xs
xsm
sm
md
lg

สังคมแบบไหนที่ทะลุวังต้องการ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: สุรวิชช์ วีรวรรณ  



ประเทศนี้เป็นของคนหนุ่มสาวคนรุ่นใหม่คำกล่าวนี้ไม่ผิดหรอก แต่ต้องไม่ลืมว่า คนรุ่นเก่าในวันนี้ก็เคยเป็นคนหนุ่มสาวคนรุ่นใหม่ที่สร้างประเทศนี้มาเหมือนกัน

เราบอกกันว่าอนาคตข้างหน้าเป็นของคนรุ่นใหม่ พวกเขาจะเป็นเจ้าของประเทศนี้ และถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องให้คนรุ่นใหม่กำหนดชะตากรรมของพวกเขาเอง การที่คนรุ่นใหม่เข้ามาสนใจการเมืองและบ้านเมืองนั้นเป็นเรื่องที่ดี แต่เรากลับพบว่า มีกลุ่มคนรุ่นใหม่กลุ่มหนึ่งที่ออกมาเคลื่อนไหวโดยไม่สนใจกฎเกณฑ์และกติกาของสังคม และเมื่อคนกลุ่มนี้ไปที่ไหนก็มักสร้างความรุนแรงและสูญเสีย

จนทำให้คนรุ่นเก่าอย่างผมอดตั้งคำถามไม่ได้ว่า เราจะฝากประเทศชาติไว้กับคนเหล่านี้จริงๆ หรือกลุ่มที่กล่าวถึงและได้รับการกล่าวขานมากที่สุดตอนนี้ก็คือ กลุ่มทะลุวัง

เมื่อไม่นานมานี้พวกเขาออกไปเคลื่อนไหวที่กระทรวงวัฒนธรรม เพื่อเรียกร้องให้ปลดเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ออกจากศิลปินแห่งชาติ แต่แทนที่พวกเขาจะแสดงเหตุผลถึงการเคลื่อนไหวเยี่ยงปัญญาชนและคนที่เรียกตัวเองว่าคนรุ่นใหม่ พวกเขากลับทำลายสถานที่จนเลอะเทอะเปรอะเปื้อนและสร้างความเสียหาย ทั้งๆ ที่สถานที่ไม่ได้เป็นคู่กรณีของพวกเขา สถานที่ไม่ใช่ตัวบุคคลเป็นเพียงสิ่งก่อสร้าง และที่ผ่านมาไม่ว่าไปที่ไหนพวกเขาก็ไม่เคยละเว้นที่จะทำสถานที่ทำให้เกิดความเสียหาย

และเมื่อไม่นานมานี้พวกเขาก็ยกกำลังกันไปสร้างความวุ่นวายที่พรรคเพื่อไทยด้วยการข่มขู่คุกคามเพื่อให้เป็นไปตามข้อเรียกร้องของพวกเขา และใช้วิธีการสร้างความรุนแรงและกักขฬะจนกระทั่งนายสุนัย ผาสุก ที่ปรึกษาองค์กรฮิวแมนไรท์วอทช์ประจำประเทศไทย ที่มักจะให้ท้ายนักเคลื่อนไหวเหล่านี้ต้องออกมาทวีตข้อความผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัวว่า “ทะลุวังอ้างจัดกิจกรรมเพื่อประท้วงเพื่อไทยและภูมิใจไทย แต่กลายเป็นแสดงพฤติกรรมคุกคามคนเห็นต่างและใช้ความรุนแรงล้ำเส้นการใช้เสรีภาพแสดงออกอย่างสันติ”

“ควรขอโทษและรับปากว่าจะไม่ทำอีกพฤติกรรมรุนแรงของทะลุวังที่ไปประท้วงการจับมือระหว่างเพื่อไทยกับภูมิใจไทยล้ำเส้นการแสดงออกอย่างสันติ ไม่ใช่แค่ทำให้เสียแนวร่วมและการยอมรับจากสังคมในประเทศ แต่ยังเสียความคุ้มครองภายใต้กติกาสากลที่เคยได้รับในฐานะนักปกป้องสิทธิมนุษยชน ซึ่งที่ผ่านมาเป็นปัจจัยสำคัญช่วยคุ้มครองเวลาถูกรัฐเล่นงานด้วยมาตรการต่างๆ” นายสุนัย กล่าวย้ำ

