"พลอย เบญจมาภรณ์" อดีตแกนนำกลุ่มทะลุวัง แฉ บุ้ง เนติพร เป็นผู้ปกครองแทนให้เด็กมีปัญหาที่บ้านและมีแสง ระบุเพื่อหาผลประโยชน์จากเยาวชน เอาผลงานไปขอทุน แต่ตรวจสอบไม่ได้ ชี้จุดแข็งใช้อารมณ์ทำให้กลัวและด้อยค่า ยุให้เทกแอ็กชันแรงๆ อ้างยังเด็กโดนคดีไม่หนักเพราะขึ้นศาลเยาวชน สงสารหยกตกเป็นเหยื่อ ขณะที่ "มิน" ระบุปัญหามาจากบุ้งเป็นผู้ใหญ่หนึ่งเดียวเข้ากับเด็กไม่ได้ สุดท้ายแยกทาง
วันนี้ (8 ส.ค.) ในโลกทวิตเตอร์มีการรีทวีตและวิพากษ์วิจารณ์กรณีที่ผู้ใช้ทวิตเตอร์ @youaretofuu ของ น.ส.เบญจมาภรณ์ นิวาส หรือ พลอย อดีตแกนนำกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า กลุ่มทะลุวัง กล่าวถึงการเคลื่อนไหวของ น.ส.เนติพร เสน่ห์สังคม หรือ บุ้ง ทะลุวัง อายุ 26 ปี แกนนำกลุ่มทะลุวังในช่วงที่ผ่านมา ก่อนจะประกาศแยกทางไปเมื่อวันที่ 28 ก.ย. 2565 และลี้ภัยไปพำนักที่เมืองแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา ระบุว่า "เราเคยเป็นหนึ่งในเด็กที่บุ้งเอามาดูแลเหมือนหยก รู้จักกันตั้งแต่สมัยอยู่ (กลุ่ม) นักเรียนเลว ตอนนั้นที่บ้านเรามีปัญหาทำให้ไม่มีบ้านอยู่ โดนคดีมันต้องมีผู้ปกครอง บุ้งมาเป็นผู้ปกครองแทนพ่อแม่ที่ดูแลเราไม่ได้ บุ้งก็รับปากเรากับแม่เราว่าจะดูแลเราอย่างดี
บุ้งดูแลเราอย่างดีในช่วงแรกที่อยู่ด้วยกัน เรายังคงอยู่กับบุ้งเพราะไม่รู้จะไปอยู่ไหน บ้านก็ไม่มีให้กลับ ตอนนั้นเราเริ่มสัมผัสได้ถึงความรุนแรงในบ้านที่อยู่กับบุ้ง การถูก Child Grooming (การเตรียมเด็กเพื่อทารุณกรรมทางเพศ) การโดนมินิพูเลต (manipulate คือโดนหลอกใช้) และการขูดรีดผลประโยชน์จากการเคลื่อนไหวในฐานะเยาวชนเพราะเราอายุแค่ 16 ปี
ตัวโต บุ้งมักจะชอบดูแลเด็กที่มีปัญหากับที่บ้านหรือมีปัญหาในชีวิตและมีแสง บุ้งจะรับเด็กมาดูแล อาสาเป็นผู้ปกครอง และค่อยๆ ใช้ประโยชน์จากเด็กคนนั้น เรากับเพื่อนโดนเอาผลงานการเคลื่อนไหวไปขอทุนเคลื่อนไหว แต่เงินทุนกลับส่งไม่ถึงเรา เพื่อนหลายคน และไม่สามารถตรวจสอบบัญชีของบุ้งได้
เรื่องการใช้ความรุนแรงของบุ้งกับเราและเพื่อนๆ เขาทำเหมือนที่ทำกับยามหน้าพรรคเพื่อไทย ตอนโมโห เขาจะใช้อารมณ์ทำให้เรารู้สึกหวาดกลัว ด้อยค่า ทำให้เรารู้สึกว่าชีวิตจะอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเขา ตามสไตล์มินิพูเลต ซึ่งตอนนั้นเรารู้สึกแบบนั้นจริงๆ เราโดนมินิพูเลตจนทุกวันนี้ยังกลับมาใช้ชีวิตยาก
