สาวยูเครนรักชาติ ไม่กลัวตาย สมัครเข้าเป็นทหาร เพียงเพื่อจะต้องต่อสู้ศึกสองด้าน คือ ทั้งการลุยสมรภูมิ ปฏิบัติภารกิจเอาชนะฝ่ายรัสเซียให้บรรลุผล และทั้งการไฝว้กับการเหยียดเพศภายในกองทัพของตนเอง สกู๊ปจากบีบีซีเจาะลึกเรื่องนี้ผ่านสัมภาษณ์สามทหารหญิงถิ่นฟ้าเหลืองซึ่งเผชิญสารพัดแรงกดดันจากปรากฏการณ์เซ็กซิสม์ ไม่ว่าจะเป็นการเหยียดเพศ การกีดกันด้วยเงื่อนไขเพศสภาพ การดูหมิ่นศักยภาพแม่หญิงไฟเตอร์ ไปจนถึงความไม่เท่าเทียมในศักดิ์และสิทธิระหว่างทหารหญิงกับทหารชาย อีกทั้งการล่วงละเมิดทางร่างกาย
สิบเอกอันเดรียอานา อาเรคตา แห่งหน่วยปฏิบัติการพิเศษ กองกำลังติดอาวุธยูเครน หลุดรอดเงื้อมมือมัจจุราชมาได้อย่างมหัศจรรย์แม้จะได้รับบาดเจ็บอย่างหนักจากกับระเบิดที่เธอประสบในปฏิบัติการเคอร์ซอน เดือนธันวาคม 2022 โดยที่ผ่านมาสื่อมวลชนในรัสเซียรายงานพร้อมภาพวิดีโอว่า เธอเสียชีวิตแล้วเพราะมือและขาขาด
บีบีซีได้สัมภาษณ์สิบเอกอันเดรียอานา อาเรคตา ซึ่งผ่านพ้นช่วงหลายเดือนแห่งการรักษาบาดแผล และตอนนี้อยู่ในขั้นตอนฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกาย ณ ศูนย์บำบัดแห่งหนึ่งในยูเครน ซึ่งนักข่าวบีบีซีสำนักงานเคียฟขอไม่เปิดเผยชื่อและที่ตั้งศูนย์ เพื่อความปลอดภัยของแอนเดรียอานา
“ข่าวพวกนั้นตลกๆ ขำๆ สำหรับดิฉันค่ะ ดิฉันยังมีชีวิต และจะออกไปปกป้องประเทศต่อไป” สิบเอกอันเดรียอานา อาเรคตา ตอบบีบีซีไว้อย่างนั้นเมื่อถูกถามถึงรายงานข่าวไม่ถูกต้องของสื่อมวลชนรัสเซีย
ในเวลาเดียวกัน อันเดรียอานา อาเรคตา ยังขับเคลื่อนงานต่อสู้กับปัญหาการเหยียดเพศภายในกองทัพด้วย
สิบแปดเดือนที่ผ่านมาซึ่งยูเครนตกอยู่ในภาวะสงครามกับรัสเซีย มีสตรีมากกว่า 60,000 คนสมัครใจเข้าปฏิบัติภารกิจในกองกำลังติดอาวธแห่งยูเครน โดยที่ว่าทหารหญิงมากกว่า 42,000 นายมีบทบาทในสมรภูมิ ซึ่งรวมถึง 5,000 นายที่ปฏิบัติภารกิจ ณ แนวหน้าของแดนรบ บีบีซีรายงานโดยอิงกับข้อมูลจากกระทรวงกลาโหมยูเครน
กระทรวงกลาโหมยูเครนแจ้งด้วยว่ากฎหมายของยูเครนไม่อนุญาตให้สตรีถูกบังคับเกณฑ์ทหาร จำนวนทหารหญิงทั้งหมดทั้งปวงดังกล่าวเป็นกรณีการสมัครใจเข้าร่วม โดยฝ่ายต่างๆ เชื่อว่ามีปฏิบัติการสู้รบหลายสาขาที่ทหารหญิงจะรับผิดชอบภารกิจให้ลุล่วงได้ดีกว่า
