นับตั้งแต่กลับมาประเทศไทยจนถึงวันนี้นักโทษเด็ดขาดชายทักษิณก็ยังนอนอยู่ในห้องพักที่ดีที่สุดของโรงพยาบาลตำรวจ และข่าวคราวของทักษิณก็ค่อยจางหายไปไม่มีใครพูดถึง จนถึงขณะนี้ทักษิณก็อยู่ในโรงพยาบาลนานกว่า 3 สัปดาห์แล้ว นั่นแปลว่าอาการของทักษิณไม่ได้ทุเลาลงเลยหรืออย่างไร
แม้ว่าตอนที่ถูกส่งเข้าไปในโรงพยาบาลตำรวจในกลางดึกของคืนวันที่ 22 พฤษภาคมวันแรกที่กลับสู่ประเทศและเข้าคุกไปไม่กี่ชั่วโมง กรมราชทัณฑ์แถลงว่า ทักษิณมีอาการนอนไม่หลับแน่นหน้าอกวัดความดันโลหิตสูงระดับออกซิเจนปลายนิ้วต่ำ และรุ่งเช้าพล.ต.ท.โสภณรัชต์ สิงหจารุ นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจแถลงย้ำว่าทักษิณมีอาการแน่นหน้าอกกะทันหันค่าออกซิเจนต่ำ และค่าความดันโลหิตสูงมากทีมแพทย์ราชทัณฑ์พยายามรักษาระดับความดันที่สูงแล้ว
คำถามว่า ถึงวันนี้โรคดังกล่าวของทักษิณที่หมอและราชทัณฑ์กล่าวอ้างนั้นยังไม่ทุเลาลงเลยหรืออย่างไร และอาการเบื้องต้นเป็นอย่างไรบ้าง เพราะโรคความดันนั้นไม่น่าจะรักษายากอะไรและไม่น่าจะทำให้คนไข้ต้องนอนโรงพยาบาลนานขนาดนั้น
ตามข่าวแพทย์ใหญ่บอกว่ามีการตั้งหมอมาดูแลอาการทักษิณถึง 6 ท่าน ก็ควรจะแถลงออกมาว่าถึงตอนนี้อาการทักษิณเป็นอย่างไรบ้าง สิ้นไร้ความสามารถของหมอที่จะรักษาอาการทักษิณให้ทุเลาเพื่อกลับเข้าไปในคุกแล้วหรือ แม้หมอจะอ้างเรื่องกฎหมายคุ้มครองผู้ป่วย แต่ก็ควรจะต้องแถลงให้สาธารณะรับรู้ว่าตอนนี้อาการหนักเบาอย่างไรโดยไม่ต้องลงรายละเอียด เพราะหมอก็รู้อยู่แล้วว่า พูดได้แค่ไหนบ้างไม่ใช่เงียบฉี่กันอย่างนี้เลย
และแม้จะมีกฎหมายคุ้มครองผู้ป่วยอยู่แต่อย่าลืมว่าทั้งแพทย์ใหญ่และราชทัณฑ์ก็มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ของตัวเองมีกฎเกณฑ์ว่าจะต้องปฏิบัติหน้าที่กำกับอยู่ด้วยกฎหมายอาญามาตรา 157 ว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ดังนั้นถ้าเอื้อประโยชน์กับทักษิณเกินไปก็ต้องมีความผิดตามนี้
อย่าลืมว่าไม่มีคนในสังคมไหนหรอกครับที่เชื่อว่าทักษิณป่วยหนักจริง คนเขาก็มองว่าเอื้อประโยชน์ให้กันทั้งนั้นแหละ เพราะตอนที่อยู่เมืองนอกทักษิณสามารถไปไหนมาไหนได้ทั่วโลก ออกอากาศถ่ายทอดสดวิจารณ์สังคมการเมืองกับพรรคพวกได้ทุกสัปดาห์โดยไม่แสดงอาการป่วยหนักหนาอะไรออกมาเลย แต่ถ้าไม่ใช่สิ่งที่สังคมเชื่อกันราชทัณฑ์และแพทย์ใหญ่ควรจะแถลงออกมาให้ชัดเพื่อหักล้างความเชื่อของสังคม
