ใครจะคิดว่ารัฐไทยซึ่งมีประชากร 70 ล้านคน และองค์กรต่างๆ กำลังอยู่ภายใต้อิทธิพลของบุคคลซึ่งเป็นนักโทษและกำลังรับการรักษาของโรงพยาบาลตำรวจ
รัฐไทยถูกทำให้สิ้นสภาพทางด้านกระบวนการยุติธรรม การบริหารโดยรัฐบาล รวมทั้งองค์กรซึ่งควรทำหน้าที่ตามกฎหมาย แต่อยู่ในสภาวะอัมพาต
สภาวะที่เป็นอยู่นี้เหลือเชื่อ แต่ประชาชนส่วนใหญ่อาจจะไม่ตระหนักว่าประเทศไทยได้สูญเสียความเป็นรัฐซึ่งควรจะมีระบบนิติรัฐ นิติธรรม และความน่าเชื่อถือในกระบวนการยุติธรรม
นักโทษชายเพียงหนึ่งเดียวที่ยื้ออยู่นอกคุกอ้างความเจ็บป่วยที่แพทย์ไม่สามารถอธิบายได้ว่าเป็นโรคอะไร และจะหายเป็นปกติเมื่อไหร่ได้มีอิทธิพลอยู่เหนืออำนาจการเมืองชัดเจน
คำอ้างก่อนหน้านี้ว่าได้ล้างมือทางการเมืองแล้วขอกลับมาอยู่บ้านเลี้ยงหลานเท่านั้นไม่ประสงค์อื่นใด ทำให้พวกบ้องตื้น และมองโลกสวยเชื่อว่าเป็นจริง
การไม่ยอมเข้าไปอยู่ในคุกแม้แต่วันเดียวทำให้เห็นว่านักโทษชายโทนี่มีอิทธิพลเหนือองค์กรทุกระบบในประเทศ แม้แต่นายกรัฐมนตรีก็ไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยถึง
รัฐไทยสิ้นความน่าเชื่อถือ ผู้นำรัฐบาลซึ่งเปรียบเหมือนลูกหาบของนักโทษชายจึงไม่มีความศรัทธาจากประชาชน ทั้งยังสะสมความผิดพลาดด้านคำพูดส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์โดยรวม
คำพูดที่ว่าขอกลับบ้านมาเลี้ยงหลานของนักโทษชายโทนี่ไม่ได้เอ่ยต่อไปว่า “จะพยายามปั่นกระแสหนุนลูกสาวให้เป็นนายกรัฐมนตรี”
กิจกรรมต่างๆ ที่พรรคการเมืองของโทนี่สร้างภาพให้ลูกแหง่ทางการเมืองดูดีมีสถานะไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเป็นหัวหน้าครอบครัวพรรค ประธานนวัตกรรมและล่าสุดเน้นเรื่องการแสวงหา Soft Power มาเป็นจุดขายของประเทศ
นี่เป็นกิจกรรมสำหรับคนจิตไม่ว่างโดยแท้เพื่อตอบสนองความหิวแสงและความพยายามปูทางไปสู่การเป็นผู้นำรัฐบาล โดยการหนุนส่งของพรรคการเมืองและบิดา
ผู้นำรัฐบาลเศรษฐาเศรษฐี ยังคงวุ่นอยู่กับกิจกรรมซึ่งไม่ได้สร้างผลโดยตรงต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนแต่มุ่งเน้นงานเลี่ยงที่จะจัดการกับปัญหาที่รัฐบาลไม่สามารถจัดการได้
หนึ่งในโครงการนั้นคือการแจกเงินดิจิทัล ซึ่งคนในรัฐบาลพยายามปล้ำผีลุกปลุกผีนั่ง เพื่อให้โครงการเป็นจริง ทั้งที่ความเป็นไปได้นั้นแทบไม่เหลือเพราะมีแรงต้านจากหลายฝ่าย
ที่สำคัญคือการหาแหล่งเงินจะมาแจกให้ประชาชนเป็นเงินดิจิทัลถึง 5 แสนล้านบาท ซึ่งยังไม่รู้ว่าจะเอามาจากแหล่งให้กู้ใด