“ดิฉันเข้าพบผู้บัญชาการ และถามท่านว่า ‘ดิฉันทำอะไรจึงจะดีที่สุดคะ’ ท่านตอบว่า ‘คุณจะได้เป็นพลซุ่มยิง’” ทหารหญิงอีฟเกนิยา เอเมอรัลด์ เล่าสู่บีบีซีอย่างนั้น โดยเธอสามารถพัฒนาศักยภาพแห่งสไนเปอร์ขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
โดยที่บีบีซีมิได้ให้ข้อมูลชั้นยศของเธอ บีบีซีรายงานว่าทหารหญิงอีฟเกนิยาปฏิบัติภารกิจพลซุ่มยิง ณ แนวหน้าสมรภูมิมาเป็นอย่างดีจดจนถึงเมื่อเร็วๆ นี้ ที่เธอต้องลาคลอดหลายเดือน
อีฟเกนิยาเล่าว่า พลซุ่มยิงหญิงถูกทำให้เป็นเรื่องงดงามชวนฝันมาตั้งแต่ยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยมีเหตุผลสำคัญประการหนึ่งที่ทำให้ภาพลักษณ์เชิงโรแมนติกสามารถยั่งยืนถึงปัจจุบัน คือ ความงดงามแห่งจิตใจเด็ดเดี่ยวที่จะดำเนินภารกิจให้สำเร็จ
เธอบอกว่าพลซุ่มยิงผู้ชายอาจจะลังเลว่าจะยิงหรือไม่ แต่สำหรับผู้หญิงแล้วจะไม่มีทางเป็นอย่างนั้น
“อาจจะด้วยเหตุอย่างนี้น่ะค่ะ ผู้หญิงจึงเป็นฝ่ายที่คลอดบุตร ไม่ใช่ผู้ชาย” เอเมอรัลด์กล่าวพลางอุ้มชูลูกสาววัยทารกสามเดือน ขณะสนทนากับนักข่าวบีบีซีในยูเครน
สไนเปอร์สาวยูเครนนายนี้ซึ่งอยู่ในวัย 31 กะรัต สมัครเข้าเป็นทหารและได้รับการฝึกอบรมการสู้รบตั้งแต่คราววิกฤตรัสเซียบุกไครเมีย แต่เธอเริ่มรับภารกิจที่แนวหน้าในปี 2022 ซึ่งเป็นห้วงที่ศึกสงครามกับรัสเซียขยายตัวเต็มรูปแบบ และในเวลาไม่นาน เธอเห็นปัญหาการเหยียดเพศที่ทหารหญิงยูเครนประสบ
เนื่องจากที่ผ่านมา อีฟเกนิยาเป็นเจ้าของกิจการเครื่องประดับอัญมณี เธอนำประสบการณ์และความรู้เชิงธุรกิจด้านการประชาสัมพันธ์ออนไลน์มาสร้างสื่อสังคมอันเข้มแข็งเพื่อยกระดับภาพลักษณ์ของทหารหญิงยูเครเนียน
ทั้งอีฟเกนิยา และแอนเดรียอานาต่างเป็นที่รู้จักของสื่อมวลชนรัสเซีย ซึ่งเล่นงานพวกเธอหนักหน่วงด้วยประเด็น “มือสังหาร” และ “นาซี” ในการนี้ ทหารหญิงทั้งสองถูกขุดคุ้ยเป็นข่าวนับร้อยๆ ครั้ง ไม่ว่าจะในด้านบทบาทที่แนวหน้าสมรภูมิ หรือในด้านชีวิตส่วนตัว บีบีซีรายงานอย่างนั้น
อีฟเกนิยาเปิดใจว่าภารกิจพลซุ่มยิงเป็นอะไรที่ทารุณตัวเธอทั้งในด้านร่างกายและจิตใจ โดยเล่าว่า เธอทราบอยู่แก่ใจอะไรกำลังจะเกิดขึ้นกับเป้าหมายของเธอ เธอเห็นภาพเลยว่าเป้าหมายกำลังจะถูกยิง นี่เป็นนรกเฉพาะตัวของผู้ที่ทำการซุ่มรอเพื่อจะลอบสังหาร
