ขณะที่บ้านเมืองยังหาทางแก้ไขปัญหาสารพัดที่รุมเร้าอยู่ รัฐบาลนายกฯ เศรษฐีเศรษฐา ก็พยายามหาโครงการใหม่ๆ เพื่อแสดงให้เห็นว่า มีเจตนาตั้งใจทำงาน
ปัญหาเก่าเรื้อรังมาหลายปียังแก้ไม่ได้ ยังคิดจะแก้ปัญหาใหม่ดูไปแล้วเหมือนกับกำลังทำงานที่เกินความสามารถ เพราะทีมงานล้วนแต่ไร้ฝีมือ การยอมรับ
บรรดารัฐมนตรีที่หน้าสลอน เหลิงอำนาจกันอยู่ ทั้งหน้าใหม่และหน้าเก่าที่ชาวบ้านรู้มือกันอยู่ มีทั้งสีเทาและสีเทาเข้มจึงไม่ได้สร้างความมั่นใจว่าบ้านเมืองจะมีอนาคตสดใส
หลายคนชาวบ้านรู้กำพืดดีว่าสมกับโหงวเฮ้งโจรประวัติมัวหมองรอดคุกมาได้เพราะอำนาจเงิน ช่วงนี้แต่ละวันไม่ต้องทำอะไร มีแต่บ้าจี้กับโครงการซอฟต์พาวเวอร์ เอาใจลูกสาวเถ้าแก่ใหญ่เจ้าของพรรค
ดังนั้น รัฐบาลเศรษฐีเศรษฐา จึงเหมือนอยู่ในสภาวะปล้ำผีลุกปลุกผีนั่ง หัวหน้ารัฐบาลชีพจรลงเท้าไปหลายจังหวัดทำให้ชาวบ้านสงสัยว่าจะแก้ปัญหาบ้านเมืองหรือกิจการของบริษัทตามคำสั่งของนายทุนอยู่หลังฉากหรือไม่
บ้านเมืองจึงอยู่ในสภาพจับต้นชนปลายไม่ถูก ไหนจะต้องดูว่ารัฐบาลจะทำโครงการอะไรได้อย่างเป็นเนื้อเป็นหนังนอกจากบ้าระห่ำกับเรื่องซอฟต์พาวเวอร์ ไหนจะต้องมัวพะวงเรื่องนักโทษชายเด็ดขาดอยู่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ คนกุมชะตารัฐบาล
กลายเป็นเรื่องที่ไม่มีใครกล้าแตะหรือเอ่ยปากถึง
ไม่ว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม ต่างเลี่ยงเหมือนกับเป็นเรื่องอัปรีย์จัญไร
ดูแล้วนักโทษชายเด็ดขาดจากดูไบใช่ว่าจะอยู่ในสภาพที่สุขสบาย ต้องหลบซ่อนตัวกลัวคนพบเห็น อาการป่วยก็ไม่มีใครบอกว่าจะหายเมื่อไหร่
ซ้ำร้ายไม่มีใครรับรองว่าตัวคนป่วยอยู่ในห้องชั้น 14 ตั้งแต่ 120 กว่าวันก่อนหน้านี้หรือไม่ ทุกอย่างกลายเป็นเรื่องลึกลับดำมืด ปนกับความน่าสมเพชเวทนา คนป่วยคาเตียงไม่มีลูกหลานมาเยี่ยม
ยิ่งทำให้เกิดกระแสความสงสัยของประชาชนว่านักโทษชายเด็ดขาดอยู่ในความควบคุมจริงหรือไม่ เมื่อใครอยากจะตรวจสอบก็ถูกบรรดาสมุนบริวารออกมาขู่ฟอดๆ ว่าจะดำเนินคดีอาญา
แต่ก็แปลกที่ว่าพัศดี แพทย์หรือพยาบาลไม่รับประกันว่าในห้องคนป่วยมีนักโทษชายเด็ดขาดอยู่จริงหรือไม่ และไม่ต้องการให้ใครพิสูจน์ด้วยทั้งที่ไม่ยุ่งเกี่ยวเรื่องอาการป่วย
สังคมอยากรู้ว่านักโทษชายเด็ดขาดอยู่ในสภาวะถูกคุมขังในห้องชั้น 14 อย่างที่กรมราชทัณฑ์หรือผู้รับผิดชอบโรงพยาบาลตำรวจอ้างว่ามีอาการป่วยจริง
