รัฐบาลเศรษฐาเศรษฐีเข้ามาทำงานได้นานกว่า 3 เดือนแล้วมีกิจกรรมมากมายทั้งในและนอกประเทศตัวผู้นำเป็นเหมือนชีพจรลงเท้าต้องสัญจรตลอด
แต่ผลงานเป็นชิ้นเป็นอันให้จับต้องได้ มีผลให้ประชาชนได้ประโยชน์ยังไม่มี ไม่ว่าจะเป็นโครงการเกี่ยวกับประชานิยมต่างๆ ยังดูเลื่อนลอย
ทั้งรัฐบาลและหัวหน้าพรรคเพื่อไทยซึ่งมีลูกสาวเถ้าแก่เป็นหัวหน้า ยังหมกมุ่นอยู่แต่เรื่องซอฟต์พาวเวอร์ ทุกลมหายใจเข้าออก ยังดีไม่ถึงขั้นเพ้อจนเสียสติ
ชาวบ้านดูแล้วเหมือนคนไม่มีอะไรทำ จิตไม่ว่าง ต้องหาอะไรทำเป็นกิจกรรมเป็นจุดขายของตัวเอง แต่ไร้ผล ทำเอาประเด็นซอฟต์พาวเวอร์เป็นเรื่องที่ชาวบ้านต้องรับฟังรายวัน
แต่ไม่ใช่สิ่งของหรืออะไรที่ชาวบ้านจับต้องได้และเป็นเรื่องที่ประเทศอื่นๆ ไม่ได้ประกาศโฉ่งฉ่าง เลือกอะไรเป็นซอฟต์พาวเวอร์ บรรดาลูกหาบในพรรคก็เต้นตาม
อย่างที่ฝรั่งเรียกว่า “much ado about nothing“ นั่นแหละ แต่ใครจะไปกล้าขวางลูกสาวเถ้าแก่ซึ่งตัวพ่อเองกำลังเร่งปั่นกระแสเพื่อให้เป็นนายกรัฐมนตรี
ประเด็นนี้เองทำให้ท่านเศรษฐาเศรษฐี ต้องเร่งสร้างผลงานให้เห็นว่าตัวเองมีราคา สามารถเจรจากับต่างประเทศทางการเมืองและเศรษฐกิจเหนือชั้นกว่าลูกสาวเถ้าแก่ซึ่งเป็นลูกแหง่การเมือง
ดังนั้น การเมืองช่วงนี้จึงเป็นการเร่งแสวงหาผลประโยชน์ของนักเลือกตั้งที่มีอำนาจดูแลหน่วยงานของรัฐบาล จะว่าเป็นการจ้องหาผลประโยชน์โดยตรงเพราะอาจมีการปรับเปลี่ยนคณะรัฐมนตรีได้ทุกเมื่อ
สถานการณ์ทางการเมือง เศรษฐกิจและสังคมจึงไม่มีภาพชัดเจนว่าจะไปทิศทางใดเพราะรัฐบาลเศรษฐาดูเหมือนจะหากินวันต่อวัน ไม่มีอะไรที่ทำให้ชาวบ้านเชื่อได้ว่าประเทศจะมีอนาคตดีกว่า
ด้วยเหตุตัวเถ้าแก่ซึ่งอยู่ในสภาพเป็นนักโทษเด็ดขาดรอการหลุดพ้นจากการถูกจองจำก็ยังไม่มีความแน่นอนเกี่ยวกับอนาคตของตัวเองว่าเป็นอิสระเมื่อไหร่
กระแสต่อต้านสิทธิพิเศษของตัวเถ้าแก่นักโทษชายเด็ดขาดเริ่มแรงขึ้นเหมือนไฟสุมขอน สามารถปะทุได้ทุกเมื่อ และอาจสร้างผลกระทบต่อการเมืองรุนแรง
เจตนาของนักโทษชายเด็ดขาดอ้างว่าต้องการกลับบ้านเพื่อเลี้ยงหลาน แต่ไม่ได้บอกว่าจะปั้นลูกสาวสุดที่รักให้เป็นนายกรัฐมนตรี แม้ชาวบ้านจะเดาทางได้
ความรู้สึกของประชาชนที่ว่าตระกูลของเถ้าแก่นักโทษชายเด็ดขาดต้องการเป็นผู้นำรัฐบาลต่อเนื่องโดยใช้โครงการประชานิยมถมไม่เต็มเป็นตัวล่อทำให้เกิดบรรยากาศไม่ไว้วางใจ
ชาวบ้านยังจำได้ว่าพรรคการเมืองของนักโทษชายเด็ดขาดเคยถูกล้มเพราะการรัฐประหารสองครั้ง และถูกยุบสองครั้งด้วยคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ
สาเหตุหลักก็คือการทุจริตคอร์รัปชันและความไม่ชอบมาพากลในการบริหารบ้านเมือง โดยเน้นผลประโยชน์เพื่อตัวเองและพวกพ้องสร้างความเสียหายต่อโครงสร้างของประเทศ