อีฟเกนิยาตลอดจนพลซุ่มยิงหญิงรายอื่นๆ ที่ปฏิบัติภารกิจในแนวหน้าสมรภูมิซึ่งให้สัมภาษณ์แก่บีบีซี บอกว่าไม่อาจเปิดเผยจำนวนของเป้าหมายที่พวกเธอได้ปฏิบัติการเสร็จสิ้นไป แต่ในส่วนของอีฟเกนิยา เธอเล่าถึงอารมณ์ความรู้สึกอันตึงเครียดขั้นสุด ตอนที่ดำเนินภารกิจครั้งแรก มันเป็นความตระหนักว่า เธอกำลังจะต้องออกไปลอบสังหารเป้าหมายใครสักคน
“ใน 30 วินาทีนั้น ดิฉันสั่นสะท้านไปทั้งตัว แบบว่าหยุดอาการไม่ได้เลยค่ะ มันเป็นความตระหนักว่า ณ ตอนนั้น ดิฉันจะทำบางอย่างซึ่งเมื่อดำเนินการไปแล้ว มันเป็นจุดที่จะกลับมาแก้ไขเริ่มต้นใหม่ไม่ได้เลย
“แต่ฝ่ายเราไม่ได้เข้าไปตามพวกนั้นนะคะ พวกนั้นคือฝ่ายที่เข้ามา” อีฟเกนิยากล่าว
ความตื่นตัวของสตรียูเครนต่อวิกฤตของประเทศในสงครามกับรัสเซียขยายตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่องนับจากวิกฤตปี 2014 ส่งผลให้จำนวนสตรีที่สมัครเข้าเป็นทหารเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ สัดส่วนของทหารหญิงยูเครนจึงทวีจนกระทั่งถึงระดับ 15% ของกำลังทหารทั้งหมดเมื่อปี 2020 บีบีซีรายงาน นอกจากนั้น สถานีข่าว MSNBC ให้ตัวเลขไว้ในรายการสัมภาษณ์ทหารหญิงยูเครนเมื่อเดือนกันยายน 2022 ว่าสัดส่วนของทหารหญิงยูเครนทวีตัวมากมายถึงระดับ 25% ของกำลังทหารทั้งหมดแล้ว
ทั้งนี้ ขณะที่มีกองทหารหญิงยูเครนมากมายออกปฏิบัติการรับใช้ชาติในการสู้รบต่างๆ กับรัสเซีย พวกเธอกล่าวว่ามีการต่อสู้ภาคสมทบอยู่ภายในกองทัพยูเครนกันเอง ได้แก่ ปัญหา Sexism ทั้งปวง ตั้งแต่การต่อสู้กับทัศนคติเหยียดเพศ ไปจนถึงการเลือกปฏิบัติและความไม่เท่าเทียมหญิงชายต่างๆ อีกทั้งการล่วงละเมิดทางร่างกาย
อีฟเกนิยาเล่าว่า เธอเผชิญกับเรื่องนี้ตั้งแต่ก่อนที่จะพัฒนาตนเองจนมั่นใจในความเชี่ยวชาญในสายงานพลซุ่มยิง ณ แนวหน้าสมรภูมิ
“ตอนที่ดิฉันเพิ่งเข้าร่วมกองกำลังปฏิบัติการพิเศษ นักรบท่านหนึ่งเดินเข้ามาพูด ‘อีหนูมาทำอะไรที่นี่ ไป๊ กลับไปเข้าครัวทำอาหารซะ’ ดิฉันรู้สึกเคืองมากนะคะ คิดในใจว่า ‘จะมาล้อเล่นอะไรกัน ฉันทำครัวได้อยู่แล้ว และฉันก็ชกคุณสลบได้ด้วย’ แต่ก็เก็บความคิดไว้ในใจ”