ว่ากันตามจริงนักโทษชายเด็ดขาดใช่ว่าจะมีชีวิตสุขสบายเหนือรัฐธรรมนูญ อยู่เหนืออำนาจกระบวนการยุติธรรม และกฎระเบียบต่างๆ เพราะ 17 ปีที่ผ่านมามีชีวิตอยู่ในความอัปยศ
นักโทษเด็ดขาดได้เป็นนายกรัฐมนตรีควบกับความเป็นมหาเศรษฐี แต่ต้องหนีคุกไปอยู่ต่างประเทศ ผวา ว่าจะถูกจับกุมตัวไปติดคุกตามคำพิพากษาของศาล
เคยมียศพันตำรวจโทก็ถูกถอดพร้อมเครื่องราชฯ กลายเป็นบุคคลธรรมดาในสภาพคนหนีคุก เมื่อกลับมาภายใต้คำอ้างว่าจะเลิกยุ่งกับการเมือง ขอกลับมาเลี้ยงหลาน แต่ความเป็นจริงยังมีอำนาจเหนือพรรค
ทั้งยังพยายามจะปั้นลูกสาวที่รักสปอนเซอร์ชอฟต์พาวเวอร์ให้เป็นนายกรัฐมนตรีอีกด้วย
ช่วงอยู่ดูไบ ฮ่องกง หรือสิงคโปร์ มีสมุนบริวารขี้ข้าสารพัดระดับไปขอพบเพื่อหวังตำแหน่ง เมื่อกลับมาถูกนำตัวไปขึ้นศาล ถูกตราหน้าว่าเป็นนักโทษชายเด็ดขาด ต้องจำคุกหนึ่งปีหลังจากได้รับการอภัยโทษ
เป็นความอัปยศของชีวิตที่ลบล้างไม่ได้ ทุกวันนี้ยังไม่ได้ติดคุกแม้แต่วันเดียวตามคำพิพากษาและตามเงื่อนไขของการอภัยโทษโดยพระมหากษัตริย์
เป็นความกล้าหาญอย่างยิ่งที่ไม่ยอมติดคุกทั้งที่ได้รับการอภัยโทษ ดังนั้นสภาพจิตใจยังคงต้องระแวงสงสัยว่าจะต้องติดคุกอีกนานเต็มหนึ่งปีหรือไม่เพราะไม่เข้าเงื่อนไขว่าต้องรับโทษจำคุกหนึ่งปี
สภาพที่ถูกเอื้อให้อยู่เหนือเงื่อนไขและคำพิพากษาทำให้เกิดความสงสัยในกลุ่มประชาชนและส่วนหนึ่งมีความรู้สึกว่ามีความอยุติธรรมอยู่ในระบบของประเทศ
กลุ่มผู้เรียกร้องตรวจสอบจึงพยายามเอาเรื่องกับเจ้าหน้าที่ทุกส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อแสวงหาความจริงและความยุติธรรม หากเจ้าหน้าที่มีการเอื้ออวย นักโทษชายเด็ดขาดก็ต้องรับผลกรรมถ้าถูกพิสูจน์ว่าผิดกฎหมาย
ที่ผ่านมามีเจ้าหน้าที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง รัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่ระดับสูงเกี่ยวข้องกับการทุจริตต้องติดคุกเพราะถูกกล่าวหาว่ามีส่วนร่วมในการประพฤติมิชอบกับเครือข่ายของนักโทษชายเด็ดขาด
การกระทำที่ไม่สุจริตย่อมนำไปสู่ผลที่ไม่น่าพึงปรารถนา ดังนั้นความไม่ชอบมาพากลต่างๆ อาจนำไปสู่เหตุการณ์จากไฟสุมขอน จนอาจทำให้นักโทษชายเด็ดขาดและสมาชิกครอบครัวประสบชะตากรรมตรงข้ามกับความคาดหวังอีกครั้งก็ได้