โลกอยู่ห่างจากความขัดแย้งนิวเคลียร์เพียงก้าวเดียว จากคำประกาศก้องต่อสาธารณะ ณ ที่เวทีสัมมนาด้านความมั่นคงนานาชาติในกรุงมอสโก ของ คัง ซุน-นัม รัฐมนตรีกลาโหมเกาหลีเหนือ เมื่อวันอังคาร (15 ส.ค.)
รัฐมนตรีกลาโหมรายนี้กล่าวโทษความปรารถนาของวอชิงตันที่ต้องการเปลี่ยนแปลงการปกครองในเปียงยาง สำหรับความตึงเครียดที่โหมกระพือความร้อนแรงขึ้น นอกจากนี้ เขายังกล่าวหาสหรัฐฯ เพิ่มการปรากฏตัวทางทหารในภูมิภาค โดยกำลังประจำการเครื่องบินและเรือดำน้ำศักยภาพติดหัวรบนิวเคลียร์ในพื้นที่
"เวลานี้คำถามไม่ใช่ว่าสงครามนิวเคลียร์จะเกิดขึ้นในคาบสมุทรเกาหลีหรือไม่ แต่ประเด็นก็คือ ใครจะเป็นคนเริ่มและมันจะเริ่มขึ้นเมื่อไหร่" คังกล่าวเตือน พร้อมระบุแค่ปีนี้ปีเดียว "สหรัฐฯ ส่งอาวุธทางยุทธวิธีจำนวนมาก" มายังภูมิภาคนี้ ในนั้นรวมถึงเรือดำน้ำศักยภาพติดหัวรบนิวเคลียร์ กองเรือบรรทุกเครื่อบิน และเครื่องบินทิ้งระเบิดศักยภาพติดหัวรบนิวเคลียร์
กองเรือบรรทุกเครื่องบินโจมตีที่ 11 แห่งกองทัพเรือสหรัฐฯ นำโดยเรือธง เรือบรรทุกเครื่องบินยูเอสเอส นิมิตช์ เดินทางถึงท่าเรือของกองทัพเรือเกาหลีใต้เมื่อช่วงปลายเดือนมีนาคม และไม่นานหลังจากนั้น เกาหลีเหนือ ตอบโต้ด้วยการเปิดตัวหัวรบนิวเคลียร์ใหม่ที่มีขนาดเล็กลง ซึ่งว่ากันว่าสามารถติดตั้งบนขีปนาวุธแบบทิ้งตัวพิสัยใกล้ได้
ในช่วงปลายดือนมิถุนายน เครื่องบินทื้งระเบิดทางยุทธศาสตร์ B-52 ลำหนึ่งของสหรัฐฯ เข้าเป็นส่วนหนึ่งในการซ้อมรบร่วมกับเกาหลีใต้ และแค่ 2 สัปดาห์หลังจากนั้น อเมริกายังได้ส่งเรือดำน้ำขีปนาวุธแบบทิ้งตัวชั้นโอไฮโอ "ยูเอสเอส เคนเนดี" เข้าประจำการในเกาหลีใต้ และด้วยที่มันติดตั้งขีปนาวุธไทรเดนท์ 2 จำนวน 20 ลูก นั่นเท่ากับว่าเรือดำน้ำลำนี้มีหัวรบนิวเคลียร์รวมทั้งหมด 80 ลูก
"สหรัฐฯ ซึ่งกำลังดำเนินนโยบายที่เป็นปรปักษ์กับเกาหลีเหนือ เป็นเวลากว่า 80 ปีแล้ว ที่แทรกแซงอย่างโจ่งแจ้งต่อความเป็นอิสระในด้านการพัฒนาและผลประโยชน์ด้านความมั่นคงของเกาหลีเหนือ และผลักสถานการณ์ในเอเชียเหนือและเอเชียตะวันออกสู่ขอบเหวของสงครามนิวเคลียร์" คังกล่าว
เขากล่าวต่อว่า วอชิงตันจำเป็นต้องยอมรับว่าพวกเขามีนโยบายกระหายสงครามกับเกาหลีเหนือ และละทิ้งแนวทางแห่งการเผชิญหน้า หากว่าพวกเขาต้องการอย่างแท้จริงที่จะคลี่คลายวิกฤตด้วยสันติวิธี และจนกว่าอเมริกาจะทำเช่นนั้น การเจรจาใดๆ คงเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ นอกจากนี้ เขาเน้นย้ำด้วยว่า ด้วยเหตุนี้วิถีทางแห่งกำลังทหารจึงยังคงเป็นหนทางเดียวที่จะรับประกันสันติภาพและเสถียรภาพในคาบสมุทรเกาหลี
รัฐมนตรีกลาโหมรายนี้ บอกด้วยว่าทุกคำกล่าวอ้างของสหรัฐฯ และพันธมิตรเกี่ยวกับความตั้งใจคลี่คลายประเด็นปัญหาเกี่ยวกับคาบสมุทรเกาหลีผ่านการเจรจานั้น "ไม่มีอะไรมากไปกว่า เสียงสะท้อนที่ว่างเปล่า" และหนทางเดียวที่จะป้องกันสงครามนิวเคลียร์ก็คือ สำหรับเปียงยางแล้วจำเป็นต้องมีหนทางป้องปรามด้านการทหารไว้ในครอบครอง
คำประกาศกร้าวของนายพลรายนี้มีขึ้นไม่กี่วันหลังจาก คิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ออกคำสั่งให้เตรียมพร้อมขั้นสูงสำหรับทำสงคราม ในนั้นรวมถึงยกระดับกำลังผลิตอาวุธนิวเคลียร์ นอกจากนี้ เขายังเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ระดับสูงทำการซ้อมรบด้วยอาวุธใหม่ล่าสุดของประเทศ เพื่อรับประกันว่ากำลังพลจะพร้อมสำหรับความเป็นไปได้ที่จะเกิดความขัดแย้งใดๆ
อนึ่งความเคลื่อนไหวต่างๆ เหล่านี้มีขึ้นก่อนหน้าแผนการซ้อมรบร่วมระหว่างสหรัฐฯ และเกาหลีใต้
(ที่มา : อาร์ทีนิวส์)