บีบีซีได้สัมภาษณ์ อีฟเกนิยา อีกคนหนึ่ง คือ อีฟเกนิยา วีลอิคา จากองค์กรสังคมสงเคราะห์ Arm Women Now ซึ่งให้ความช่วยเหลือแก่ทหารหญิงยูเครน ทั้งนี้ อีฟเกนิยา วีลอิคา ให้ความเห็นที่ตรงกันว่ามีปัญหา Sexism จริง เธอบอกว่า
“ในสังคมของเรามีทัศนคติที่รุนแรงค่ะว่าผู้หญิงไปเข้าร่วมกองทัพเพื่อจะหาสามี”
อีฟเกนิยา วีลอิคา ให้ข้อมูลเพิ่มเติมในประเด็นทหารหญิงที่เธอเคยช่วยเหลือเล่าถึงกรณีต่างๆ ที่เป็นการล่วงละเมิดทางร่างกาย
“เราไม่สามารถประมาณการถึงขนาดของปัญหา เพราะมันไม่ใช่ว่าทหารหญิงทุกรายจะอยากพูดถึงเรื่องนี้” อีฟเกนิยา วีลอิคา กล่าวกับบีบีซี
ไม่ใส่ใจจะสนับสนุนทหารหญิงอย่างเท่าเทียม เครื่องแบบมีแต่ไซส์ผู้ชาย หนำซ้ำให้ใส่ส้นสูงเดินสวนสนาม
ด้าน ฮันนา มาลิยาร์ หนึ่งในรัฐมนตรีช่วยกลาโหมยูเครน กล่าวกับบีบีซีว่า ปัญหาเหล่านี้เป็นเพียงไม่กี่กรณีในจำนวนทหารหญิงหลายแสนนายซึ่งประจำการอยู่ในปัจจุบัน
แต่ในการให้สัมภาษณ์ รัฐมนตรีช่วยกลาโหมฮันนา มาลิยาร์ ได้พูดคุยถึง ปัญหาที่ทหารหญิงไม่ได้รับสิ่งสนับสนุนอย่างเท่าเทียมจากกองทัพ เช่น ทหารหญิงในกองทัพยูเครนไม่ได้รับเครื่องแบบที่เหมาะสม โดยจะได้รับชุดเครื่องแบบขนาดของผู้ชาย ตลอดจนชุดชั้นในชาย อีกทั้งรองเท้าและเสื้อเกราะกันกระสุนที่มาในขนาดสำหรับทหารผู้ชาย
โดย รมช.ฮันนา มาลิยาร์ บอกว่าเครื่องแบบชุดสนามที่เธอได้รับก็เป็นขนาดของผู้ชายเช่นกัน เธอเปิดเผยด้วยว่าเธอต้องนำชุดไปปรับแก้ให้เหมาะกับส่วนสูงของตนเอง
ทั้งนี้ หากทหารหญิงยูเครนต้องการสวมเครื่องแบบเหมาะสมกับร่างกายต้องไปซื้อหาเองจากออนไลน์ หรือมิเช่นนั้นคือรอรับบริจาคเครื่องแบบหญิงที่ส่งทอดต่อๆ กันมา หรือแจ้งขอระดมทุนสนับสนุนบนแพลตฟอร์ม Crowdfunding บีบีซีรายงานอย่างนั้น
ปัญหา Sexism ทั้งหลายทั้งปวงเหล่านี้ทำให้สิบเอกอันเดรียอานา อาเรคตา ร่วมมือกับหลายฝ่ายช่วยกันจัดตั้งองค์กรการกุศล นามว่า Veteranka วีเทอรันคา หรือก็คือขบวนการเพื่อทหารผ่านศึกสตรียูเครน โดยเร่งรณรงค์ให้บุคลากรทหารสตรีได้รับสิทธิเท่าเทียมกับทหารผู้ชาย อีกทั้งยังมุ่งจะปฏิรูปกฎหมายว่าด้วยกองทัพยูเครนให้สอดคล้องกับแนวทางของนาโต
