เปิดฉากสัปดาห์ด้วยเรื่องที่ออกจะน่าขนลุก ขนพอง น่าปวดหัว ปวดหมอง ซะยิ่งกว่าเรื่อง “นายกฯ เศรษฐา” “นายกฯ อุ๊งอิ๊ง” หรือ “นายกฯ บิ๊กป้อม” ของบ้านเราไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า ด้วยเหตุนี้...ปิดท้ายสัปดาห์นี้คงต้องขออนุญาตเริ่มด้วยเรื่อง “เบาๆ” หรือเรื่องที่ไม่ถึงกับหนักหัว หนักกบาลมากมายจนเกินไป แถมอาจถือเป็นเรื่อง “ตลก69” เอาเลยก็ยังได้ นั่นคือเรื่องตลกสไตล์รัสเซีย อันเป็นสิ่งที่บรรดาพวกหมีขาวเขาค่อนข้างชื่นชม หลงใหล อย่างเป็นพิเศษ ถ้าว่ากันตามเท่าที่เคยพบ สัมผัส กับผู้คนในชนชาติแห่งนี้ ตั้งแต่เมื่อหลายสิบปีที่แล้ว...
แต่คราวนี้...ผู้ที่ออกมา “ตลก 69” อย่างชนิดแสบสัน แสบไส้มิใช่น้อย ไม่ใช่เป็นแค่หมีขาวโดยทั่วๆ ไป หรือไม่ใช่แค่ปุถุชนคนธรรมดาแต่เพียงเท่านั้น แต่มีสถานะเป็นถึงอดีตประธานาธิบดีรัสเซียเอาเลยถึงขั้นนั้น อีกทั้งปัจจุบันก็ยังคงดำรงตำแหน่ง ดำรงสถานะระดับสูงอยู่พอสมควรทีเดียว คือเป็นถึงรองประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติรัสเซีย นั่นก็คือ “นายDmitry Medvedev” ผู้นี่...นี่เอง ที่ได้ออกมาโพสต์ ออกมาเล่าเรื่องตลก ผ่านช่อง “Telegram” ของตัวเองเมื่อวัน-สองวันมานี้ โดยได้แต่งแต้มสีสัน ผ่าน “ตัวละคร 2 ตัว” ที่สมมติให้เป็น “ชาวฟินแลนด์” โดยกำเนิด หรือเป็นผู้ที่อาศัย เติบโตขึ้นมาในดินแดนบ้านใกล้-เรือนเคียงกับรัสเซีย ประเทศที่มีพรมแดนติดต่อกันยาวเหยียดถึง 1,340 กิโลเมตรเอาเลยถึงขั้นนั้น คือผู้ที่ถูกสมมตินามตามท้องเรื่องว่า “นายMatti” กับ “นายPekka” อันมีลักษณะอาการคงไม่ถึงกับผิดแผกแตกต่างไปจากชาวฟินแลนด์ทั่วๆ ไปสักเท่าไหร่ หรือประเภทชอบไปๆ-มาๆ ข้ามแดนฟินแลนด์-รัสเซีย มาดื่มเหล้าวอดก้าชนิด “ไม่เมา-ไม่กลับ” อะไรทำนองนั้น...
โดย “นายMatti” ได้เอ่ยถามด้วยความงุนงง สงสัย ขึ้นมาว่า... “เฮ้ย!!!...Pekka ทำไมประเทศของเราถึงต้องเข้าร่วมกับ NATO ด้วยวะ???” ประมาณนั้น “นายPekka” เลยให้คำตอบแบบตรงไป-ตรงมาว่า... “ก็เพราะเรากำลังเผชิญกับภัยคุกคามจากรัสเซียน่ะสิเพื่อน” แต่ “Matti” ก็ยังอดมิได้ที่จะงุนงง สงสัย อีกต่อไป หรือหนีไม่พ้นต้องตั้งคำถามต่อไปว่า “แล้วทำไม...เราถึงต้องเจอกับภัยคุกคามจากรัสเซียด้วยล่ะ???” “Pekka” เลยต้องให้คำตอบแบบไม่ต้องเสียเวลาคิดมาก หรือคิดเล็ก-คิดน้อยให้ต้องปวดหัว เวียนเฮด โดยใช่เหตุ นั่นคือคำตอบที่ว่า... “แกไม่รู้หรือไอ้โง่!!! ก็เพราะเราคิดจะเข้า NATO ไงเพื่อน” ทุกสิ่งทุกอย่าง...ก็เลยเป็นอัน “แกวก...แกวก...แกวก” ไปด้วยประการละฉะนี้...
