ถึงวันนี้ 2 เดือนกว่าแล้วนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ที่ได้รับพระราชทานอภัยลดโทษจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจาก 8 ปี เหลือ 1 ปี แต่ยังไม่ติดโทษจริงสักวันเดียว แสดงถึงการฉ้อฉลแม้กระทั่งโทษจำคุก
โดยปกติแล้วคนที่นอนในโรงพยาบาลนานขนาดนี้น่าจะมีอาการโคม่ามากใกล้จะหมดลมหายใจแล้ว ก็ต้องรอดูว่า หากสามารถพ้นโทษออกมาได้ทักษิณจะแข็งแรงเหมือนตอนหลบหนีคดีอยู่ในต่างประเทศไหม
ทักษิณเข้าคุกไปเพียงไม่กี่ชั่วโมงแล้วถูกทางเรือนจำนำส่งตัวไปยังโรงพยาบาลตำรวจ โดยอ้างว่า มีอาการนอนไม่หลับแน่นหน้าอกวัดความดันโลหิตสูง ระดับออกซิเจนปลายนิ้วต่ำ ทั้งที่ตอนเดินทางมาถึงและลงจากเครื่องบิน นักโทษเด็ดขาดชายทักษิณก็ยังมีสภาพปกติ เช่นเดียวกับที่ใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศก่อนหน้านี้
และจริงๆ แล้วถ้าอาการของทักษิณเป็นแค่ที่บอกในตอนแรกว่าแน่นหน้าอก ความดันโลหิตสูง ออกซิเจนปลายนิ้วต่ำ ซึ่งเป็นโรคที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์น่าจะรักษาได้ไม่จำเป็นต้องส่งมาโรงพยาบาลตำรวจเลย เพราะถ้าโรคแค่นี้ยังไม่สามารถรักษาได้ก็สะท้อนถึงศักยภาพที่ด้อยมากของโรงพยาบาลราชทัณฑ์ด้วย
จึงไม่มีใครเชื่อหรอกว่า ทักษิณป่วยจริง และเชื่อว่านี่น่าจะเป็นละครฉากใหญ่ แม้แพทย์โรงพยาบาลตำรวจจะการันตีด้วยจรรยาบรรณแพทย์ว่า ทักษิณป่วยจริงก็ตามตอนนี้แพทย์กับราชทัณฑ์ถือคัมภีร์ว่า ไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลของผู้ป่วยได้ เราจึงไม่สามารถรู้ว่า ทักษิณป่วยด้วยโรคอะไรจึงต้องนอนอยู่ในโรงพยาบาลนานขนาดนี้
ไม่เพียงเท่านั้นทักษิณยังถูกส่งตัวมาอยู่ที่ห้องพักที่ดีที่สุดของโรงพยาบาลตำรวจในชั้น 14 ที่เรียกว่าห้องผู้ป่วยพิเศษระดับสูงหรือห้องรอยัลสูท ถามว่า กรมราชทัณฑ์มีกฎเกณฑ์หรือไม่ว่า นักโทษเด็ดขาดที่นำตัวมารักษายังโรงพยาบาลภายนอกนั้น ควรจะต้องพักรักษาตัวอยู่ในห้องพักระดับใด ผมหาข้อมูลในส่วนนี้ไม่ได้ แต่พบว่า ระเบียบของกรมราชทัณฑ์ในกรณีของผู้ถูกกักกันที่จะออกมารักษาโรงพยาบาลภายนอกนั้นระบุไว้ว่า ห้ามอยู่ห้องพักพิเศษแยกจากผู้ป่วยทั่วไป แต่ไม่พบว่าสำหรับนักโทษเด็ดขาดนั้นมีกฎเกณฑ์เรื่องห้องพักอย่างไร