ที่ผ่านมา Veteranka ช่วยผลักดันให้มีการแก้กฎหมายสำคัญในปี 2018 ซึ่งทำให้ทหารหญิงที่รับใช้ชาติมีสิทธิที่จะได้ปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับการสงครามต่างๆ มากกว่า 60 สาขาซึ่งเคยสงวนไว้แก่เฉพาะผู้ชาย เช่น ปฏิบัติการพลซุ่มยิง ปฏิบัติการปืนใหญ่ เป็นต้น และต่อมาในปี 2019 Veteranka ประสบความสำเร็จในการผลักดันให้รัฐสภาผ่านกฎหมายที่ให้สถานภาพของทหารผ่านศึกหญิงมีศักดิ์และสิทธิเท่าเทียมกับทหารผ่านศึกชาย
ยิ่งกว่านั้น Veteranka มีโปรแกรมช่วยเหลือทหารหญิงเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การช่วยป้องกันความรุนแรงทางเพศในหน่วยงาน ตลอดจนช่วยยกระดับโอกาสที่ทหารหญิงจะเข้าถึงการรักษาพยาบาล และที่สำคัญยิ่งยวดคือ ช่วยเหลือทหารหญิงในการปรับปรุงแก้ไขอุปกรณ์ทางการทหารที่ได้รับมา เพื่อให้ทหารหญิงสามารถนำไปใช้งานได้จริง
ในท่ามกลางปัญหาทั้งปวง รมช.ฮันนา มาลิยาร์ ชี้แจงกับบีบีซีว่ารัฐบาลอยู่ระหว่างการสร้างความก้าวหน้า โดยที่ว่าเครื่องแบบสำหรับทหารหญิงได้มีการพัฒนาแล้ว และจะเข้าสู่กระบวนการผลิตออกมาจัดสรรกันทั้งระบบในอนาคตอันใกล้ ซึ่งเธอไม่สามารถระบุกรอบเวลาได้
สิ่งหนึ่งที่ชี้บ่งถึงทัศนคติ Sexism ภายในกองทัพยูเครนได้เด่นชัดและมีความอ่อนไหวอย่างยิ่งยวด คือ ประเด็นที่ รมช.ฮันนา มาลิยาร์ เล่าถึงเครื่องแบบลายพรางของทหารหญิงที่กระทรวงกลาโหมให้สวมในพิธีสวนสนาม ด้วยกันกับรองเท้าคัทชูส้นสูงปานกลาง
การที่ทหารหญิงยูเครนต้องสวมเครื่องแบบลายพรางคู่กับรองเท้าคัทชูส้นสูง เริ่มเป็นประเด็นร้อนและถูกวิจารณ์อื้ออึงเมื่อกรกฎาคม 2021 ซึ่งเกิดขึ้นก่อนที่สงครามรัสเซีย-ยูเครนรอบล่าสุดนี้จะปะทุขึ้นประมาณ 7-8 เดือน โดยในการสวนสนามรอบซ้อมใหญ่กลางกรุงเคียฟ เพื่อเตรียมงานเฉลิมฉลอง 30 ปีเอกราชยูเครนหลังการล่มสลายของสหภาพโซเวียต กระทรวงกลาโหมยูเครนกำหนดให้ทหารหญิงเข้าร่วมพิธีสวนสนามโดยสวมเครื่องแบบชุดพรางทะมัดทะแมง แต่ให้ใส่รองเท้าคัทชูส้นสูงปานกลาง พร้อมนี้ มีการแจกภาพบรรยากาศการซ้อมใหญ่ให้สื่อมวลชนช่วยกันโปรโมต
เสียงวิพากษ์วิจารณ์อันดุเดือดปรากฏตามมาอย่างท่วมท้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากสื่อมวลชนและจากสมาชิกรัฐสภา ในประเด็นที่ถล่มกระทรวงกลาโหมว่าเป็นพวกเหยียดเพศ กดให้สตรีเป็นวัตถุทางเพศ อีกทั้งเป็นพวกสนุกที่จะทำให้สตรีเป็นตัวตลกเพราะมีความชิงชังสตรี เอบีซีนิวส์รายงานพร้อมเพรียงกับสื่อมวลชนต่างๆ ทั่วโลก