พูดง่ายๆ ว่า...ขนาดประเทศที่เคยดำรงสถานะ “เป็นกลาง” มาโดยตลอด ไม่ว่าตั้งแต่ยุคสงครามโลกครั้ง 2 หรือสงครามเย็นก็แล้วแต่ อย่างฟินแลนด์ จู่ๆ...เมื่อปีที่แล้วนี่เอง หรือช่วงปี ค.ศ. 2022 จะด้วยเหตุเพราะกินยาผิดซอง หรือเพราะอยากเป็น “เสรีนิยมใหม่” เกินขนาด เลยหนีไม่พ้นต้องลากขา ลากประเทศตัวเอง เข้าสู่ “วงจรแห่งความขัดแย้ง” ด้วยการเข้าร่วมเป็นประเทศที่ 31 ในองค์กรความร่วมมือทางทหารแห่งแอตแลนติกเหนือ เมื่อช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา อันไม่ต่างไปจากการ “ชักศึกเข้าบ้าน” อย่างชนิดแทบหาเหตุผลใดๆ มาอธิบายแทบไม่ได้!!! เพราะโดยลักษณะลีลาขององค์กรที่ว่านี้ ค่อนข้างสะท้อนให้เห็นโดยชัดเจน ว่าไม่ได้แค่คิดจะป้องกันความมั่นคงให้กับบรรดาชาวยุโรปให้เกิดความสุข สงบ สันติภาพใดๆ เอาเลยแม้แต่น้อย แต่เป็นองค์กรที่มุ่งจะสร้างแรงกดดัน โจมตี ใครก็ตามที่ไม่คิดจะศิโรราบให้กับ “โลกขั้วอำนาจเดียว” อันมีคุณพ่ออเมริกาดำรงตำแหน่งเป็น “ประมุขโลก” หรือพยายามดำรงตนเป็น “Hegemony” มาโดยตลอดนั่นเอง...
ไม่งั้น...คงไม่คิดขยายเขต ขยายอำนาจ (Enlargement) เข้ามาถึงญี่ปุ่น เกาหลีใต้ เลยไปถึงออสเตรเลียโน่นเลย หรือลามเข้ามาถึง “เอเชีย-แปซิฟิก” ไม่ได้หยุดอยู่แค่ “แอตแลนติก” อย่างที่ตั้งชื่อ ฉายาว่า “NATO” แต่ประการใดเลย และด้วยเหตุนี้นี่เอง...ที่ทำให้ใคร หรือประเทศใดก็ตาม ที่โดดเข้าไปร่วมมือกับองค์กรแห่งนี้ เลยต้องมีสภาพไม่ต่างไปจาก “พรมเช็ดเท้า” ให้กับคุณพ่ออเมริกาอย่างมิอาจปฏิเสธได้ ความตึงเครียดและการเผชิญหน้าระหว่าง “โลกตะวันตก” กับ “โลกตะวันออก” หรือระหว่าง “โลกขั้วอำนาจเดียว” กับ “โลกหลายขั้วอำนาจ” มันจึงกำลังเป็นไปอย่างที่รัฐมนตรีกลาโหมเบลารุส “พลเอกViktor Khrenin” ได้สรุปไว้ในเวทีประชุม “Moscow International Security Conference” เมื่อช่วงวันอังคารที่ผ่านมา (15 ส.ค.) นั่นแหละว่า... “ข้อสรุปที่ปราศจากข้อสงสัยใดๆ ก็คือ ความเป็นไปได้ของการปะทะทางทหารโดยตรงกับ NATO ในอนาคตอันใกล้นี้...เป็นเรื่องที่ชัดเจนเอามากๆ” และ “วันนี้...การสู้รบกำลังแปรสภาพไปเป็นการเผชิญหน้าระดับโลก ระหว่างตะวันตกกับตะวันออกในดินแดนยูเครน สงครามตัวแทนในยูเครน...กำลังนำพาโลกไปสู่ขอบเขตสงครามโลกครั้งที่ 3 อย่างแท้จริง!!!”....
ยิ่งมีความพยายามเติมเชื้อเพลิง เชื้อไฟ ลามไปถึง “คาบสมุทรเกาหลี” อย่างที่รัฐมนตรีกลาโหมเกาหลีเหนือ “พลเอกKang Sun-nam” ได้นำมาโพนทะนาไว้ในเวทีดังกล่าว ว่าด้วยการส่งเรือบรรทุกเครื่องบิน USS Nimitz เรือดำน้ำนิวเคลียร์ รวมทั้งเครื่องบินทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ US B-52 ของกองทัพอเมริกัน ฯลฯ เข้ามาฉวัดเฉวียนแถวๆ คาบสมุทรเกาหลี เมื่อไม่กี่วันมานี้ จนตัวรัฐมนตรีถึงกับต้องเอ่ยปากเอาไว้ว่า “มาถึงขณะนี้...คำถามไม่ได้อยู่ที่จะเกิดสงครามนิวเคลียร์ในคาบสมุทรเกาหลีหรือไม่? แต่อยู่ที่ใคร? และเมื่อไหร่? ที่สงครามจะอุบัติขึ้นมา” ยิ่งผู้นำสูงสุดอย่าง ประธานาธิบดี “Kim Jong-Un” ด้วยแล้วถึงกับต้องออกคำสั่งให้กองทัพเกาหลีเหนือ “เตรียมพร้อมสำหรับสงคราม” เพิ่มปริมาณการผลิตอาวุธอย่างเป็นกิจการ ด้วยเหตุเพราะดังที่รัฐมนตรีกลาโหมเกาหลีเหนือฟันธงไว้ในเวทีประชุมดังกล่าวนั่นแหละว่า “ด้วยการครอบครองเครื่องมือทางการทหารเท่านั้น...ที่จะช่วยป้องกันสงครามนิวเคลียร์ต่อเกาหลีเหนือ” ได้อย่างจริงๆ จังๆ หรือด้วยการสะสมนิวเคลียร์เอาไว้สู้กับนิวเคลียร์นั่นแล...