เพราะไม่เช่นนั้นนี่จะกลายเป็นเรื่องของอภิสิทธิชน ความเหลื่อมล้ำ และความไม่เท่าเทียมกันเพราะเชื่อว่ายังมีนักโทษอีกมากในเรือนจำที่มีอาการเจ็บป่วยหนักกว่าทักษิณ แต่ไม่ได้รับการปฏิบัติเหมือนกับทักษิณ
ถามว่าตั้งแต่ประเทศไทยมีการตั้งกรมราชทัณฑ์มาและตั้งแต่มีกฎเกณฑ์ขึ้นมาว่า สามารถให้นักโทษหนักออกไปรักษาพยาบาลนอกโรงพยาบาลราชทัณฑ์ได้มีใครบ้างที่ได้รับอภิสิทธิ์เช่นเดียวกับทักษิณบ้างมีนักโทษรายไหนบ้างที่มีการตั้งคณะแพทย์ดูแลเป็นพิเศษ และได้อยู่รักษาในห้องพักที่ดีที่สุดของโรงพยาบาลตำรวจ
อย่าลืมว่าตอนนี้ทักษิณมีโทษจำคุกเพียง 1 ปีเท่านั้นจากพระมหากรุณาของในหลวงที่ทรงพระราชทานอภัยลดโทษให้หลังจากที่ทักษิณสำนึกในความผิดที่ได้กระทำลงไปแต่หลังจากนี้ไม่เกิน 6 เดือน ทักษิณก็จะเข้าเกณฑ์ได้พักโทษแล้ว แน่นอนว่าทักษิณจะได้สิทธิ์นั้นทันทีที่ถึงเกณฑ์รับรองได้ว่าไม่มีวันผิดพลาดไปจากนี้ แล้วทักษิณจะนอนในโรงพยาบาลตำรวจไปตลอด 6 เดือนโดยไม่อยู่ในคุกสักวันเลยหรือ
มีคนบอกเหมือนกันว่า ทักษิณไม่มีวันอยู่ถึง 6 เดือนหรอก เมื่อมีพระราชทานอภัยโทษในวาระต่างๆ เดี๋ยวก็ได้ออกมาแค่ติดคุกไปสัก 1 ใน 3 ของโทษคือ 4 เดือนก็น่าจะได้ออกแล้ว ผมก็หวั่นเหมือนกันว่า เขาจะช่วยกันได้ขนาดนั้น แต่ขอดักคอไว้ก่อนเลยว่า ตามระเบียบและกฎหมายนั้นสามารถเป็นไปได้เป็นไปไม่ได้อย่างไรบ้าง
ผมเปิดดูระเบียบแล้วในกรณีเป็นไปตามมาตรฐานนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณจะได้อย่างเร็วคือประมาณกลางเดือนกุมภาพันธ์จึงจะเข้าเงื่อนไขพักโทษครับ
การพักโทษมี 2 อย่างคือ
1. การพักโทษกรณีปกติต้องเป็นนักโทษชั้นดีขึ้นไปตอนนี้ทักษิณเป็นนักโทษชั้นกลางจะได้นักโทษชั้นดีต้องติดคุกมาแล้ว 6 เดือน (นับ 1 เดือนเท่ากับ 30 วันรวม 180 วัน) นับจากวันที่ 22 สิงหาคมและการพิจารณาเลื่อนชั้นนักโทษจะมีปีละ 2 ครั้งคือเดือนมิถุนายนและเดือนธันวาคมกรณีทักษิณถึงเดือนธันวาคมจะยังไม่ครบ 6 เดือน ดังนั้นจะได้ชั้นนักโทษต้องรอเดือนมิถุนายนปีหน้าเลย