นักการเมืองบางรายโกรธมากถึงกับหิ้วรองเท้าส้นสูงไปชูในรัฐสภา และเรียกร้องให้รัฐมนตรีกลาโหมนำรองเท้าส้นสูงไปใส่กับเครื่องแบบ ขณะตรวจแถวขบวนสวนสนาม พร้อมกับติเตียนดุเดือดว่าการที่จะให้ทหารหญิงใส่รองเท้าคัทชูคู่กับเครื่องแบบทหาร เป็นความคิดที่อีเดียตและเป็นอันตราย
แม้จะต้องประสบกับปัญหาการเหยียดเพศ และความไม่เท่าเทียมทางเพศภายในกองทัพ พลซุ่มยิงอีฟเกนิยา เอเมอรัลด์ พูดย้ำข้อเท็จจริงว่า
“สงครามไม่มีการเลือกเพศหรอกนะคะ
“สงครามไม่แคร์ว่าคุณเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง เมื่อขีปนาวุธพุ่งชนบ้านสักหลัง มันไม่แคร์ว่าจะสังหารผู้หญิง ผู้ชาย หรือเด็ก – ทุกคนตายเรียบค่ะ
“และการปฏิบัติภารกิจที่แนวหน้าก็เช่นกัน หากคุณมีประสิทธิภาพ และแม้คุณเป็นผู้หญิง ทำไมคุณจะไม่เข้าไปช่วยป้องกันประเทศและประชาชนของคุณล่ะคะ”
การปฏิรูปเอื้อให้ทหารหญิงได้เติบโตในเส้นทางอาชีพ แต่การไฝว้เพื่อขจัด Sexism ยังหยุดไม่ได้
พลซุ่มยิงอีรินนา เป็นทหารหญิงอีกนายหนึ่งที่บอกกับบีบีซีว่า บทบาทของพลซุ่มยิงหญิงในภาวะสงครามถูกภาพยนตร์หลายหลากเรื่องของยูเครน สร้างให้เป็นความโรแมนติกและงดงาม ทั้งที่ว่าในความเป็นจริงนั้น การซุ่มยิงเป็นภารกิจที่หนักหนาอย่างสุดๆ อีรีนนาเล่าสู่บีบีซีซึ่งต้องประสานงานจนสามารถนัดหมายสัมภาษณ์เธอในช่วงเวลาหนึ่งสั้นๆ ที่เธอปลีกตัวออกจากภารกิจแห่งสมรภูมิ
เธอพรรณนาว่าพวกเธอต้องนอนนิ่งสนิทบนพื้นนานเป็นชั่วโมง ขณะรอเป้าหมายเคลื่อนเข้ามาในวิถีการยิง ซึ่งเคยยาวนานถึง 6 ชั่วโมงมาแล้ว
“มันเหมือนกับการเล่นกับมัจจุราช” เธอบอก
ด้วยผลงานที่สั่งสมไว้ในยุทธภูมิดอนบาสทางภาคตะวันออกของประเทศ พลซุ่มยิงอีรีนนาได้เลื่อนระดับขึ้นจนกระทั่งเป็นผู้บัญชาการหญิงของหน่วยปฏิบัติการชายล้วน เธอจึงเป็นกรณีตัวอย่างของการปฏิรูปที่ก้าวหน้าขึ้นอย่างมากมายภายในกองทัพ
การเหยียดเพศ ความไม่เท่าเทียมหญิง-ชาย ไปจนถึงการล่วงเกินกันทางร่างกายภายในกองทัพเป็นเรื่องที่ไม่สมควรจะเกิดขึ้น ในเมื่อสตรีผู้รักชาติจำนวนมหาศาลยอมสละอาชีพการงานและครอบครัวไว้เบื้องหลัง เพื่อเข้าร่วมปฏิบัติการสู้รบป้องกันประเทศ