หรือที่นายสมบัติ บุญงามอนงค์ ออกมาเตือนว่า การสะสมแนวร่วมเช่นนี้เป็นงานระยะยาวต้องระมัดระวังที่จะทำมันพัง และต้องคำนึงถึงผลทางกฎหมายที่ต้องแบกรับหลังการเคลื่อนไหวแม้ไม่ให้ความสำคัญแต่ต้น แต่ท้ายที่สุดสิ่งนี้เราจะต้องเผชิญหน้ากับมันแน่นอน

ต้องยอมรับว่า การก่อเกิดของพรรคอนาคตใหม่มาสู่พรรคก้าวไกลนั้น ได้สร้างให้คนรุ่นใหม่จำนวนมากเข้ามาสนใจการเมือง ปลุกปั่นให้คนรุ่นใหม่ออกมาเคลื่อนไหวท้าทายกฎหมายของรัฐและกฎเกณฑ์ของสังคม และเสี้ยมสอนคนรุ่นใหม่ไม่ให้มีสำนึกต่อบุญคุณของพ่อแม่ครูบาอาจารย์

ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ศาสดาของคนรุ่นใหม่สอนว่า ไม่ต้องนับถือพระเจ้าองค์ไหน ไม่ต้องเข้าวัดโบสถ์หรือมัสยิด เข็มทอง ต้นสกุลรุ่งเรือง อาจารย์นิติศาสตร์ จุฬาฯ สอนเด็กเหล่านี้ว่า เด็กๆ ไม่ได้ขอให้เกิดมานะพ่อแม่เป็นคนทำเขาเกิดมาเป็นหน้าที่เราต้องเลี้ยงเขาให้ดีไม่ใช่หน้าที่เขาต้องมากตัญญูขอบอกขอบใจที่พ่อแม่เอาเขามาเกิดบนโลก ถ้าคนรุ่นพ่อรุ่นแม่ทำหน้าที่ตัวเองได้ดีเขาเกิดมาในสังคมที่มีอนาคตนักเรียนก็คงไม่ต้องออกมาประท้วง

กลุ่มทะลุวัง ตั้งขึ้นมาโดย ตะวัน-ทานตะวัน ตัวตุลานนท์, ใบปอ-ณัฐนิช ดวงมุสิทธิ์ นักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และสายน้ำ-นภสินธุ์ ตรีรยาภิวัฒน์ ชื่อของกลุ่มก็ชัดเจนว่า พวกเขาต้องการท้าทายความดำรงอยู่ของสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยในตอนแรกพวกเขาชอบไปโผล่ตามเส้นทางที่ขบวนเสด็จผ่านจนเป็นที่หมายตาของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อแสดงเชิงสัญลักษณ์คัดค้านและต่อต้าน

และมีการทำโพลแล้วให้คนมาติดสติกเกอร์เช่นตั้งคำถามว่า คุณคิดว่า “ขบวนเสด็จสร้างความเดือดร้อนหรือไม่”คุณยินดียกบ้านของคุณให้ราชวงศ์หรือไม่, คุณต้องการจ่ายภาษีเลี้ยงราชวงศ์หรือไม่ และคุณเห็นด้วยหรือไม่ที่รัฐบาลอนุญาตให้กษัตริย์ใช้อำนาจตามอัธยาศัย ฯลฯ

วิธีการเคลื่อนไหวแบบนี้ของกลุ่มทะลุวัง ทำให้หลายคนในกลุ่มนี้จึงถูกดำเนินคดีตามมาตรา 112 และเมื่อคนเหล่านี้ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเยาวชนถูกดำเนินคดีด้วยมาตรา 112 ผู้ใหญ่ที่แอบผลักดันอยู่ข้างหลังก็กล่าวหาว่า รัฐใช้กฎหมายและดึงสถาบันพระมหากษัตริย์มาเป็นเครื่องมือในการจัดการกับคนที่เห็นต่าง