2. การพักโทษกรณีพิเศษทักษิณมีอายุมากกว่า 70 ปีจึงเข้าเงื่อนไขนี้แต่กฎหมาย(มาตรา 52 วงเล็บ 7 พ.ร.บ.ราชทัณฑ์) เขียนไว้ต้องติดคุกไม่น้อยกว่า 6 เดือนขึ้นไป (180 วัน) หรือ 1 ใน 3 แล้วแต่อย่างไหนมากกว่ากันกรณีทักษิณ 1 ใน 3 เท่ากับเดือนธันวาคมแค่ 4 เดือน ดังนั้นไม่ถึง 6 เดือนเพราะกฎหมายบอกว่าอย่างไหนมากกว่ากัน ดังนั้นทักษิณจะได้การพักโทษต้องครบ 6 เดือน (180 วัน) คือประมาณกลางเดือนกุมภาพันธ์เป็นอย่างเร็ว
แต่ถ้ามีพระราชทานอภัยโทษในวาระต่างๆ ณ ถึงวันที่ออกก็ต้องไปนับวันว่าทักษิณติดคุก 1 ใน 3 หรือยัง ถ้าถึงก็จะได้สิทธิ์นั้นถ้าไม่ขัดกับเงื่อนไขต้องห้ามท้ายพระราชกฤษฎีกาว่าโทษแบบไหนได้ไม่ได้
1 ใน 3 ของทักษิณประมาณ 20 ธันวาคม (นับตั้งแต่ 22 สิงหาคม 1 เดือนนับ 30วัน) ถ้าพระราชกฤษฎีกาอภัยโทษออกในวาระ 5 ธันวาคมสมมติประกาศ 5 ธันวาคมทักษิณก็จะยังไม่ถึง 1 ใน 3 จะไม่ได้สิทธิ์ เพราะทักษิณถูกส่งตัวเข้าคุกเมื่อวันที่ 22พฤษภาคม ถ้านับวันกันก็จะยังไม่ถึง 1 ใน 3
ดังนั้นต้องจับตาเลยว่า ถ้าทักษิณได้พักโทษก่อนเดือนกุมภาพันธ์ กรมราชทัณฑ์ต้องมีคำอธิบายว่า ทักษิณได้สิทธิ์นั้นอย่างไร แต่ที่แน่ๆ เมื่อครบ 6 เดือนแล้วทักษิณจะได้พักโทษร้อยเปอร์เซ็นต์ไม่มีวันผิดไปจากนี้
แต่ก่อนจะถึงวันนั้น ณ เวลานี้หากทักษิณไม่กลับเข้าไปอยู่ในคุกเลยสักวันเดียวหรืออย่างน้อยกลับเข้าไปอยู่ในโรงพยาบาลราชทัณฑ์ในคุก แพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจและกรมราชทัณฑ์จะนิ่งเฉยอย่างนี้ไม่ได้ ต้องออกมาแถลงให้ชัดว่า ทักษิณที่นอนโรงพยาบาลตำรวจในห้องที่ดีที่สุดของโรงพยาบาลตำรวจมาแล้วกว่า 3 สัปดาห์จะอยู่อย่างนี้ไปอีกนานไหม มีอาการหนักขนาดไหนที่ถึงกับหมอไม่อาจรักษาเยียวยาได้เลย หรือมีเหตุผลอะไรก็ต้องแจ้งออกมาชัดๆ มิเช่นนั้นก็จะเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่เหมือนกัน
ตอนนี้ทักษิณก็สำนึกในความผิดและยอมรับต่อความผิดที่ได้กระทำลงไปแล้ว แถมได้รับพระราชทานอภัยโทษจาก 8 ปีเหลือเพียงปีเดียว ถ้าจะเอื้อประโยชน์กันจนไม่ต้องอยู่ในคุกสักวันก็ต้องนึกถึงคนที่ออกมาต่อสู้กับทักษิณหรือแม้แต่คนที่ออกมาปกป้องทักษิณจนบาดเจ็บล้มตายจำนวนมากและหลายคนต้องติดคุกด้วย
เราจะได้เห็นคนทำผิดอย่างทักษิณเข้าคุกสักวันไหม หรือเราจะยอมรับความจริงและต้องยอมจำนนเสียแล้วอย่างที่เขาพูดกันว่าคุกมีไว้ขังคนจนเท่านั้น
ติดตามผู้เขียนได้ที่ https://www.facebook.com/surawich.verawan