แต่อย่างไรก็ตามโดยสถานะของนักโทษเด็ดขาดนั้น ถามว่า ทักษิณควรได้พักในห้องที่ดีที่สุดของโรงพยาบาลที่มีเครื่องอำนวยความสะดวกครบครันหรือไม่ มันเหมาะสมกับฐานานุรูปของคนที่เป็นนักโทษที่ควรจะต้องจำกัดความสะดวกสบายจนเกินไปหรือไม่ แน่นอนว่า ในห้องนั้นจะต้องมีโทรทัศน์ที่ทำให้ทักษิณสามารถติดตามข่าวสารต่างๆ ได้ด้วย แล้วสังเกตไหมถ้าทักษิณมีสารพัดโรค ทำไมลูกหลานจึงแทบจะไม่ไปเยี่ยมเลย หรือว่า พวกเขาสามารถติดต่อสื่อสารกันได้ตามปกติอันนี้เป็นคำถามชวนสงสัย
แล้วก็แปลกมากตั้งแต่เข้าโรงพยาบาลตำรวจมาสองเดือนทักษิณเข้ารับการผ่าตัดตามคำอ้างของแพทย์มาแล้วถึง 2 ครั้ง น่าเป็นห่วงนะครับว่า ทักษิณทำไมอยู่ใกล้หมออาการยิ่งทรุดและยิ่งพบกับสารพัดโรค แต่ตอนอยู่เมืองนอกไปไหนมาไหนได้สะดวกไม่มีวี่แววจะเป็นคนป่วยเลย
แล้วที่แปลกมากก็คือก่อนจะครบ 60 วันถ้าจะอยู่ต่อจะต้องมีหนังสือขอความเห็นชอบจากอธิบดีพร้อมกับความเห็นแพทย์ผู้รักษาและหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้องและรายงานให้ปลัดกระทรวงทราบว่าจะสามารถรักษาข้างนอกต่อได้หรือไม่ ก็มีการเข็นเตียงผู้ป่วยออกมานอกโรงพยาบาลผ่านทางเดินให้คนทั่วไปเห็นเพื่อยืนยันว่า ทักษิณป่วยจริงและยังอยู่ในโรงพยาบาลเพราะมีคนเขาสงสัยกันว่ายังอยู่ในโรงพยาบาลจริงไหม
เมื่อจัดฉากระดับตุ๊กตาทองไปแล้ว ล่าสุดกรมราชทัณฑ์ก็มีการแจ้งต่อสาธารณะว่าทักษิณเข้ารับการผ่าตัดเป็นครั้งที่สอง แน่นอนว่าผลจากการผ่าตัดครั้งนี้ ก็คงเป็นเหตุให้ทักษิณสามารถรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลตำรวจได้ยาวอีกระดับหนึ่ง ก็ต้องดูนะครับว่าจะอ้างอยู่พักฟื้นในโรงพยาบาลได้อีกกี่วัน ซึ่งต้องดูว่า จากการรักษาคนอื่นที่ผ่านมาหลังผ่าตัดเขาจะพักฟื้นนานแบบเดียวกับทักษิณหรือไม่ แต่ที่เราทราบส่วนใหญ่คนธรรมดาทั่วไปก็พักฟื้นหลังผ่าตัดไม่กี่วันแพทย์ก็จะให้กลับบ้านได้
แล้วต้องดูว่าหากอยู่ไปจนครบ 4 เดือน หรือ 120 วัน ที่ต้องมีหนังสือขอความเห็นชอบจากอธิบดีพร้อมกับความเห็นแพทย์ผู้รักษาและหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้องและรายงานให้รัฐมนตรีทราบอีกครั้ง ทางแพทย์จะผ่าตัดรักษาอะไรให้ทักษิณเพื่อเป็นเหตุในการอยู่โรงพยาบาลตำรวจต่อไม่ต้องเข้าคุกไปจนครบ 6 เดือน
ที่บอกว่าครบ 6 เดือน เพราะตาม พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ มาตรา 52 (7) ระบุว่า พักการลงโทษเมื่อนักโทษเด็ดขาดได้รับโทษมาแล้วไม่น้อยกว่าหกเดือนหรือหนึ่งในสามของกำหนดโทษตามหมายศาลในขณะนั้นแล้วแต่อย่างใดจะมากกว่าหรือไม่น้อยกว่าสิบปีในกรณีที่ต้องโทษจำคุกตลอดชีวิตที่มีการเปลี่ยนโทษจำคุกตลอดชีวิตเป็นโทษจำคุกมีกำหนดเวลาและกำหนดระยะเวลาที่จะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขให้กำหนดเท่ากับกำหนดโทษที่ยังเหลืออยู่