ทุกวันนี้เรื่องอื้อฉาวของเถ้าแก่นักโทษชายเด็ดขาดยังเป็นเรื่องที่สร้างผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของประเทศไทยในด้านระบบนิติรัฐ นิติธรรมโดยถูกมองว่านักโทษชายคนเดียวมีอำนาจและอิทธิพลเหนือรัฐ
ยิ่งกว่านั้นรัฐบาลเศรษฐีเศรษฐา ยังถูกมองว่าเป็นหุ่นเชิดหรือนอมินี ตัวแทนของเถ้าแก่ใหญ่นักโทษชายเด็ดขาดและเป็นตัวคั่นเวลารอให้ลูกสาวได้รับการบ่มให้เข้าที่
แต่ลูกแหง่การเมือง ซึ่งอยู่ในสภาพเหมือนมะม่วงจำบ่มยังไม่มีวี่แววว่าจะสามารถเป็นผู้นำรัฐบาลของประเทศที่มีประชากรมากถึง 70 ล้านคนได้ ทุกวันนี้เพียงได้แค่เดินสายสร้างภาพด้วยเรื่องซอฟต์พาวเวอร์
จากนี้ไปสถานภาพของประเทศจะขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่นักโทษชายเด็ดขาด จะได้ถูกย้ายจากโรงพยาบาลตำรวจไปอยู่บ้านตามเงื่อนไขที่ถูกเร่งโดยหน่วยงานของรัฐ
เมื่อถึงเวลานั้นต้องรอดูว่าบทบาทในการกำกับทิศทางและการทำงานของรัฐบาลจะเข้มข้นแค่ไหน รวมถึงประเด็นที่ว่าจะเปลี่ยนแปลงหัวหน้ารัฐบาลหรือไม่
และยังต้องไม่ลืมว่ากระแสด้านลบเกี่ยวกับสิทธิพิเศษต่างๆ ที่นักโทษชายเด็ดขาดได้รับนั้นจะก่อตัวขึ้นเป็นการชุมนุมประท้วงอย่างไรหรือไม่
รัฐบาลเศรษฐีเศรษฐา จึงอยู่แบบวันต่อวันและลูกหาบของเถ้าแก่นักโทษชายเด็ดขาดพยายามประคองให้อยู่ได้โดยที่ประชาชนไม่ออกมาประท้วงขับไล่เพราะไร้ผลงานชัดเจน
ตัวผู้นำรัฐบาลซึ่งมักมีปัญหากับข้าราชการและความไม่จริงจังกับการปราบปรามทุจริตคอร์รัปชันจึงไม่สร้างความหวังว่าประเทศนี้จะดีขึ้นด้วย ตัวเองก็พลาดพลั้งในคำพูดทั้งเรื่องการวิ่งเต้น โยกย้ายตำรวจและความไม่เอาจริงในการปราบหมูเถื่อน
ประชาชนส่วนหนึ่งกำลังมองสถานการณ์ด้วยความไม่สบายใจว่าการหวนกลับคืนของนักโทษชายเด็ดขาด ซึ่งยังมีอิทธิพลการเมืองมากมายส่งผลอย่างไรต่อประเทศ
ปัญหาเรื่องหนี้ครัวเรือนและหนี้สาธารณะยังเป็นเรื่องน่ากังวล นอกจากปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน ความพยายามของรัฐบาลที่จะสร้างภาพให้ดูว่าตัวเองดีน่าเชื่อถือนั้นดูแล้วไม่เป็นผล
โครงการแจกเงินดิจิทัล ยังเป็นลูกผีลูกคนและมีคนเชื่อว่าจะไม่สำเร็จ และรัฐบาลก็ไม่ได้อธิบายว่าทำไมถึงไม่เร่งนำเงินงบประมาณมาใช้ให้ทันการ
ช่วงนี้จึงมีความไม่แน่ชัดเกี่ยวกับตัวนักโทษชายเด็ดขาดซึ่งดูเหมือนจะมีลับลมคมในให้สงสัยในหน่วยงานของรัฐ และความไม่โปร่งใสจะทำให้เกิดปัญหาวิกฤตศรัทธาและความน่าเชื่อถืออย่างแรง
การทุจริตคอร์รัปชันและการแสวงหาผลประโยชน์โดยนักเลือกตั้ง จึงเป็นเหมือนมะเร็งร้ายที่กัดกินประเทศไทยให้อ่อนแรงลงทุกวัน
ในระบบการเมืองที่คนเข้ามาได้จากนั้นอาจจะทำให้ปัญหารุนแรงและลงเอยเหมือนประเทศที่มีหนี้สินจนไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้