ที่น่าสังเวชก็คือ คนที่รับผิดชอบกับการร่างโครงการเพื่อยื่นต่อคณะกรรมการกฤษฎีกาให้พิจารณาว่าถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่นั้นก็ยังไม่เริ่มต้นเป็นรูปร่าง
โครงการนี้จึงเป็นเสมือนโครงการทิพย์ เงินทิพย์ และอะไรที่ชาวบ้านไม่สามารถจับต้องได้ อาจจะต้องถูกตีตกไปโดยองค์กรอิสระที่พิจารณาแล้วว่าผิดกฎหมาย
นอกเหนือจากการสร้างหนี้สินให้กับประเทศก้อนมหาศาลแล้วยังทำให้ชาวบ้านเคยชินกับการได้รับของฟรีจากรัฐบาลเสพติดอย่างโงหัวไม่ขึ้น
ประเทศไทยจึงต้องมีโครงการประชานิยมถมไม่เต็มป้อนประชาชนทำให้มีหนี้สาธารณะและหนี้ครัวเรือนสูงอย่างน่ากลัวว่าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความมั่นคงของประเทศ
ความพยายามของผู้นำรัฐบาลเศรษฐาเศรษฐีจึงเป็นเพียงการกระทำเพื่อยื้อเวลาเพื่อให้ลูกแหง่การเมืองได้พัฒนาตัวเองจากสภาวะ “มะม่วงจำบ่ม” ให้เป็นอะไรที่พ่อแม่ดูว่าน่าจะเป็นผู้นำประเทศได้
ประเทศนี้มีประชากรมากมายรวมทั้งทรัพยากรสมบูรณ์ มีความเป็นมาทางประวัติศาสตร์ยาวนาน ที่ผ่านมามีผู้นำต่ำกว่ามาตรฐานหลายคนเข้ามากอบโกยผลประโยชน์และสร้างความเสียหายโดยไม่มีใครรับผิดชอบ
ดังนั้นความฝันจึงมีอยู่ในกลุ่มผู้ที่พยายามปลุกปั้นลูกแหง่การเมือง ซึ่งมีชะนักปักหลังช่วงเข้าเรียนมหาวิทยาลัย จึงดูเหมือนจะง่าย มีเส้นทางลัด
ที่สำคัญบรรดาผู้ใหญ่หัวหงอก หัวดำ หัวล้าน มีวัยวุฒิและคุณวุฒิในพรรคต่างหลับหูหลับตาแทบจะลืมความเป็นคน ชื่นชม “มะม่วงจำบ่ม” ว่าเป็นบุคคลมีความรู้ความสามารถ
กลุ่มคนเหล่านี้ไม่เคยจำประวัติศาสตร์ว่าเคยมีผู้นำประเทศเป็นตัวตลกน่าหัวเราะบนเวทีโลกมาแล้วกี่คน และได้สร้างความเสียหายต่อภาพลักษณ์อย่างไรบ้าง
คนไทยจึงต้องยอมรับว่าอยู่ในสังคมที่ไร้มาตรฐานและขาดกฎเกณฑ์ที่สำคัญในการสรรหาผู้นำเพราะการเมืองที่มีแต่คนไร้จิตสำนึกและความรับผิดชอบได้เป็นฐานของการเลือกผู้บริหารประเทศ
นักโทษชายโทนี่หวังเป็นอย่างมากว่าจะได้รับอิสรภาพไม่นานจากนี้ โดยไม่คำนึงว่าตัวเองได้มีความสุขกับอภิสิทธิ์ต่างๆ เหนือคนทั่วไป
ประเด็นเหล่านี้อาจจะเป็นไฟสุมขอน พร้อมจะปะทุขึ้นมาได้ถ้าหากการขับดันให้คนไร้วุฒิภาวะและคุณภาพมาเป็นผู้นำรัฐบาลของประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่อันดับสองในอาเซียน
ประเทศนี้จะไม่ขาดจำอวดการเมืองไปเสนอหน้าบนเวทีโลกเช่นนั้นหรือ