สรุปคือ ทักษิณจะใช้การติดคุกแค่ 1 ใน 3 คือถึงเดือนธันวาคมที่จะถึงนี้เพื่อขอพักโทษตามที่คนเขาร่ำลือกันไม่ได้ เพราะกฎหมายเขียนไว้ว่า ไม่น้อยกว่าหกเดือนหรือหนึ่งในสามของกำหนดโทษตามหมายศาลในขณะนั้นแล้วแต่อย่างใดจะมากกว่า ดังนั้นจึงต้องยึด 6 เดือน ถ้าทักษิณจะพักโทษกลับไปอยู่บ้านได้ก็คือเดือนกุมภาพันธ์
แน่นอนว่า ถึงวันนั้นทักษิณก็จะได้พักโทษได้กลับไปอยู่บ้านกับลูกหลานแน่นอนโดยไม่ต้องสงสัย แต่ถึงตอนนี้ก็ต้องมาดูว่า พวกเขาจะเขียนบทละครอย่างไรให้ทักษิณนอนสบายๆ อยู่ที่ชั้น 14 โดยไม่ต้องเข้าคุกสักวันเดียวจนครบ 6 เดือนได้อย่างไร
จริงๆ แล้วก็มีประกาศของกรมราชทัณฑ์ซึ่งเขาอาจจะอ้างมาใช้ได้เหมือนกันว่า คนที่มีอาการเจ็บป่วยร้ายแรง หรือพิการ หรือมีอายุตั้งแต่เจ็ดสิบปีขึ้นไป ต้องโทษมา 1 ใน 3 จะได้พักโทษ แต่ต้องไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้หรือช่วยเหลือตัวเองได้น้อย ก็ต้องดูว่า เขาจะทำกันถึงขั้นนี้เพื่อปล่อยทักษิณในเดือนธันวาคมหรือไม่
กรมราชทัณฑ์อ้างว่า นอกจากทักษิณแล้ว มีสถิติสะสมการส่งผู้ต้องขังป่วยออกรักษาพยาบาลนอกเรือนจำนานเกิน 30 วันขึ้นไปตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2565 – ปัจจุบันรวม 149 รายแบ่งเป็นเกินกว่า 30 วัน จำนวน 115 คน เกินกว่า 60 วัน จำนวน 30 คนและเกินกว่า 120 วัน จำนวน 4 คน
หากเป็นเช่นนั้นจริงกรมราชทัณฑ์กล้าเปิดเผยหรือไม่ว่า นักโทษที่อ้างว่าได้รับการรักษานอกเรือนจำนานเช่นเดียวกับทักษิณนั้นเขาป่วยด้วยโรคอะไร อยู่โรงพยาบาลอะไร ถึงจะเทียบเคียงได้ว่า การได้รับการออกไปรักษาโรคนอกเรือนจำนั้นสมเหตุสมผลหรือไม่แล้วนักโทษเหล่านั้นยังไม่ติดคุกสักวันเลยหรือไม่
ผมพยายามเข้าใจเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ อธิบดีราชทัณฑ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม ว่า คงจะไม่สามารถกระทำการอย่างอื่นได้ นอกเหนืออำนวยความสะดวกให้ทักษิณรักษาอยู่นอกโรงพยาบาลตามที่แพทย์อ้างอาการป่วยต่างๆ มา เพราะรู้อยู่แล้วว่า ทักษิณเป็นผู้ที่มีอำนาจเหนือรัฐบาลที่สามารถให้คุณให้โทษได้
ทักษิณยังไม่ติดคุกจริงๆ สักวัน คนที่ต่อสู้กับทักษิณนอกจากติดคุกแล้วยังถูกยึดทรัพย์ นี่ช่างเป็นความงามหน้าของกระบวนการยุติธรรมไทยจริงๆ
ติดตามผู้เขียนได้ที่ https://www.facebook.com/surawich.verawan