ในกรณีของสิบเอกอันเดรียอานา อาเรคตา แห่งหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ผู้ซึ่งรอดตายแม้ได้รับบาดแผลหนักหนาจากกับระเบิด เธอทิ้งอาชีพที่ปรึกษาด้านความเท่าเทียมทางเพศแห่งสหประชาชาติ เพื่อเข้ารวมกองทัพยูเครน
“สงครามปิดฉากช่วงชีวิตที่ดีที่สุดของดิฉันค่ะ” ทหารหญิงยูเครนวัย 35 กะรัตกล่าว พลางระลึกถึงยุคยามก่อนสงคราม แล้วเล่าเสริมว่าชีวิตเมื่อก่อนหน้านี้ เธอได้เดินทางบ่อยๆ และมีความสุขกับงาน พร้อมกับเดินหน้าไปบนเส้นทางอาชีพตามความใฝ่ฝัน
ในความเป็นคุณแม่ของลูกชายวัยประถม อันเดรียอานาหลั่งน้ำตาขณะเล่าว่าไม่ได้กอดลูกนานกว่า 7 เดือนแล้ว ขณะที่เธออวดรูปหนุ่มน้อยผู้เป็นแก้วตาดวงใจบนโทรศัพท์มือถือ รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าทั้งที่น้ำตายังเปื้อนแก้ม
แรงใจของสิบเอกหญิงผู้แข็งแกร่งถูกขับเคลื่อนด้วยความปรารถนาว่า ต้องสร้างความมั่นคงที่จะมั่นใจได้ว่าลูกจะมีอนาคตอันเปี่ยมสันติสุขอยู่ในประเทศของตนเอง โดยไม่ต้องต่อสู้ตะลุยสงครามเสี่ยงตายวันแล้ววันเล่าเฉกเช่นคุณพ่อคุณแม่
อันเดรียอานา อาเรคตา สวมเครื่องแบบทหารหญิงตั้งแต่ช่วงวิกฤตสงครามรัสเซีย-ยูเครน กรณีไครเมีย ปี 2014 โดยในศักราชดังกล่าวกองทัพยูเครนยังเล็กกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ทั้งนี้ เธอเริ่มที่กองพันอาสาสมัครรุ่นแรก นามว่า กองพันไอดาร์
กองพันไอดาร์ในยุคนั้นถูกกล่าวหาโดยรัฐบาลเครมลินและองค์การนิรโทษกรรมสากล แอมเนสตี อินเตอร์เนชันแนล ว่ามีปฏิบัติการรุนแรงที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างมหาศาล
ในการนี้ บีบีซีรายงานว่าแม้ อันเดรียอานา ไม่เคยเกี่ยวข้องกับข้อกล่าวหาดังกล่าว แถมยังย้ายออกจากกองพันไอดาร์มานานกว่า 8 ปี แต่สื่อมวลชนรัสเซียยังไม่เลิกกล่าวหาและประณามเธอเป็น “จอมโหดสุดซาดิสม์”
สำหรับในยูเครน สิบเอกอันเดรียอานา อาเรคตา คือขวัญใจประชาชน ที่ผ่านมาเธอได้รับเหรียญสดุดีมาแล้วอย่างน้อย 2 เหรียญ ได้แก่ อันแรกคือ เหรียญสดุดีความกล้าหาญ และอันที่ 2 เป็น เหรียญสดุดีวีรชนของชาวยูเครน