และก็แน่ล่ะว่า...บรรดา “หัวหอก” ของพวก “โลกหลายขั้วอำนาจ” คงไม่ได้คิดจะ “เอามือซุกหีบ” อีกต่อไป การเดินทางไปเยือนรัสเซียครั้งที่ 3 และเลยไปถึงประเทศเบลารุสอีกด้วย ของรัฐมนตรีกลาโหมจีน “พลเอกLi Shangfu” เพื่อหารือถึง “ความร่วมมือระดับสูง” ระหว่างจีน-รัสเซีย ได้รับคำอธิบายโดยโฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน “นายWang Wenbin” เอาไว้ประมาณว่า...เป็นการแสดงให้เห็นถึง “ความต่อเนื่องในความร่วมมือของ 2 ประเทศ เพื่อความก้าวหน้าของบทสรุปด้านยุทธศาสตร์จีน-รัสเซีย อันจะนำไปสู่...โลกยุคใหม่!!!” นี่...ส่วนจะเป็นโลกที่มีรูปร่าง หน้าตาออกมาในแนวไหน แบบไหน คงต้องไปแปลความ ตีความ กันเอาเอง แต่ที่แน่ๆ ก็คือ...ขณะที่บรรดาเรือรบ เรือบรรทุกเครื่องบินของอเมริกาพยายามเข้ามาป้วนๆ เปี้ยนๆอยู่แถวทะเลจีนใต้ บรรดาเรือรบของจีนและรัสเซีย ก็ไม่ได้คิดจะอยู่เฉย ปฏิบัติการลาดตระเวนร่วมระหว่างกองเรือรบทั้งสองเมื่อวัน-สองวันมานี้ จากทะเลญี่ปุ่น ผ่านช่องแคบ La Perouse เข้าสู่ทะเล Okhotsk ตัดเข้าสู่ช่องแคบ Kamchatka ทะลุเข้าสู่อะแลสกาของอเมริกา ก็เล่นเอาบรรดานักการเมืองอเมริกัน “สะดุ้ง...จนเรือนไหว” กันไปไม่น้อย...
ไม่ว่าจะเป็นวุฒิสมาชิก “Lisa Murkowski” หรือ “Dan Sullivan” แห่งพรรครีพับลิกัน ชนิดถึงกับต้องออกมาเอะอะโวยวายถึงขั้นว่า... “เรากำลังเข้าสู่ยุคใหม่ที่พวกอำนาจนิยมนำโดยปักกิ่งและมอสโก กำลังแสดงความก้าวร้าวต่อชาวอเมริกัน” หรือนักวิจัยอาวุโสแห่งมูลนิธิ “Heritage Foundation” อย่าง “นายBrent Sadler” ถึงกับสรุปว่าการลาดตระเวนร่วมของเรือรบจีน-รัสเซียครั้งนี้ถือเป็น “การยั่วยุอย่างสูงครั้งแรกในประวัติศาสตร์” เอาเลยถึงขั้นนั้น...
ด้วยสีสัน บรรยากาศ ความร้อนฉ่า ร้อนแรง ทำนองนี้นี่เอง...ไม่ว่าจะใน “แนวรบยุโรปตะวันออก” “แนวรบตะวันออกกลาง” “แนวรบทะเลจีนใต้” หรือเผลอๆ...อาจต้องเพิ่ม “แนวรบแอฟริกา” เข้าไปอีกดอก เพราะโอกาสที่จะเกิดการปะทะทางทหารทั่วทั้งแอฟริกาตะวันตก ก็ยังไม่อาจสรุปได้ว่าจะหมู่ หรือจะจ่า หรือไม่? ประการใด?...มันเลยทำให้เรื่อง “นายกฯ เศรษฐา” “นายกฯ อุ๊งอิ๊ง” หรือ “นายกฯ บิ๊กป้อม” ของเรา เลยกลายเป็นเรื่องกระจอกงอกง่อย ไปโดยฉับพลัน ทันที!!!