บุ้งชอบให้เด็กออกมาเคลื่อนไหว เทกแอ็กชันแรงๆ โดยบุ้งบอกกับเราว่าเรายังเด็ก ต่อให้โดนคดีก็ยังไม่โดนหนักเพราะยังมีศาลเยาวชน และเด็กถ้าเจอความรุนแรง เช่น ตำรวจจับ บลาๆ จะเป็นข่าวง่าย ขอทุนง่าย ไวรัลง่ายกว่า แล้วบุ้งอ้างว่าจะซัปพอร์ตน้องๆ อยู่ข้างหลังแทน
จนเริ่มทำ "ทะลุวัง" เราโดนหนักมากขึ้น บังคับให้เราออกไปทำอะไรเเรงๆ แรงสุดคือเคยโดนให้ไปบุกคุกวังทวี (วังทวีวัฒนา หรือเรือนจำชั่วคราวพุทธมณฑล) แต่ตอนนั้นเราบอบช้ำจากการเคลื่อนไหวมามากแล้ว เหนื่อยโดนคดี เราบอกว่าสภาพจิตใจเราไม่ไหว ไม่อยากทำ ก็โดนปิดประตูใส่หน้า อยากจะหนีก็ไม่ได้ เพราะพอรู้ตัวอีกทีก็ไม่เหลืออะไรในชีวิตแล้ว
เราลาออกจากโรงเรียนเพื่อมาเคลื่อนไหว เงินก็ไม่มี ครอบครัวก็ทิ้ง ตอนนั้นเราคิดว่าเราต้องพึ่งพาแค่บุ้งเท่านั้น สุดท้ายหลุดออกมาได้เพราะเพื่อนรอบตัวให้ความช่วยเหลือ เป็นผู้ปกครองให้แทน จนปัจจุบันเราเป็นผู้ลี้ภัย 112 อยู่ต่างประเทศ เราก็ยังโดนเขาโจมตีในขบวนเสียๆ หายๆ อยู่เรื่อยๆ
ทั้งกล่าวหาว่าเรายักยอกเงิน หนีคดี ขโมยของ ตอแหล โดนแช่งให้ตายระหว่างลี้ภัย บางคนก็เกลียดเราจริงๆ ไปแล้วก็มี เรารู้มาเสมอว่าเรามีปัญหากับหลายฝ่ายในขบวน เรื่องหลายๆ เรื่องที่เราอยากคุยเพื่อคลี่คลาย ขอโทษ ก็ไม่มีโอกาสได้ทำเพราะเรายังโดนโจมตีอยู่ตลอดเวลา
ควรมีการถกกันเรื่องนี้สักที เด็กกับการออกมาเคลื่อนไหวเนี่ย เด็กไม่ได้เจอแค่การคุกคามจากรัฐ ครอบครัว สังคม แต่อาจจะโดนขบวนเ...ยๆ ทำร้าย โดนขูดรีดความเป็นเด็ก โดนมินิพูเลต คนที่ได้รับผลกระทบก็คือตัวเด็กเอง มันส่งผลต่อการใช้ชีวิตของเด็กระยะยาวมาก นี่ยังเป็นซึมเศร้าอยู่เลย
เลิกด่าหยก เด็กเป็นเหยื่อของเรื่องนี้ คนโดนมินิพูเลตมันไม่รู้ตัวหรอก หยกเจอความรุนแรงมามากตั้งแต่ติดคุก ทั้ง Cyber bullying โดนคดี สังคมเฮงซวย ต้องมาเจอกลุ่มทะลุวัง หยกเหมือนกระจกสะท้อนตัวบุ้ง หยุดโจมตีเด็กได้ หันมาสนใจอะบิวเซอร์ (abuser คือผู้ที่ใช้อำนาจในทางที่ผิด) กันเยอะๆ ว่าพวกมันกำลังทำอะไรกันอยู่