ในคราวที่รัฐบาลยูเครนส่งคณะผู้แทนทหารหญิงยูเครนไปเยี่ยมคารวะรัฐสภาอเมริกันในเดือนกันยายน 2022 เพื่อขอบคุณในความช่วยเหลือที่สหรัฐอเมริกามอบให้ พร้อมกับเล่าถึงสิ่งที่ได้พบเห็นและประสบการณ์ขณะปฏิบัติงานในแนวหน้าสมรภูมิ ทั้งนี้ สิบเอกอันเดรียอานา อาเรคตา และเพื่อนทหารหญิง 3 นายบรรลุเป้าหมายหลักของภารกิจการเยือนสหรัฐอเมริกาในครั้งนี้เป็นอย่างดี คือการร้องขอการสนับสนุนทางอาวุธเพิ่มเติม และการให้ข้อมูลสถานการณ์แก่สื่อมวลชนค่ายยักษ์ทั้งหลาย เช่น MSNBC
หลังจากหลากหลายปีที่สิบเอกอันเดรียอานา อาเรคตา ต่อสู้ประจัญบานในสงครามยูเครน-รัสเซีย เธอก็พลาดท่าให้แก่กับระเบิดของฝ่ายรัสเซีย ซึ่งเธอไม่เสียกำลังใจหรือหวาดหวั่นแต่อย่างใด เธอบอกบีบีซีว่าในห้วงเวลาที่เธอมิได้อยู่ในสังกัดของกองพันไอดาร์แล้ว และเมื่อความขัดแย้งระหว่างยูเครน-รัสเซียยกระดับขึ้นเป็นสงครามเต็มรูปแบบ เธอรู้สึกเลยว่าตนเองมีพันธะที่จะต้องขอปฏิบัติภารกิจรับใช้ชาติ ณ แนวหน้า เพราะเธอมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญการสู้รบซึ่งเป็นสิ่งที่กองทัพต้องการอย่างยิ่ง
ดังนั้น แม้จะได้รับบาดเจ็บรุนแรงเพราะอิทธิฤทธิ์ของกับระเบิดรัสเซีย ทหารหญิงนายนี้เปิดใจไว้กับบีบีซีว่าเธอเร่งฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกายเพื่อเข้าร่วมปฏิบัติการได้ทันที
แม้กระทรวงกลาโหมแห่งยูเครนบอกว่าไม่สามารถเปิดเผยตัวเลขการเสียชีวิตของทหารในสนามรบ เพราะเป็นข้อมูลอ่อนไหวที่ต้องปกปิดในห้วงเวลาแห่งศึกสงคราม แต่บีบีซีรายงานข้อมูลจำนวนทหารหญิงยูเครนที่เสียชีวิตในระหว่างปฏิบัติงานในรอบ 18 เดือนที่ผ่านมา ว่าไม่น้อยกว่า 93 นาย
ส่วนองค์การสังคมสงเคราะห์ Arm Women Now ก็ให้ตัวเลขกรณีทหารหญิงที่ได้รับบาดเจ็บว่าสูงกว่า 500 นาย
ตัวเลขเหล่านี้หมายถึงชีวิตจริงของผู้หญิงที่สมัครเข้าเป็นทหารและได้รับผลจากการสู้รบ ในเวลาเดียวกัน ตัวเลขเหล่านี้หมายถึงความเป็นจริงที่ว่า สมุดจดเบอร์โทรศัพท์ของอันเดรียอานากลายเป็นลิสต์รายชื่อเพื่อนหญิงร่วมรบที่เสียชีวิตไปในสมรภูมิ
“เพื่อนๆ ของดิฉันจากไปแล้วมากกว่า 100 คนค่ะ แล้วจะมีอีกกี่เบอร์ก็ไม่ทราบ ที่ดิฉันต้องบันทึกว่าลาลับ” อันเดรียอานากล่าวกับบีบีซีอย่างนั้น
สิบเอกอันเดรียอานา อาเรคตา ย้ำว่าราคาที่ได้จ่ายไปแล้วเพื่อรักษาเอกราชแห่งบ้านเกิดเมืองนอนของเธอสูงลิ่วเกินกว่าจะยอมแพ้
โดย รัศมี มีเรื่องเล่า
(ที่มา : บีบีซี สกายนิวส์ เอ็มเอสเอ็นบีซี เว็บไซต์ข่าว espritdecorps.ca)