การคลุกคลีและมั่วสุมกันของกลุ่มทะลุวังทำให้เคยมีการกล่าวหากันเรื่องการคุกคามทางเพศกันเองในหมู่สมาชิก จนตะวันและสายน้ำได้ประกาศออกจากกลุ่ม แต่ต่อมาไม่นานก็พบว่า ตะวันและสายน้ำกลับมาเข้ากลุ่มอีกครั้ง และภายหลังมีสมาชิกเพิ่มขึ้น เช่น สุพิชฌาย์ ชัยล้อมหรือเมนูผู้ก่อตั้งกลุ่มนักเรียนล้านนาเบญจมาภรณ์ นิวาสหรือพลอยอดีตนักกิจกรรมกลุ่มนักเรียนเลว อรวรรณ ภู่พงษ์ หรือแบม เนติพร เสน่ห์สังคม หรือบุ้ง ฯลฯ

รวมไปถึงหยก ธนลภย์ ผลัญชัย วัย 15 ปี ที่ออกมาสร้างความปั่นป่วน เพราะไม่ยอมทำตามกฎเกณฑ์ของโรงเรียนจนสร้างความเอือมระอาให้กับสังคม และถูกพ่อแม่ตัดขาดจนไปอยู่ในความปกครองของบุ้ง เนติพร

การที่พวกเด็กเหล่านี้โดนคดีมาตรา 112 นั้น ถ้าเรารู้รายละเอียดที่พวกเขากระทำต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เราจะเข้าใจได้ว่าทำไมรัฐจึงต้องดำเนินคดีพวกเขา แต่เพราะเราไม่สามารถเอาการกระทำของพวกเขามาเล่าซ้ำได้ เพราะจะเป็นการกระทำผิดซ้ำเสียเอง คนส่วนใหญ่ก็เลยไม่รู้ว่า พวกเขาเหล่านี้ถูกดำเนินคดีด้วยเหตุผลใด เสียงที่บอกว่ารัฐใช้มาตรา 112 มาเป็นเครื่องมือจึงเป็นเสียงที่ดังกว่า

พวกเขาเหล่านี้เมื่อถูกตำรวจดำเนินคดีหรือควบคุมตัวก็จะทำลายข้าวของในห้องควบคุมตัวเท่าที่จะหยิบฉวยทำลายได้ หรือแม้แต่ในห้องควบคุมตัวของศาลก็มีพฤติกรรมไม่ต่างกันซึ่งเราจะเห็นได้ตามคลิปต่างๆ ที่มีการแพร่หลายออกมา แสดงถึงการไม่ยอมรับกฎเกณฑ์อะไรของสังคมเลยไม่มีกติกาและลิมิตว่าสิ่งไหนควรไม่ควร

ตัวของหยกนั้นเล่ากันว่า เธอแสดงพฤติกรรมต่อหน้าบัลลังก์ศาลด้วยการนั่งหันหลังให้ผู้พิพากษาบนบัลลังก์โดยอ้างว่า เธอเป็นคู่กรณีของบุคคลที่ปรากฏในภาพหลังบัลลังก์ซึ่งมีพระบรมฉายาลักษณ์ของในหลวงรัชกาลที่ ๙ และ ๑๐ ติดไว้นั่นเอง

ตอนนี้คนในสังคมเริ่มตั้งคำถามต่อพฤติกรรมของคนเหล่านี้ว่าถูกหล่อหลอมมาจากไหนและเติบโตมาอย่างไร แต่รู้ไหมว่าหลายคนเป็นลูกของคนที่มีชื่อเสียงมีอาชีพมีหน้ามีตาในสังคม

เชื่อว่าการออกมาอาละวาดถี่ยิบด้วยวิธีที่ก้าวร้าวถ่อย กักขฬะ และมักจะใช้ความรุนแรงอย่างไร้กฎเกณฑ์ ไม่มีวุฒิภาวะไม่เคารพกฎหมายและกติกาจะทำให้เกิดสังคมที่ดีที่พวกเขาปรารถนาจริงๆ หรือ
 
 ติดตามผู้เขียนได้ที่ https://www.facebook.com/surawich.verawan


กำลังโหลดความคิดเห็น