ช่วยเหลือและรับฟังความต้องการของหยก หยุดให้แสงหรือโทษคนที่กำลังโดนมินิพูเลตก่อน มันละเอียดอ่อนทั้งตัวของเหยื่อและคนมินิพูเลตเอง เราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าแต่ละวันเหยื่อเจอคำพูด ถูกปฏิบัติแบบไหนมาบ้าง อะไรคือความรู้สึกที่แท้จริง หัวมันปั่นป่วนไปหมดเพราะการมินิพูเลต ใช้ความรุนแรงและกาสไลต์ (Gaslight คือปั่นหัวให้มีความเชื่อที่ผิดๆ)
เราพยายามสรุปเรื่องราวตลอด 2 ปีที่อยู่กับบุ้ง จริงๆ มันมีมากกว่านั้นแต่กลัวทวีตยาวเกิน แต่อย่างหนึ่งที่เพื่อนเราเคยถูกมินิพูเลตบอก การที่ผู้ถูกกระทำหรือตัวเด็กยังอยู่ในวังวนความรุนแรง โดนมินิพูเลต แปลว่า abuser ประสบความสำเร็จ"
ด้านทวิตเตอร์ @ItsMinute ของนายลภนพัฒน์ หวังไพสิฐ หรือมิน แกนนำกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า นักเรียนเลว อ้างถึงโพสต์ของ พลอย เบญจมาภรณ์ โพสต์ข้อความระบุว่า "ไหนๆ ก็เมนชันถึงนักเรียนเลวแล้ว ขออธิบายไว้ตรงนี้ละกัน พลอยกับบุ้งเคยเคลื่อนไหวกับนักเรียนเลวในช่วงแรก (ก่อนต้นปี 64) ตอนนั้นก็เกิดข้อขัดแย้งคล้ายๆ กัน
หนึ่งในนั้นคือความเป็นผู้ใหญ่เพียงหนึ่งเดียวของบุ้งที่เข้ากับบางคนในกลุ่มที่เป็นเด็กซะส่วนใหญ่ไม่ได้ ก็มีการเปิดวงคุยกันเพื่อเคลียร์ปัญหาหลายรอบ จนมีการเชิญคนนอกมาเป็นคนกลางในการพูดคุย แต่ก็ไม่ลงตัวกัน
สุดท้ายเลยมีการตัดสินใจแยกทางกัน สมาชิก ณ ตอนนั้น แยกออกเป็นครึ่งๆ ครึ่งหนึ่งเลือกที่จะอยู่กับนักเรียนเลวและสานงานที่เริ่มมาด้วยกันต่อ อีกครึ่งหนึ่งไปกับบุ้ง ซึ่งพลอยก็เป็นหนึ่งในคนที่ไปกับบุ้ง
เราไม่เคยรู้ว่าหลังจากแยกทางกันแล้ว ฝั่งนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง ได้มารู้อีกครั้งตอนพลอยโพสต์สเตตัสนี้บนเฟซบุ๊กเมื่อปีที่แล้ว เราพบว่าบางส่วนที่พลอยเขียนไว้ก็เคยเกิดขึ้นกับสมาชิกนักเรียนเลวบางคนที่เลือกแยกทางกับบุ้งในตอนนั้น
ปัจจุบันมีสมาชิกนักเรียนเลว 1 คนที่กลับไปทำงานร่วมกับบุ้งและยังทำงานกับนักเรียนเลวไปพร้อมๆ กัน คือ อันนา ซึ่งนักเรียนเลวก็ไม่ได้ปิดกั้นอะไร และไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการตัดสินใจของสมาชิก
เราไม่รู้ว่าเหตุการณ์หลังที่พลอยกับบุ้งแยกทางกับนักเรียนเลวออกไปแล้วมันเป็นยังไง แต่เราในฐานะคนที่อยู่ร่วมเหตุการณ์ในวันที่บุ้งเคยทำงานกับนักเรียนเลว เรายืนยันได้ว่าบางเหตุการณ์ที่พลอยเล่า มีลักษณะคล้ายกันกับที่เคยเกิดขึ้นในนักเรียนเลวมาแล้ว"
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 28 ก.ย. 2565 เฟซบุ๊ก Melinn Supitcha ของ น.ส.เมลิญณ์ ชัยลอม (ชื่อเดิม สุพิชฌาย์ ชัยลอม) หรือเมนู อดีตแกนนำกลุ่มทะลุวัง ประกาศแยกทางกับองค์กรและกิจกรรมในนามของกลุ่มทะลุวัง พร้อมกับพลอยและคนอื่นๆ ที่ไม่ประสงค์ออกนาม เนื่องจากไม่เห็นด้วยกับการกระทำที่ขัดแย้งต่ออุดมการณ์ อาทิ สมาชิกภายในกลุ่มมองข้ามเสียงของเหยื่อความรุนแรงทางเพศ ขณะเดียวกัน ตนและเพื่อนๆ ได้รับบาดแผลทางจิตใจจากการถูกใช้อำนาจภายในกลุ่ม ทั้งการเอาเปรียบ แสวงหาผลประโยชน์ สั่งการ บังคับ กดดัน ตำหนิตัดสินต่างๆ เพื่อลดทอนคุณค่าในตัวของคนอื่นๆ รวมทั้งไม่รับฟัง
นอกจากนี้ ตลอดการเคลื่อนไหวไร้จุดยืนที่ชัดเจน โอนเอนตามกระแสสังคม และไม่มีความรู้ความเข้าใจในสิ่งที่ต้องการขับเคลื่อนอย่างแท้จริง ลักษณะการทำงานไม่เข้ากัน รูปแบบขององค์กรไม่มีการจัดตั้ง และไม่มีเป้าหมายชัดเจน มีการแบ่งแยกขอบเขตใครคือทะลุวัง ใครไม่ใช่ทะลุวังเพื่อใช้อำนาจและกีดกันคนอื่นๆ ออกไป
ส่วนเฟซบุ๊ก Sweet Irine ของ พลอย เบญจมาภรณ์ อดีตแกนนำกลุ่มทะลุวัง ยังระบุอีกว่า ไม่เห็นด้วยกับแนวทางการเคลื่อนไหวที่ไม่รับฟังความเห็น รวมถึงใช้วิธีชี้นิ้วสั่งคนอื่นๆ ในกลุ่ม รู้สึกไม่ปลอดภัยกับการมองข้ามเสียงของเหยื่อเพื่อกลับไปคุยกับผู้ที่ก่อเหตุความรุนแรงทางเพศ และเสียความไว้เนื้อเชื่อใจจากการถูกโจมตีด้วยข่าวลือต่างๆ อีกทั้งถูกแสวงหาผลประโยชน์จากการเคลื่อนไหว ไปขอทุนเป็นค่าที่อยู่และค่าอาหาร ค่าเดินทาง ให้คนที่อ้างว่าจะดูแล รวมทั้งมีคนใกล้ชิดแสวงหาผลประโยชน์จากความเป็นเยาวชน ด้วยการนำเรื่องราวของตนไปเขียนขอทุนเข้าร่วมโครงการ Young Southeast Asian Leaders Initiative (YSEALI) ของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา โดยอ้างว่าเป็นผู้ที่ให้คำปรึกษาด้านกฎหมาย เป็นต้น
อ่านประกอบ : "เมนู-พลอย" แยกทางกลุ่มทะลุวัง โวยอุดมการณ์ขัดแย้ง-ถูกเอาเปรียบ แฉถูกแอบอ้างขอทุนรัฐบาลสหรัฐฯ