหลักการพื้นฐานของความยุติธรรม และผู้มีอำนาจรัฐในประเทศกำลังร่วมมือกันทำลายความยุติธรรมเพื่อปกป้องทักษิณคนเดียว

ตอนนี้การรับรู้ของสาธารณชนก็คือ การขาดความเชื่อมั่นในระบบกฎหมายต่อกระบวนการยุติธรรมต่อความเสมอภาคความเท่าเทียม เพราะเขารับรู้ว่า นักการเมืองที่ทุจริตคอร์รัปชั่นต่อประเทศไม่ได้ถูกจองจำในคุกแม้แต่วันเดียว ความคิดและความเชื่อแบบนี้ของคนในสังคมไทยได้ทำลายความไว้วางใจในระบบตุลาการและกระบวนการยุติธรรมของประเทศนี้ไปอย่างหมดสิ้นแล้ว เพราะเท่ากับว่าระบบกฎหมายของประเทศไทย และการลงทัณฑ์จากอำนาจทั้งมวลของรัฐนั้นไม่สามารถเอาผิดกับคนที่ทุจริตโกงชาติได้

สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนั้นสะท้อนความเหิมเกริมของทักษิณ ของระบอบทักษิณ ของลิ่วล้อทักษิณที่เชื่อว่าเมื่อมีอำนาจแล้วจะทำอย่างไรกับสังคมไทยก็ได้ ราวกับความยุติธรรมและความถูกต้องของประเทศนี้ไม่มีอยู่จริง

ติดตามผู้เขียนได้ที่ https://www.facebook.com/surawich.verawan




กำลังโหลดความคิดเห็น